วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"กฎหมายนั้นไม่ใช่ตัวความยุติธรรม เป็นแต่เพียงเครื่องมืออย่างหนึ่ง สำหรับใช้ในการรักษาและอำนวยความยุติธรรมเท่านั้น การใช้กฎหมายจึงต้องมุ่งหมายใช้เพื่อรักษาความยุติธรรมไม่ใช่เพื่อรักษาตัวบทของกฎหมายเอง และการรักษาความยุติธรรมในแผ่นดิน ก็มิได้มีวงแคบอยู่เพียงแค่ขอบเขตของกฎหมาย หากต้องขยายออกไปให้ถึงศีลธรรมจรรยาตลอดจนเหตุและผลตามความเป็นจริงด้วย"
        พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพิธีพระราชทานประกาศนีย บัตรแก่ผู้สอบไล่ได้วิชาความรู้ชั้นเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ ๓๓ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๔๒๔

ผู้บัญชาการทหารเรือตรวจเยี่ยมการฝึกภาคสนามและภาคทะเล ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘

วันนี้ (๒๘ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๐๙.๑๕ น. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘ ประกอบด้วย การฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) และการฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล (SAR) ซึ่งทำการฝึกบริเวณวัดสมุทรธาราม และหาดละไม เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
         การฝึกกองทัพเรือ เป็นการฝึกที่สำคัญและทำการฝึกเป็นประจำทุกปี โดยมี กรมยุทธการทหารเรือ เป็นหน่วยรับผิดชอบการฝึก เป็นการฝึกในลักษณะบูรณาการด้วยการนำการปฏิบัติการทางทหาร การปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ ของส่วนกำลังรบ การปฏิบัติการและการสนับสนุนของส่วนอื่น ๆ มาทำการฝึกภายใต้สถานการณ์เดียวกันและใช้ทรัพยากรร่วมกัน โดยมีหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ทั้งจากส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนยุทธบริการ และส่วนการศึกษา เข้าร่วมการฝึก รวม ๒๑ หน่วย ประกอบด้วย กรมกำลังพลทหารเรือ กรมข่าวทหารเรือ กรมยุทธการทหารเรือ กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ ๑ ทัพเรือภาคที่ ๒ ทัพเรือภาคที่ ๓ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ฐานทัพเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือกรุงเทพ กรมสารวัตรทหารเรือ กรมสรรพาวุธทหารเรือ กรมพลาธิการทหารเรือ กรมแพทย์ทหารเรือ กรมการขนส่งทหารเรือ กรมอุทกศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ และโรงเรียนนายเรือ
          การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘ ทำการฝึกระหว่างวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ - ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ พื้นที่ฝึกบริเวณที่ตั้งหน่วย พื้นที่ปฏิบัติการ และพื้นที่ฝึกของกองทัพเรือ โดยมี พลเรือเอก พจนา เผือกผ่อง รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้อำนวยการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘ สำหรับแนวทางการจัดการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘ มีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อทดสอบกระบวนการวางแผนทางทหารของหน่วยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามแผนป้องกันประเทศ และเพื่อทดสอบการอำนวยการยุทธ์ของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ และศูนย์บัญชาการทางทหารระดับต่าง ๆ ของกองทัพเรือตามโครงสร้าง และแนวทางการใช้กำลังของกองทัพเรือในปัจจุบัน โดยทำการฝึกในลักษณะ "รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น" คือ หน่วยจะต้องปฏิบัติภารกิจหน้าที่ใดในสถานการณ์จริง ให้ปฏิบัติภารกิจหน้าที่นั้นในสถานการณ์ฝึก ทั้งนี้ ได้นำปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะของการฝึกกองทัพเรือในปี ๒๕๕๗ มาพิจารณาให้สอดคล้องตามแผนการปฏิบัติงานของหน่วย ซึ่งขอบเขตการฝึกครอบคลุมทั้งในส่วนของการส่งกำลัง การซ่อมบำรุง การขนส่ง และการบริการทางการแพทย์ โดยมีขั้นตอนการฝึก แบ่งออกเป็น ๓ ขั้นตอน คือ ขั้นเตรียมการฝึก, ขั้นการฝึก ประกอบด้วยการอบรมในห้องเรียน การฝึกปัญหาที่บังคับการและการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล และขั้นการสัมมนาสรุปผลการฝึก โดยห้วงระยะเวลาการฝึกที่สำคัญ คือ การฝึกปัญหาที่บังคับการ ทำการฝึกระหว่างวันที่ ๙ - ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ การฝึกด้วยเครื่องจำลองยุทธ์ ทำการฝึกระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ และการฝึกภาคสนาม/ทะเล ทำการฝึกระหว่างวันที่ ๒๗ เมษายน - ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘
          สำหรับการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล ในครั้งนี้ ประกอบด้วย การฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) และการฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล (SAR) โดยในส่วนของการฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกการบัญชาการของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ Incident Command Center บนเรือธง โดยเป็นการฝึกในภัยพิบัติระดับ ๓ กรณีภัยจากพายุขนาดใหญ่ เน้นการประเมินและวิเคราะห์ภัยพิบัติ การฝึกศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ การทดสอบขีดความสามารถด้าน HA/DR ของหน่วยยุทธวิธี โดยสมมติสถานการณ์ว่า ได้เกิดภัยพิบัติจากพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ ในพื้นที่ ๔ จังหวัดภาคใต้ของประเทศ เป็นผลทำให้มีโคลนถล่ม อาคารทรุดตัว บ้านเรือนเสียหายจากพายุ เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ระบบการติดต่อสื่อสารใช้การไม่ได้เป็นบริเวณกว้าง มีโรคระบาด ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก รัฐบาลประกาศยกระดับภัยพิบัติเป็นระดับ ๓ มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการป้องกันภัยแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นศูนย์อำนวยการสนับสนุนจากส่วนกลาง ส่วนกองทัพไทยได้สั่งการให้จัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนหน้า ในพื้นที่จังหวัดชุมพร สำหรับพื้นที่ที่มีความเสียหายมากที่สุดและยังไม่มีหน่วยงานจากส่วนกลางเข้า ไปในพื้นที่ได้ คือ เกาะสมุย และเกาะพงัน นั้น รัฐบาลได้มอบหมายให้กองทัพเรือเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์เข้าควบคุมพื้นที่ ทั้ง ๒ เกาะ ในภารกิจการค้นหาและช่วยชีวิต การบรรเทาสาธารณภัยและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติ คือ การรับแจ้งและระบบการรายงานสถานการณ์, การวางแผนขั้นต้น, การค้นหา/เข้าสู่พื้นที่ Locate, การเข้าถึงผู้ประสบภัยในพื้นที่เกิดเหตุ, การช่วยเหลือพยาบาล การเคลื่อนย้าย Stabilize และการนำส่งพื้นที่รองรับ/ส่งต่อสายแพทย์หรือพื้นที่พยาบาลโรงพยาบาลสนาม
          ด้านการฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล เป็นการฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมของหน่วยกำลังในทัพเรือภาคที่ ๒ โดยสมมติสถานการณ์และขั้นตอนการปฏิบัติว่า ทัพเรือภาคที่ ๒ ได้รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุประมง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่ามีเรือประมงประสบเหตุอับปางบริเวณทางด้านตะวันออกของเกาะสมุย โดยมีกำลังที่เข้าร่วมการฝึกประกอบด้วย เรือตรวจการณ์ปืน จำนวน ๑ ลำ (เป็นเรือประสบภัย), เรือหลวงกระบี่ (เรือควบคุม), เรือยาง SAFETY พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ, เฮลิคอปเตอร์แบบ ซูเปอร์ลิงซ์, เรือจากหน่วยอื่น ๆ ในพื้นที่ และรถพยาบาลจากมูลนิธิในพื้นที่ พร้อมเจ้าหน้าที่ (ที่มา : สลก.ทร.)

กองทัพเรือ ทำการฝึกยิงจรวดประทับบ่า QW18 ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘

วันนี้ (๒๘ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๐๙.๐๐ น. กองทัพเรือ โดย หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ร่วมกับ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ทำการฝึกยิงจรวดประทับบ่า QW18 ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘ ณ สนามฝึกยิงอาวุธทุ่งโปรง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
          การฝึกกองทัพเรือเป็นการฝึกที่สำคัญและทำการฝึกเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทดสอบกระบวนการวางแผนทางทหารของหน่วยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามแผนป้องกันประเทศ และเพื่อทดสอบการอำนวยการยุทธ์ของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ และศูนย์บัญชาการทางทหารระดับต่าง ๆ ของกองทัพเรือตามโครงสร้าง และแนวทางการใช้กำลังของกองทัพเรือในปัจจุบัน โดยทำการฝึกในลักษณะ "รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น" คือ หน่วยจะต้องปฏิบัติภารกิจหน้าที่ใดในสถานการณ์จริง ให้ปฏิบัติภารกิจหน้าที่นั้นในสถานการณ์ฝึก ทั้งนี้ ได้นำปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะของการฝึกกองทัพเรือในปี ๒๕๕๗ มาพิจารณาให้สอดคล้องตามแผนการปฏิบัติงานของหน่วย
           สำหรับการฝึกยิงจรวดประทับบ่า แบบ QW18 (Qian Wei - 18) เป็นจรวดป้องกันภัยทางอากาศพิสัยยิงใกล้ นำวิถีด้วยระบบอินฟราเรด ผลิตโดย บริษัท China National Precision Machinery Import and Export Corp. (CPMIEC) ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยปัจจุบัน QW - 18 มีประจำการใน กองเรือยุทธการ, หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
           คุณลักษณะสำคัญของ QW-18 สามารถใช้งานได้ทุกสภาวะอากาศ, มีระบบป้องกัน IR Jamming, ใช้งานง่าย ทำการยิงได้สะดวกและแม่นยำ, น้ำหนักโดยรวมประมาณ ๑๘ kg, จรวดมีความเร็ว ๖๐๐ m/s และสามารถใช้โจมตีเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินโจมตี เฮลิคอปเตอร์ ที่มีความเร็วไม่เกิน ๓๐๐ m/s ระดับความสูง ๑๐ - ๔๐๐๐ m (ที่มา : สลก.ทร.)

ขอเชิญฟังการอภิปราย เรื่อง "สงครามไซเบอร์ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพเรือ"

ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ กำหนดจัดการสัมมนาในลักษณะการอภิปรายเป็นคณะ เรื่อง "สงครามไซเบอร์ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพเรือ" ณ ห้องประชุม ๕๐๔ อาคารสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๒.๐๐ น.
         การอภิปรายเป็นคณะ เรื่อง "สงครามไซเบอร์ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพเรือ" ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มของภัยคุกคามของไซ เบอร์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพเรือ รวมไปถึงเพื่อเป็นการเตรียมการรับมือกับภัยของไซเบอร์ในทุกรูปแบบ ทั้งปฏิบัติการเชิงรุกและเชิงรับอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กับผู้แทนหน่วยต่าง ๆ เพื่อนำไปถ่ายทอดให้กับกำลังพลในหน่วยให้สามารถปฏิบัติการร่วมด้านไซเบอร์ใน อนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวิทยากรจากผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, นายนรินทร์ฤทธิ์ เปรมอภิวัฒโนกุล กรรมการสมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ, พันเอก ชาติชาย ชัยเกษม ผู้อำนวยการกองสงครามเครือข่าย กรมยุทธการทหาร, นาวาเอก นิรินธน์ ธานีรัตน์ รองผู้อำนวยการกองระบบควบคุมและบังคับบัญชา สำนักปฏิบัติการกรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ และ นาวาเอก ยศภาค โชติกพงศ์ อาจารย์ฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ
          ขอเชิญข้าราชการที่สนใจเข้าฟังการอภิปรายเป็นคณะในหัวข้อเรื่อง "สงครามไซเบอร์ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพเรือ" ได้ ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว (ที่มา : ศยร.ยศ.ทร.)

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"การใช้จ่ายอย่างประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเอง และครอบครัวช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ที่ประหยัดเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย"
          พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๒

พิธีประดับเครื่องหมายยศและมอบประกาศนียบัตรให้แก่นักเรียนจ่าและนักเรียนดุริยางค์ ที่สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗

วันนี้ (๒๗ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๑๕.๐๐ น. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศและมอบประกาศนียบัตรนักเรียนจ่าทหารเรือ และนักเรียนดุริยางค์ทหารเรือ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗ ณ หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โดยมี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมประดับเครื่องหมายยศ ฯ
        การประดับเครื่องหมายยศและมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาเป็นจ่าใหม่ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗ มีผู้สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนชุมพลทหารเรือ, โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ, โรงเรียนทหารนาวิกโยธิน, โรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์, โรงเรียนพลาธิการ, โรงเรียนนาวิกเวชกิจ, โรงเรียนการขนส่งทหารเรือ และโรงเรียนดุริยางค์ จำนวน ๗๙๓ นาย ซึ่งจะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ จำนวน ๗๖๐ นาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน ๓๐ นาย และกองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน ๓ นาย ในจำนวนนี้มีผู้ได้รับประกาศนียบัตรคะแนนเยี่ยมภาคทฤษฎี คะแนนเยี่ยมภาคปฏิบัติ และคะแนนรวมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเป็นเยี่ยม จำนวน ๑๖ นาย ได้แก่
       - โรงเรียนชุมพลทหารเรือ
       - คะแนนรวมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเป็นเยี่ยม นักเรียนจ่า วิทยา ศรีหล้า
       - คะแนนเยี่ยมภาคทฤษฎี นักเรียนจ่า นุติ คำอดุลย์
       - คะแนนเยี่ยมภาคปฏิบัติ นักเรียนจ่า เศวต อยู่ในวงศ์
       - โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ
           - คะแนนเยี่ยมภาคทฤษฎี คะแนนเยี่ยมภาคปฏิบัติ และคะแนนรวมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเป็นเยี่ยม นักเรียนจ่า ศิวกร เคียมเส็ง
       - โรงเรียนทหารนาวิกโยธิน
           - คะแนนเยี่ยมภาคทฤษฎี และคะแนนรวมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเป็นเยี่ยม นักเรียนจ่า ภูมิพัฒน์ เขตอนันท์
           - คะแนนเยี่ยมภาคปฏิบัติ นักเรียนจ่า กนกพล ชะเอมเทศ
        - โรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์
            - คะแนนรวมภาคทฤษฎีและคะแนนรวมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเป็นเยี่ยม นักเรียนจ่า สันติชัย มาสีปา
            - คะแนนเยี่ยมภาคปฏิบัติ นักเรียนจ่า วรัญชิต บุญเอียด
          - โรงเรียนพลาธิการ
             - คะแนนเยี่ยมภาคทฤษฎี คะแนนเยี่ยมภาคปฏิบัติและคะแนนรวมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเป็นเยี่ยม นักเรียนจ่า สุทธิพงษ์ โวหาร
            - โรงเรียนนาวิกเวชกิจ
              - คะแนนเยี่ยมภาคทฤษฎี และคะแนนรวมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเป็นเยี่ยม นักเรียนจ่า วรพรต อภิลักขิตการ
              - คะแนนเยี่ยมภาคปฏิบัติ นักเรียนจ่า จักรพันธ์ โมรา
           - โรงเรียนการขนส่งทหารเรือ
              - คะแนนเยี่ยมภาคทฤษฎี และคะแนนรวมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเป็นเยี่ยม นักเรียนจ่า อนุรักษ์ หงษ์สำโรง
              - คะแนนเยี่ยมภาคปฏิบัติ นักเรียนจ่า ธัชชพงษ์ รุ่งสว่าง
            - โรงเรียนดุริยางค์
              - คะแนนรวมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเป็นเยี่ยม นักเรียนดุริยางค์ ไพสิฐ ภู่ประไพ
              - คะแนนเยี่ยมภาคทฤษฎี นักเรียนดุริยางค์ นิธิพงษ์ สิรสุนทร
              - คะแนนเยี่ยมภาคปฏิบัติ นักเรียนดุริยางค์ หิรัณย์ บงกชมาศ (ที่มา : ยศ.ทร.)

พิธีเปิดการสัมมนาระดับภูมิภาค หัวข้อกฎหมายว่าด้วยการขัดกันด้วยอาวุธทางทะเล ณ โรงแรม Swiss Hotel Nai Lert Park

วันนี้ (๒๗ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๐๘.๓๐ น. พลเรือเอก พจนา เผือกผ่อง รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาระดับภูมิภาคเรื่องกฎหมายว่าด้วยการขัดกันด้วยอาวุธทางทะเล (Law of Armed Conflict at Sea) ณ โรงแรม Swiss Hotel Nai Lert Park กรุงเทพ ฯ โดยมี ข้าราชการกองทัพเรือเข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วย
         กองทัพเรือ เป็นเจ้าภาพร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (The International Committee of the Red Cross : ICRC) จัดการสัมมนาระดับภูมิภาค หัวข้อกฎหมายว่าด้วยการขัดกันด้วยอาวุธทางทะเล (Law of Armed Conflict at Sea) เป็นการดำเนินการพันธกรณีอนุสัญญาเจนีวา คริสตศักราช ๑๙๔๙ ที่ประเทศร่วมลงนามต้องเผยแพร่หลักเกณฑ์และความรู้ให้หน่วยทหารของตนได้รับ ทราบ เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรม และการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ นับเป็นโอกาสที่กองทัพเรือจะได้แสดงบทบาทนำในภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์กองทัพเรือ "เป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาคและเป็นเลิศในการ บริหารจัดการ" รวมทั้งจะทำให้กำลังพลกองทัพเรือได้เพิ่มพูนความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยตรงกับการใช้กำลังทางเรือของกองทัพเรือ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในอนาคต
           การสัมมนาในหัวข้อดังกล่าวในส่วนของกองทัพเรือ จัดบรรยายพิเศษ จำนวน ๒ หัวข้อ ได้แก่ ประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่กองกำลังเฉพาะกิจผสม ๑๕๑" และ "ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล" ซึ่งเป็นเรื่องที่กองทัพเรือมีบทบาทเกี่ยวข้องโดยตรง และเพื่อประชาสัมพันธ์ประสบการณ์และผลการปฏิบัติงานระดับนานาชาติของกองทัพ เรือให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาทราบ รวมทั้งเป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์บทบาทของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ได้ทราบถึงกลไกการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของไทย ซึ่งเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับกองทัพเรือโดยรวม
           สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ มีผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ ประกอบด้วย ประเทศบรูไนดารุสซาลาม, สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน, เครือรัฐออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์,ญี่ปุ่น, สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ, สาธารณรัฐอินโดนีเซีย, สาธารณรัฐเกาหลี, มาเลเซีย, สาธารณรัฐสิงคโปร์, สาธารณรัฐฟิลิปปินส์, ปาปัวนิวกินี, ผู้แทนจากกองกำลังสหรัฐอเมริกาประจำภาคพื้นแปซิฟิก (USPACOM) และผู้แทนกองทัพเรือ เข้าร่วมสัมมนา ฯ (ที่มา : ยก.ทร.)

ขอเชิญฟังการอภิปราย เรื่อง "สงครามไซเบอร์ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพเรือ"

ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ กำหนดจัดการสัมมนาในลักษณะการอภิปรายเป็นคณะ เรื่อง "สงครามไซเบอร์ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพเรือ" ณ ห้องประชุม ๕๐๔ อาคารสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๒.๐๐ น.
        การอภิปรายเป็นคณะ เรื่อง "สงครามไซเบอร์ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพเรือ" ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มของภัยคุกคามของไซ เบอร์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพเรือ รวมไปถึงเพื่อเป็นการเตรียมการรับมือกับภัยของไซเบอร์ในทุกรูปแบบ ทั้งปฏิบัติการเชิงรุกและเชิงรับอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กับผู้แทนหน่วยต่าง ๆ เพื่อนำไปถ่ายทอดให้กับกำลังพลในหน่วยให้สามารถปฏิบัติการร่วมด้านไซเบอร์ใน อนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวิทยากรจากผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, นายนรินทร์ฤทธิ์ เปรมอภิวัฒโนกุล กรรมการสมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ, พันเอก ชาติชาย ชัยเกษม ผู้อำนวยการกองสงครามเครือข่าย กรมยุทธการทหาร, นาวาเอก นิรินธน์ ธานีรัตน์ รองผู้อำนวยการกองระบบควบคุมและบังคับบัญชา สำนักปฏิบัติการกรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ และ นาวาเอก ยศภาค โชติกพงศ์ อาจารย์ฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ           ขอเชิญข้าราชการที่สนใจเข้าฟังการอภิปรายเป็นคณะในหัวข้อเรื่อง "สงครามไซเบอร์
ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพเรือ" ได้ ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว (ที่มา : ศยร.ยศ.ทร.)

ขอเชิญสักการะพระพุทธชยันตีองค์ดำนาลันทา สวดมนต์ ฝึกสมาธิ ๒๙ - ๓๐ เมษายน นี้ ที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า

โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ จัดโครงการ "PINKLAO เสริมพลัง สร้างสุข ปลุกหัวใจ" ร่วมกับเสถียรธรรมสถาน เคลื่อนขบวนธรรมยาตรามีพระพุทธชยันตีองค์ดำนาลันทา พระผู้เป็นเลิศแห่งการเยียวยาและปัญญาไปสู่ทุกชุมชน ณ ลานหน้าตึกอุบัติเหตุเก่า (ลานหน้าศูนย์กู้ชีพ) โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โดยในวันที่ ๒๙ เมษายน ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. - ๒๐.๐๐ น. มีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย พิธีกราบสักการะพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา, การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสริมพลังสร้างใจด้วยธรรมะ โดยทีมแม่ชี จากเสถียรธรรมสถาน, เยี่ยมผู้ป่วยในห้อง ICU การเสริมพลัง สร้างสุข ด้วยการปลุกหัวใจในการทำงาน และการเยียวยา การแก้ปัญหาการเจ็บป่วย ช่วยได้ ด้วยธรรมะ, ฟังการบรรยายธรรม โดยแม่ชีศันสนีย์ "ครอบครัวหัวใจของการเยียวยา" และปิดท้ายด้วยการสวดมนต์ ฝึกสมาธิ
         สำหรับกิจกรรมในวันที่ ๓๐ เมษายน ระหว่างเวลา ๐๖.๓๐ น. - ๒๐.๐๐ น. ร่วมตักบาตรบริเวณหน้าพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา, กราบไหว้บูชาพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา, การนำนวัตกรรมทางจิตวิญญาณของเสถียรธรรมสถานสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้, การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ธรรมะกับชีวิต, กิจกรรมธรรมะปลุกหัวใจสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสวดมนต์ ฝึกสมาธ
          โครงการ "PINKLAO เสริมพลังสร้างสุข ปลุกหัวใจ" เป็นการสร้างวัฒนธรรมแห่งความสุข บุคลากรในองค์กรหลักเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับองค์กร พร้อมที่จะผลักดันให้องค์กรก้าวหน้าอย่างยั่งยืน และวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อให้มีการสื่อสารแบบเอื้ออาทร มุ่งเน้นให้มีความเอื้อความสุขกับผู้ใช้บริการ และผู้ร่วมงานมีความผูกพัน เข้าใจกัน รู้จักให้อภัยกันได้ โดยมีแรงจูงใจในการทำงานมาจากความสุขที่อยู่ภายในของบุคคล รวมทั้งบุคลากรที่มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของตนเอง มีความสามารถในการปรับปรุงความฉลาดทางอารมณ์ของตนเอง จะช่วยให้การทำงานมีความราบรื่น ลดความขัดแย้งภายในองค์กร และสามารถนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้บุคลากรทุกระดับของโรงพยาบาล ผู้ที่สนใจทั่วไป ผู้ป่วยวิกฤติ เรื้อรัง ผู้ป่วยระยะสุดท้าย และญาติ เข้าร่วมกิจกรรม
           สนใจร่วมกิจกรรมในโครงการ "PINKLAO เสริมพลัง สร้างสุข ปลุกหัวใจ" ติดต่อสอบถามได้ที่ นาวาโทหญิง พรทิพย์ ไตรภัทร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๒๘๙๔ หรือ ๐ ๒๔๗๕ ๒๕๓๒ (ที่มา : พร.)

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 "ถ้าทุกคนสนใจในความรักประเทศชาติ รักษาความดีเอาไว้ ไม่ต้องไปตามอย่างในสิ่งที่เราเห็นว่าไม่น่าที่จะเจริญ ไม่น่าจะพัฒนา เราต้องรักษาแนวทางความคิดตามที่เรามีอยู่ แม้จะเป็นสิ่งที่ตกทอดมาแต่โบราณกาลจากปู่ย่าตายายของเรา แต่เป็นระเบียบการหรือเป็นวิธีการที่ดี จะไม่ล้าสมัย"
          พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ๑๓ มีนาคม ๒๕๑๔

พิธีเปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพเรือ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘

 วันนี้ (๒๓ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๐๙.๐๐ น. พลเรือเอก พจนา เผือกผ่อง รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพเรือ รุ่นที่ ๑๒ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพ ฯ โดยมี พลเรือโท จุมพล ลุมพิกานนท์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ กล่าวรายงาน
         กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ จัดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพเรือ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (พสบ.ทร.รุ่นที่ ๑๒) ระหว่างวันที่ ๒๓ เมษายน ถึง ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๑ กรมสวัสดิการทหารเรือ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านความมั่นคงของชาติทางทะเล และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ โดยมี ข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เข้ารับการอบรม จำนวน ๕๔ คน ได้แก่ ข้าราชการกองทัพเรือ ข้าราชการจากเหล่าทัพ ข้าราชการพลเรือน พนักงานรัฐวิสาหกิจ และบุคคลระดับผู้บริหารจากภาคเอกชน (ที่มา : กพร.ทร.)

พิธีเปิดการฝึกอบรมอาชีพทหารกองประจำการ รุ่นที่ ๓/๕๘

วันนี้ (๒๓ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๐๙.๒๐ น. พลเรือเอก สมศักดิ์ พยัคคง รองประธานคณะกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองประจำการกองทัพเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมอาชีพทหารกองประจำการ รุ่นที่ ๓/๕๘ ณ สโมสรสัญญาบัตร ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
         กองทัพเรือ โดย คณะกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองทัพเรือ จัดให้มีการฝึกอาชีพให้แก่ทหารกองประจำการ เพื่อส่งเสริมเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ในวิชาชีพสาขาต่าง ๆ ให้แก่ทหารกองประจำการของกองทัพเรือ เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพเมื่อปลดประจำการไปแล้ว โดยได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน, กรมเจ้าท่า และสมาคมเจ้าของเรือไทย
         การฝึกอบรมอาชีพให้แก่ทหารกองประจำการในครั้งนี้ เป็นการอบรมในรุ่นที่ ๓ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ มีทหารกองประจำการจากหน่วยต่าง ๆ เข้ารับการฝึกอบรมอาชีพในหลักสูตรต่าง ๆ ได้แก่ หลักสูตรอาชีพช่างทั่วไปและหลักสูตรกำลังพลประจำเรือพาณิชย์ เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อจบการฝึกอบรมแล้ว ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับวุฒิบัตร เพื่อใช้ประกอบในการสมัครงานทุกนาย (ที่มา : คพท.)

กองทัพเรือสนับสนุนการจัดพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี ๒๕๕๘

กองทัพเรือ ร่วมสนับสนุนการจัดพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี ๒๕๕๘ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองบัญชาการ กองทัพไทย แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๘ ระหว่างเวลา ๐๗.๐๐ น. - ๑๑.๓๐ น. โดยมี พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน ฯ และมี นายทหารชั้นนายพลเรือ พร้อมคณะ เข้าร่วมพิธี
         ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ กำหนดให้วันที่ ๒๕ เมษายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และให้ประกอบพิธี เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เชิดชูเกียรติคุณ พระปรีชาสามารถที่เลื่องลือปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ตราบเท่าทุกวันนี้ กำหนดให้ส่วนราชการทั้งส่วนราชการทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ พร้อมใจกันทั่วประเทศ
           สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๒ มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตริย์ (พระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัยและสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พุทธศักราช ๒๐๙๘ ที่ พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลกมีพระเชษฐภคินีคือ พระสุพรรณกัลยา มีพระอนุชาคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) และเป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย พระนามของพระองค์ปรากฏในลายลักษณ์อักษรหลายฉบับ เช่น พระนเรศ วรราชาธิราช, พระนเรสส, องค์ดำ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าพระนาม นเรศวรได้มาจากที่ใด สันนิษฐานเบื้องต้นว่า เพี้ยนมาจาก สมเด็จพระนเรศ วรราชาธิราช มาเป็น สมเด็จพระนเรศวร ราชาธิราช เสด็จขึ้นครองราชเมื่อ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๑๓๓ สิริรวมการครองราชสมบัติ ๑๕ ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๑๔๘ รวมพระชนมพรรษา ๕๐ พรรษา
          ราชการสงครามในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งของชาติไทย พระองค์ได้กู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพม่าตอนใต้ทั้งหมด นั่นคือ จากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางด้านตะวันตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใต้ตลอดไปถึงแหลมมลายู ทางด้านทิศเหนือก็ถึงฝั่งแม่น้ำโขงโดยตลอด และยังรวมไปถึงรัฐไทใหญ่บางรัฐ
           ดังนั้น กองบัญชาการกองทัพไทย จึงได้จัดการจัดงานวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขึ้น เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้เป็นพระมหากษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญ, เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์, เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งสมเด็จพระนเรศวร มหาราช ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ทำนุบำรุงบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนปกปักรักษาเอกราชของชาติ, เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งสมเด็จพระ นเรศวรมหาราช ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ทำนุบำรุงบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนปกปักรักษาเอกราชของชาติ (ที่มา : กพ.ทร., วิกิพีเดีย)

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 "ชาติบ้านเมืองประกอบด้วยนานาสถาบัน อันเปรียบได้กับอวัยวะทั้งปวง ที่ประกอบกันขึ้นเป็นชีวิตร่างกาย ชีวิตร่างกายดำรงอยู่ได้ เพราะอวัยวะใหญ่น้อยทำงานเป็นปรกติพร้อมกันอย่างไร ชาติบ้านเมืองก็ดำรงอยู่ได้เพราะสถาบันต่าง ๆ ตั้งมั่นและปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยพร้อมมูลอย่างนั้น"
          พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และอาสาสมัครพลเรือน ในพิธีตรวจพลสวนสนาม ในงานพระราชพิธีรัชดาภิเษก ๘ มิถุนายน ๒๕๑๔

ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมแถลงผลงานของรัฐบาลรอบ ๖ เดือน

วันนี้ (๒๒ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๑๐.๐๐ น. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมแถลงผลงานของรัฐบาลรอบ ๖ เดือน ณ ห้องหลักเมือง ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม กรุงเทพมหานคร โดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการแถลงผลงาน ฯ และมี ผู้บัญชาการสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าร่วมการแถลงผลงาน ฯ
         การแถลงผลงานของรัฐบาลในส่วนของกระทรวงกลาโหมรอบ ๖ เดือน ในครั้งนี้ มุ่งเน้นการนำเสนอผลงานสำคัญที่สามารถสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน อาทิ การแก้ไขปัญหาความยากจน, การช่วยเหลือและบริการประชาชน, การสร้างสภาพแวดล้อมของประเทศให้มีความน่าอยู่และมีความปลอดภัย, การส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศ การส่งเสริมหลักธรรมาภิบาล และการเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยในส่วนของกองทัพเรือมีเนื้อหาเกี่ยวกับบทบาทในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทางทะเล การส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศ และการส่งเสริมหลักธรรมาภิบาล ประกอบด้วย ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.), การจัดกำลังพลปฏิบัติหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือเฉพาะกิจผสม ๑๕๑ พร้อมฝ่ายอำนวยการ และการจัดตั้งศูนย์ประสานราชการใสสะอาด เป็นต้น (ที่มา : ยก.ทร.)

พิธีเปิดกิจกรรมอาชีพเสริมให้แก่กำลังพลหญิงพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประจำปี ๒๕๕๘

วันนี้ (๒๒ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๑๓.๐๐ น. พลเรือตรีหญิง สุปาณี เชาวน์แหลม หัวหน้าหน่วยสำนักงานทหารเรือหญิง เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมอาชีพเสริมให้แก่กำลังพลหญิง ประจำปี ๒๕๕๘ พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ สโมสรกรมแพทย์ทหารเรือ
         การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้านอาชีพเสริมและส่งเสริมการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างข้าราชการหญิง ลูกจ้างหญิง และพนักงานราชการหญิง ซึ่งเป็นการสร้างไมตรีและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกทั้งยังสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ ให้แก่ตนเองและครอบครัว สำหรับกิจกรรมอาชีพเสริมในครั้งนี้ มีจำนวน ๕ อาชีพ ได้แก่ การตกแต่งหมวก, การทำสบู่เดคูพาจ, การทำเครปเค้ก, การทำคานาเป้ และการทำน้ำสลัดสูตรงาบดซีอิ้วญี่ปุ่นและสูตรเพื่อสุขภาพวาชาบิ โดยมีวิทยากรจากศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัดและโรงเรียนนายเรือมาให้ความรู้
         ในการนี้ กรมการขนส่งทหารเรือ ได้สนับสนุนรถโดยสารปรับอากาศ บริการรับ - ส่งผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยกำหนดออกจากกองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เวลา ๑๒.๐๐ น. และรับผู้ร่วมกิจกรรมหน้ากรมการเงินทหารเรือ พื้นที่พระราชวังเดิม เวลา ๑๒.๑๕ น. (ที่มา : สน.ทร.หญิง)

กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ประจำปี ๒๕๕๘ ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราด

กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและ ตราด ได้จัดรถยนต์บรรทุกน้ำและรถยนต์ดัดแปลงบรรทุกน้ำ รวมจำนวน ๔๒ คัน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและ จังหวัดตราด ตามที่ได้รับการแบ่งมอบพื้นที่จากจังหวัด โดยประชาชนสามารถติดต่อประสานขอรับการสนับสนุนน้ำอุปโภคบริโภคได้ที่หน่วย ต่าง ๆ ดังนี้
         ๑. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๓๒๕๓๕๒
         ๒. หน่วยบรรเทาสาธารณภัยกองกำลังด้านจันทบุรี - ตราด หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๓๑๒๑๗๒ พื้นที่ให้ความช่วยเหลือ อำเภอมะขาม อำเภอขลุง และอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
         ๓. หน่วยบรรเทาสาธารณภัยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๔๔๗๑๔๔ พื้นที่ให้ความช่วยเหลือ อำเภอโป่งน้ำร้อน และ อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
          ๔. หน่วยบรรเทาสาธารณภัยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๕๐๑๑๗๗ พื้นที่ให้ความช่วยเหลือ อำเภอเมืองตราด อำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ และอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด
          ๕. สถานีวิทยุกระจายเสียงทหารเรือ ๔ จันทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๓๐๑๖๙๐
          ๖. สถานีวิทยุกระจายเสียงทหารเรือ ๑๐ ตราด หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๕๙๙๑๑๒
         สำหรับน้ำอุปโภคบริโภค ได้รับการสนับสนุนจากการประปาส่วนภูมิภาคสาขาจันทบุรี, การประปาส่วนภูมิภาคสาขาขลุง, การประปาส่วนภูมิภาคสาขาตราด และ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาคลองใหญ่ เป็นต้น โดยไม่คิดมูลค่าค่าน้ำประปา เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้ง ในโอกาสนี้ กองบัญชาการป้องกัน ชายแดนจันทบุรีและตราด ขอขอบคุณแทนชาวจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดไว้ ณ ที่นี้ด้วย (ที่มา : กปช.จต.)

กองทัพเรือ ทำการเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหาร ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ระหว่าง ๖ - ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘

กองทัพเรือ จะทำการเรียกพลนายทหารสัญญาบัตรกองหนุน และนายทหารประทวนกองหนุน พรรคนาวิน สังกัดกองเรือยุทธการ เพื่อฝึกวิชาทหารประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๖ - ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กองการฝึก กองเรือยุทธการ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี กำหนดรายงานตัวในวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เวลา ๐๘.๐๐ น. ณ อาคารกองวิชาการเรือและเดินเรือ กองการฝึก กองเรือยุทธการ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
         ขอเชิญผู้ที่ได้รับคำสั่งเรียกพล หรือหมายเรียกพล เดินทางไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมกำลังพลทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๗๖ และ ๐ ๒๔๖๕ ๐๐๑๒ (ที่มา : กพ.ทร.)

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"การมีเสรีภาพนั้น เป็นของที่ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อจะใช้ จำเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ตามความรับผิดชอบ มิให้ล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นที่เขามีอยู่เท่าเทียมกัน ทั้งมิให้กระทบกระเทือนถึง สวัสดิภาพและความเป็นปกติสุขของส่วนร่วมด้วย"
         พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ๙ กรกฎาคม ๒๕๑๔

ช่องทางการรับแจ้งเรื่องสำหรับชาวต่างประเทศ สายด่วน เหตุด่วน เหตุฉุกเฉิน ๑๑๕๕ ร้องทุกข์ทั่วไป ๑๑๑๑ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง

รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยมีข้อสั่งการหลายประการ ซึ่งล่าสุดได้สั่งการให้มีช่องทางการรับเรื่องร้องทุกข์สำหรับชาวต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยหรือพำนักอยู่ในประเทศไทย
         สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการชาวต่างประเทศ จึงร่วมกันบูรณาการช่องทางการรับเรื่องร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือสำหรับชาวต่างประเทศ ดังนี้
         - กรณีเหตุด่วน เหตุฉุกเฉิน ให้ใช้ช่องทาง สายด่วน ๑๑๕๕ ของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เป็นช่องทางหลักในการรับเรื่องและประสานการดำเนินการแก้ไขปัญหา เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการ โดยให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง และมีล่ามช่วยแปลได้หลายภาษา รวมทั้งมีสถานีตำรวจท่องเที่ยว เปิดให้บริการทั่วประเทศ
         - กรณีการร้องทุกข์ทั่วไป ให้ใช้ช่องทางสายด่วนของรัฐบาล ๑๑๑๑ เป็นช่องทางหลักในการรับเรื่องและประสานการดำเนินการแก้ไขปัญหา เนื่องจากให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยสามารถให้บริการภาษาอังกฤษและเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการประสาน งานเรื่องร้องทุกข์ รวมทั้งมีเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานเรื่องร้องทุกข์ครอบคลุมทุกกระทรวง กรม จังหวัด รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอิสระ และกำลังขยายเครือข่ายไปยังสถานทูตไทยในประเทศอาเชียนด้วย (ที่มา : สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี)

กรมการขนส่งทหารเรือ รับสมัครบุคคลพลเรือนเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ ๒ อัตรา

กรมการขนส่งทหารเรือ มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลพลเรือนเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๒ อัตรา ในตำแหน่ง ช่างเชือกรอกและการอู่ โดยผู้สมัครจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด อายุ ๑๘ ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน ๓๕ ปีบริบูรณ์ และจะต้องผ่านการคัดเลือกทหารกองประจำการและหมดข้อผูกพันตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พุทธศักราช ๒๔๙๗ แล้ว
        หลักฐานการสมัครประกอบด้วย สำเนาหลักฐานการศึกษา, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร ของบิดา มารดา, รูปถ่าย ขนาด ๒ นิ้ว จำนวน ๒ รูป, สำเนาหลักฐานอื่น ๆ เช่น ใบสำคัญการสมรส ใบสำคัญการหย่า หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ - สกุล, สำเนาใบกองหนุนหรือใบแทน หรือหลักฐานที่แสดงว่าผ่านการคัดเลือกทหารกองประจำการ และใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐบาล
         ผู้ประสงค์จะสมัครขอรับใบสมัครได้ที่ กองกำลังพลและธุรการ กองบังคับการ กรมการขนส่งทหารเรือ เลขที่ ๒ ถนนอิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๕๔๖๓ หรือ ๐๘๑ ๒๕๙ ๖๘๖๑ กำหนดยื่นใบสมัครด้วยตนเอง ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ ในเวลาราชการ ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. (ที่มา : ขส.ทร.)

พิธีเปิดการแข่งขันเรือใบรายการหัวหินรีกัตต้า ๒๐๑๕

วันนี้ (๒๐ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๑๙.๐๐ น. พลเรือเอก พจนา เผือกผ่อง รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันเรือใบ รายการหัวหินรีกัตต้า ๒๐๑๕ ณ ห้องอเนกประสงค์ อาคารนาวีภิรมย์ ๑ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
         สมาคมแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับกองทัพเรือ จัดการแข่งขันเรือใบรายการหัวหิน รีกัตต้า ๒๐๑๕ ระหว่างวันที่ ๑๙ ถึง ๒๕ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณชายหาดโรงแรม รีเจ้นท์ ชาเล่ต์ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งสมาคมแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ฯ ได้ดำเนินการจนเรือใบรายการหัวหิน รีกัตต้า อย่างต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงชนะเลิศการแข่งขันเรือใบในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ ๔ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ และน้อมระลึกถึงพระปรีชาสามารถที่ทรงเรือใบประเภทโอเค ชื่อ "เวคา" ข้ามอ่าวไทย จากหน้าวังไกลกังวล หัวหิน ไปยังอ่าวเตยงาม หน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๙ ตลอดจนเพื่อเป็นการพัฒนาทักษะนักกีฬาเรือใบของประเทศไทยสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ
        การแข่งขันเรือใบรายการ "หัวหิน รีกัตต้า" นับเป็นรายการที่มีความสำคัญ และมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่คนไทยมีความภาคภูมิใจเพราะเกิดจากพระ อัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบารมีของพระองค์อย่างแท้จริง ที่ทำให้การแข่งขันรายการนี้มีการพัฒนาและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องจนถึง ปัจจุบัน สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้มีนักกีฬาแล่นใบระดับแนวหน้าจากนานาประเทศให้ เข้ามาร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมากดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา (ที่มา : สน.รอง ผบ.ทร.)

พิธีเปิดโครงการค่ายบุตร - ธิดานาวี ภาคฤดูร้อน ๒๕๕๘ ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ

วันนี้ (๒๐ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๑๑.๐๐ น. นางณุฉัตรา จันทร์สุวานิชย์ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการค่ายบุตร - ธิดานาวี ภาคฤดูร้อน ๒๕๕๘ ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี อุปนายกสมาคมภริยาทหารเรือ หัวหน้าหน่วยของกองทัพเรือ คณะกรรมการบริหารสมาคมภริยาทหารเรือ วิทยากรโครงการค่ายฯ ผู้ปกครอง และเยาวชนผู้ร่วมโครงการ ฯ เข้าร่วมพิธีเปิด
         สมาคมภริยาทหารเรือ ได้จัดโครงการค่ายบุตร - ธิดานาวี ภาคฤดูร้อน ในพื้นที่สัตหีบ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมซึ่งเป็นเยาวชนจากครอบครัวทหารเรือพื้นที่กรุงเทพมหานครและสัตหีบ ได้รู้จักคุ้นเคยกันมากขึ้น และเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกัน รวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน อีกทั้งได้รับความรู้เพิ่มเติม จากเนื้อหาวิชาต่าง ๆ รวมทั้งความสนุกสนานจากห้องเรียน และทัศนศึกษา ณ สถานที่ทางธรรมชาติวิทยา เพื่อสร้างจิตสำนึกให้เยาวชนเกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรของชาติ รวมทั้งพัฒนาทักษะทางสังคม เรียนรู้การอยู่กับผู้อื่น อันเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบัน เพื่อสร้างคุณค่าเยาวชนบุตร - หลานทหารเรือให้เป็นเยาวชนที่มีคุณภาพต่อไป (ที่มา : สมาคมภริยาทหารเรือ)

ขอเชิญร่วมงานฌาปนกิจศพ คุณแม่ยี่ แก้วเพ็ชร ณ วัดไทรทอง จังหวัดเพชรบุรี

ขอเชิญผู้ที่รู้จักคุ้นเคย ร่วมงานฌาปนกิจศพ คุณแม่ยี่ แก้วเพ็ชร มารดา เรือตรี ปรีชา แก้วเพ็ชร ประจำแผนกเลขานุการ กองเลขานุการ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ณ ฌาปนสถานวัดไทรทอง ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๖.๐๐ น.
(ที่มา : สลก.ทร.)

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 "ความสามัคคีนั้น อาจหมายความถึงเห็นชอบเห็นพ้องกันโดยไม่แย้งกัน ความจริงงานทุกอย่างหรือการอยู่เป็นสังคมย่อมต้องมีความขัดแย้งกัน ความคิดต่างกัน ซึ่งไม่เสียหาย แต่อยู่ที่จิตใจของเรา ถ้าเราใช้หลักวิชาและความปรองดองด้วยการใช้ปัญญา การแย้งต่าง ๆ ย่อมเป็นประโยชน์ หากมีรากฐานของความคิดอย่างเดียวกัน รากฐานของความคิดนั้นคือ แต่ละคนจะต้องทำให้บ้านเมืองมีความมีความเป็นปึกแผ่น"
         พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ มีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๑๗

พิธีปิดโครงการค่ายผู้นำเยาวชนสมานฉันท์ - จิตอาสา กองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑

วันนี้ (๑๐ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๑๐.๐๐ น. พลเรือโท ประพฤติพร อักษรมัต รองเสนาธิการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีปิดโครงการค่ายผู้นำเยาวชนสมานฉันท์ - จิตอาสา กองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ ณ ห้องหาดเล็ก อาคารอเนกประสงค์ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
        การจัดโครงการ "ค่ายผู้นำเยาวชนสมานฉันท์
- จิตอาสากองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘ เป็นกิจกรรมหนึ่ง ด้านกิจการพลเรือนของกองทัพเรือที่มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งใน สังคม โดยการส่งเสริมให้เยาวชนเป็นผู้นำทางความคิดในการเสริมสร้างความรักและความ สามัคคี รวมทั้งให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ ฯ มีความประทับใจและมีความศรัทธาเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของกองทัพเรือ อันจะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่และเสริมสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นใน สังคมอย่างยั่งยืนต่อไป (ที่มา : กพร.ทร.)

บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม เรื่อง "ฉลาดกับเฉลียว"

กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรม ในการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง "ฉลาดกับเฉลียว"
         นายฉลาดกับนายเฉลียว ซึ่งเป็นเพื่อนรักกันมากต่างชวนกันไปฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชากับอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง อาจารย์ผู้มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง อาจารย์สอนวิชาความรู้ให้ศิษย์ทั้ง ๒ เท่า ๆ กัน โดยไม่ปิดบังอำพราง ต่อมาวันหนึ่งทั้งสองคนขอลาอาจารย์กลับไปเยี่ยมบ้าน ระหว่างทางได้พบรอยเท้าขนาดใหญ่ของสัตว์ชนิดหนึ่ง นายฉลาดเอ่ยขึ้นว่า "รอยเท้าช้าง" นายเฉลียวกล่าวเสริมว่า "ใช่ ช้างตัวนี้ตาบอดข้างหนึ่ง" เมื่อเดินต่อมา เห็นรอยน้ำเปียกขึ้นที่พื้นดินข้างทาง นายฉลาดเอ่ยขึ้นอีกว่า "รอยปัสสาวะของผู้หญิง" นายเฉลียวก็กล่าวเสริมว่า "ใช่ ผู้หญิงคนนี้มีครรภ์ด้วย" หลังจากเดินต่อมาอีกพักใหญ่ก็ได้พบช้างตาบอดข้างหนึ่ง และก่อนจะเข้าเขตหมู่บ้านก็ได้พบหญิงมีครรภ์คนหนึ่งเหมือนกับที่นายเฉลียวบอกทุกอย่าง
         เมื่อกลับมาที่สำนักของอาจารย์นายฉลาดได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อาจารย์ฟังในเชิงน้อยว่า อาจารย์ลำเอียงสอนวิชาให้นายเฉลียวมากกว่า อาจารย์จึงเรียกนายเฉลียวมาสอบถาม นายเฉลียวชี้แจงว่า ที่รู้ว่าช้างตาบอดข้างหนึ่ง เพราะสังเกตได้จากต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง ถูกช้างน้าวกินเพียงด้านเดียวและที่รู้ว่าเป็นรอยปัสสาวะของหญิงมีครรภ์ ก็เพราะบริเวณรอบ ๆ มีรอยฝ่ามือทั้งสองข้างปรากฏอยู่ แสดงว่าหญิงคนนั้นใช้สองมือยันพื้นช่วยพยุงตัวขณะลุกขึ้น
          บุคลาธิษฐานคุณธรรมเรื่องนี้ให้ข้อคิดว่า ความฉลาดเป็นผลมาจากการอบรมศึกษา ก่อให้เกิดเป็นสัญญา คือความจำได้หมายรู้ระยะสั้น ๆ ทำให้มองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเจาะจงและจำกัด แต่ความเฉียวเป็นผลมาจากการพัฒนาสิ่งที่อบรมศึกษาแล้ว ทำให้เกิดเป็นปัญญาความรอบรู้ และญาณความหยั่งรู้ระยะยาว สามารถมองสิ่งต่าง ๆ เชิงวิเคราะห์วิจัยได้อย่างสุขุมลุ่มลึก และคิดได้ครอบคลุมทุกด้าน ความฉลาดเป็นแค่ไหวพริบปฏิภาณ แต่ความเฉียวเป็นเครื่องเตือนสติ และเป็นตัวประคับประคองให้ไหวพริบปฏิภาณดำเนินไปอย่างถูกต้อง ความฉลาดสามารถวัดระดับเป็นฉลาดน้อย ฉลาดมาก แต่ความเฉียวไม่อาจวัดระดับ ตราบใดที่มีความเฉลียว ก็จะช่วยให้เกิดความฉลาดขึ้นได้ไม่มากก็น้อยตราบนั้น
          ดังนั้น ไม่ว่าเฉียวจะดีกว่าฉลาดในด้านใดหรืออย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า คนฉลาดต้องไม่ขาดเฉลียว คนเฉลียวต้องคิดวิเคราะห์อย่างฉลาด ยิ่งฉลาดมาก และเฉลียวมาก ชีวิตของคน ๆ นั้น ย่อมเจริญรุ่งเรืองยาวนานอย่างแน่นอน (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)

การทางพิเศษฯ งดเว้นค่าผ่านทางด่านบูรพาวิถี ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่าง ๑๐ - ๑๙ เมษายน ๒๕๕๘

เนื่องในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลวันสงกรานต์ ๒๕๕๘ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จะดำเนินการยกเว้นการเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ด่านบูรพาวิถี หรือ เส้นทาง บางนา - ชลบุรี ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เตรียมตั้งหน่วยบริการประชาชนบนทางพิเศษ เพื่อดูแลการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ ๙ - ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ จำนวน ๖ จุดด้วยกัน ได้แก่
        ๑. ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ บางแก้ว ๑
        ๒. ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ประชาชื่น (ขาออก)
        ๓. ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ บางปะอิน (ขาออก)
        ๔. ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ บางปะอิน (ขาเข้า)
        ๕. ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ จตุโชติ
         ๖. ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ บางนา กิโลเมตร ๖ (ขาออก)
(ที่มา : การทางพิเศษฯ)

กองทัพเรือ ขอเชิญชมรายการ "โครงการกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี"

กองทัพเรือ ขอเชิญชมรายการ "โครงการกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘" ซึ่งเป็นโครงการและกิจกรรมที่กองทัพเรือได้เข้าร่วมสนองพระราชดำริ และเฉลิมพระเกียรติ ฯ โดยมีกำหนดออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๒๑.๐๐ น. (ที่มา : กพร.ทร.)

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"สามัคคี คือการเห็นแก่บ้านเมือง และช่วยกันทุกวิธีทาง เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ด้วยการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างตรงไปตรงมา นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมนั้นคือความมั่นคงของบ้านเมือง"
          พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระ-เจ้าอยู่หัว ในพิธีประดับยศนายตำรวจชั้นนายพล ๑๕ มกราคม ๒๕๑๙

ผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะ ร่วมงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ครบ ๑๒๘ ปี

วันนี้ (๘ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๐๗.๐๐ น. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่กองทัพเรือ ร่วมเป็นเกียรติเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ครบ ๑๒๘ ปี ร่วมกับผู้บัญชาการทหารเรือสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ณ ห้องสุรศักดิ์มนตรี ในศาลาว่าการกลาโหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน
        กิจการทหารของชาติไทย นับได้ว่าก่อกําเนิดมาพร้อม ๆ กับกําเนิดชาติไทยเท่าที่ศึกษาค้นพบได้วิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา และพระราชอาณาจักรสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยลําดับ สืบมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระปิยมหาราช ทรงพิจารณาเห็นว่า การป้องกันประเทศและดํารงไว้ซึ่งอิสรภาพ ตลอดจนบูรณภาพแห่งชาติไทย ให้สถิตสถาพร ย่อมขึ้นอยู่กับกําลังทหารที่จัดระบบให้ทัดเทียมกับอารยประเทศที่เจริญ จึงโปรดเกล้าโปรด ฯ ให้รวมทหารบก ทหารเรือ เข้าด้วยกัน ภายใต้การบังคับบัญชาของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร คือ สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ฯ โดยตราพระราชบัญญัติจัดตั้ง กรมยุทธนาธิการ ขึ้นเมื่อวันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๓๐ มีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงดํารงตําแหน่งเสนาบดี กิจการทหารในยุคนี้ได้มีการเร่งรัดปรับปรุงให้ทันสมัยตามแบบอย่างอารยประเทศ ต่อมาได้ตราพระราชบัญญัติยกฐานะกรมยุทธนาธิการ เป็น กระทรวงยุทธนาธิการ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๓๓ มีทหารบก ทหารเรือ อยู่ในบังคับบัญชา จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เปลี่ยนกระทรวงยุทธนาธิการเป็นกระทรวงกลาโหม มีอํานาจปกครองบังคับบัญชาเฉพาะทหารบกฝ่ายเดียว ส่วนทหารเรือนั้นได้แยกออกไปตั้งเป็นกระทรวงทหารเรือ เป็นเอกเทศ ในระยะนั้น กระทรวงกลาโหม (ทหารบก) ได้จัดอัตรากําลังเป็น ๓ กองทัพ มีกําลังรบหลัก ๑๐ กองพล ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และส่งผลกระทบถึงประเทศไทยด้วย (หลังสงครามโลกครั้งที่ ๑) ได้ปรับลดกําลังทหารบกเหลือ ๒ กองทัพน้อย มีกําลังรบหลัก ๒ กองพล และได้ยุบกระทรวงทหารเรือมารวมเข้ากับกระทรวงกลาโหม เรียกชื่อว่า "กระทรวงกลาโหม" เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๗๔ อีกครั้งหนึ่งสืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ต่อมาเมื่อวันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๘๐ ได้ปรับปรุงการทหารเพิ่มเติม ยกฐานะกรมทหารอากาศขึ้นเป็นกองทัพอากาศ ดังนั้น กิจการทหารไทย จึงมีทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศเป็นส่วนราชการขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้บังคับบัญชา
        การกําหนดให้วันที่ ๘ เมษายน ของทุกปีเป็นวันระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐบาลภายใต้การนําของ ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูล สงครามนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จัดให้มีวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนาของหน่วยราชการต่าง ๆ ขึ้น อาทิ วันกองทัพบก วันที่ ๒๕ มกราคม วันกองทัพเรือ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน และวันกองทัพอากาศ วันที่ ๒๗ มีนาคม และประกาศให้ ๘ เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ออกประกาศการจัดอัตรากําลังทหารและตั้งกรมยุทธนาธิการ อันเป็นวันก่อกําเนิดกิจการทหารไทยตามอัตรากําลังแบบใหม่และมีความเจริญก้าว หน้าติดต่อกันมาเป็นวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม และยึดถือต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ (ที่มา : กพ.ทร.)

กรมการขนส่งทหารเรือ ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเทศกาลวันสงกรานต์ ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

กรมการขนส่งทหารเรือ จัดทำโครงการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเทศกาลวันสงกรานต์ ระหว่างวันที่ ๗ - ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ณ บริเวณลานจอดรถ นันทอุทยานสโมสร ฐานทัพเรือกรุงเทพ ทั้งนี้ เพื่อบริการให้แก่กำลังพลในกองทัพเรือและประชาชนทั่วไป ตรวจสภาพรถ จำนวน ๒๔ รายการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลวัน สงกรานต์
         ขอเชิญข้าราชการ ทหาร ลูกจ้าง และพนักงานราชการ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมโครงการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเทศกาลวันสงกรานต์ และรับบริการตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว (ที่มา : ขส.ทร.)

กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ประจำปี ๒๕๕๘ ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราด

กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและ ตราด ได้จัดรถยนต์บรรทุกน้ำและรถยนต์ดัดแปลงบรรทุกน้ำ รวมจำนวน ๔๒ คัน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและ จังหวัดตราด ตามที่ได้รับการแบ่งมอบพื้นที่จากจังหวัด โดยประชาชนสามารถติดต่อประสานขอรับการสนับสนุนน้ำอุปโภคบริโภคได้ที่หน่วย ต่าง ๆ ดังนี้
         ๑. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๓๒๕๓๕๒
         ๒. หน่วยบรรเทาสาธารณกองกำลังด้านจันทบุรี - ตราด หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๓๑๒๑๗๒ พื้นที่ให้ความช่วยเหลือ อำเภอมะขาม อำเภอขลุง และอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
         ๓. หน่วยบรรเทาสาธารณภัยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๔๔๗๑๔๔ พื้นที่ให้ความช่วยเหลือ อำเภอโป่งน้ำร้อน และ อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
         ๔. หน่วยบรรเทาสาธารณภัยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๕๐๑๑๗๗ พื้นที่ให้ความช่วยเหลือ อำเภอเมืองตราด อำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ และอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด
         ๕. สถานีวิทยุกระจายเสียงทหารเรือ ๔ จันทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๓๐๑๖๙๐
          ๖. สถานีวิทยุกระจายเสียงทหารเรือ ๑๐ ตราด หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๙ ๕๙๙๑๑๒
         สำหรับน้ำอุปโภคบริโภค ได้รับการสนับสนุนจากการประปาส่วนภูมิภาคสาขาจันทบุรี, การประปาส่วนภูมิภาคสาขาขลุง, การประปาส่วนภูมิภาคสาขาตราด และ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาคลองใหญ่ เป็นต้น โดยไม่คิดมูลค่าค่าน้ำประปา เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้ง ในโอกาสนี้ กองบัญชาการป้องกัน ชายแดนจันทบุรีและตราด ขอขอบคุณแทนชาวจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดไว้ ณ ที่นี้ด้วย (ที่มา : กปช.จต.)

กิจการกีฬา ฐานทัพเรือกรุงเทพ บริการรถจักรยานแก่กำลังพลเพื่อออกกำลังกาย ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

 กิจการกีฬา ฐานทัพเรือกรุงเทพ ได้จัดรถจักรยานไว้สำหรับบริการกำลังพลกองทัพเรือ ออกกำลังกายโดยการปั่นจักรยาน เพื่อเสริมสร้างสุขภาพภายในพื้นที่วังนันทอุทยาน โดยเตรียมรถจักรยาน จำนวน ๑๐ คัน ไว้คอยให้บริการ คิดค่าบริการชั่วโมงแรก ๒๐ บาท ชั่วโมงต่อไป ๑๐ บาท หลักฐานการเช่ารถใช้บัตรประจำตัวข้าราชการ ลูกจ้างกองทัพเรือ หรือบัตรประจำตัวประชาชน
          ขอเชิญชวนข้าราชการ และลูกจ้าง ปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพดี ชีวิตเป็นสุข กับ กิจการกีฬา ฐานทัพเรือกรุงเทพ ติดต่อขอใช้บริการรถจักรยานได้ที่ สนามไดร์ฟกอล์ฟ ฐานทัพเรือกรุงเทพ ระหว่างเวลา ๐๖.๐๐ น. - ๒๐.๐๐ น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ (ที่มา : ฐท.กท.)

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้ จะต้องอยู่เป็นหมู่คณะ และถ้าหมู่คณะนั้นมีความสามัคคี คือเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือในทุกเมื่อ ช่วยกันคิดว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่สมควร สิ่งใดที่จะทำให้นำมาสู่ความเจริญความมั่นคง ความสุขก็ทำ สิ่งใดที่นำมาซึ่งหายนะหรือเสียหายก็เว้น และช่วยกันปฏิบัติทั้งหน้าที่ทางกายทั้งหน้าที่ทางใจ"
         พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน จังหวัดสระบุรี ๑๖ เมษายน ๒๕๑๙

เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ เป็นประธานเปิดโครงการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเทศกาลวันสงกรานต์

วันนี้ (๗ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๐๙.๐๐ น. พลเรือตรี พรชัย ปิ่นทอง เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ เป็นประธานเปิดโครงการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเทศกาลวันสงกรานต์ ณ บริเวณลานจอดรถ นันทอุทยานสโมสร ฐานทัพเรือกรุงเทพ
         กรมการขนส่งทหารเรือ ได้จัดกิจกรรมตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ ๗ ถึง ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ โดยเปิดให้บริการตรวจสภาพรถยนต์และซ่อมทำเบื้องต้นให้แก่ข้าราชการกองทัพ เรือและประชาชนทั่วไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จำนวน ๒๔ รายการ เช่น ตรวจระบบเครื่องยนต์ ระบบน้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเบรก ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง น้ำมันเกียร์ ระบบเบรก ทำความสะอาดกรองอากาศ ตรวจสภาพยางรถยนต์ ตรวจระดับน้ำทั้งหมด และบริการเติมน้ำกลั่นฟรี นอกจากนี้ ยังให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการจราจรทางบก ตลอดจนให้คำแนะนำการขับขี่รถยนต์ให้ปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุในการขับรถ เป็นต้น
          ขอเชิญชวนข้าราชการ ทหาร ลูกจ้าง และพนักงานราชการ ตลอดจนประชาชนทั่วไป ตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์กับกรมการขนส่งทหารเรือ ๗ - ๑๐ เมษายน นี้ ที่ บริเวณลานจอดรถ นันท-อุทยานสโมสร ฐานทัพเรือกรุงเทพ (ที่มา : ขส.ทร.)

ศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพสตรีภาคกลาง ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพ รุ่นที่ ๒/๒๕๕๘

ศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพสตรีภาคกลาง ดำเนินการฝึกอบรมวิชาชีพให้แก่สตรีและเยาวชนสตรีที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อยและขาดโอกาสทางการศึกษา เข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพ รุ่นที่ ๒/๒๕๕๘ หลักสูตร ๗๒๐ ชั่วโมง มี ๖ สาขาอาชีพ ได้แก่ หลักสูตรเสริมสวยสตรี, ตัดผมชาย, ตัดเย็บเสื้อผ้า, การโรงแรม, คอมพิวเตอร์ธุรกิจ, อาหารและเบเกอรี่ และหลักสูตร๓๖๐ ชั่วโมง ได้แก่ หลักสูตรนวดแผนไทย โดยรับสมัครประเภทประจำ (หญิง) และไป - กลับ (หญิง - ชาย) ที่มีอายุตั้งแต่ ๑๔ ปีขึ้นไป
         สำหรับผู้เข้ารับการอบรมประเภทประจำ ทางศูนย์สงเคราะห์ฯ จัดบริการที่พักและอาหาร พร้อมอุปกรณ์การเรียนและของใช้ประจำตัว ส่วนประเภทไป - กลับ จะมีอาหารและอุปกรณ์การเรียน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งหางานให้ทำ
         หลักฐานการรับสมัคร ประกอบด้วย สำเนาวุฒิการศึกษา, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน, ใบรับรองแพทย์ ไม่เกิน ๖ เดือน และรูปถ่ายขนาด ๑ ๑/๒ นิ้ว จำนวน ๔ รูป
          ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพ สามารถไปสมัครด้วยตนเองที่ ศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพสตรีภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่รายงานตัว ในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๙๖๑ ๑๘๘๒ (ที่มา : จังหวัดนนทบุรี)

พิธีเปิดโครงการค่ายผู้นำเยาวชนสมานฉันท์ - จิตอาสา กองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑

วันนี้ (๗ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๐๘.๓๐ น. พลเรือโท ประพฤติพร อักษรมัต รองเสนาธิการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการค่ายผู้นำเยาวชนสมานฉันท์ - จิตอาสา กองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ ณ ห้องหาดเล็ก อาคารอเนกประสงค์ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
        กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ จัดโครงการ "ค่ายผู้นำเยาวชนสมานฉันท์ - จิตอาสากองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๘" ขึ้น เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนเกิดจิตสำนึกในความรักชาติ มีความสมานฉันท์รู้รักสามัคคี และสามารถนำไปปฏิบัติจนเป็นวิถีในการดำรงชีวิต รวมทั้งเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่และเสริมสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป โดยมีเยาวชนอายุระหว่าง ๑๔ - ๑๗ ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ - ๕ ของสถานศึกษาที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือเข้าร่วมโครงการ ฯ โดยโครงการดังกล่าวจัดขึ้นปีละ ๒ ครั้ง ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและพื้นที่ภาคใต้ สำหรับโครงการฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๖ - ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ ณ ห้องหาดเล็ก อาคารอเนกประสงค์ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มีเยาวชนจากหน่วยต่าง ๆ เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ, ทัพเรือภาคที่ ๒, หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำ แม่น้ำโขง และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ
        โครงการค่ายผู้นำเยาวชนสมานฉันท์ - จิตอาสากองทัพเรือ เป็นกิจกรรมหนึ่งด้านกิจการพลเรือนของกองทัพเรือที่มีเป้าหมายเพื่อแก้ไข ปัญหาความขัดแย้งในสังคม โดยการส่งเสริมให้เยาวชนเป็นผู้นำทางความคิดในการเสริมสร้างความรักและความ สามัคคี (ที่มา : กพร.ทร.)

ทัพเรือภาคที่ ๓ ส่งเรือหลวงทยานชล ลาดตระเวนร่วมกับกองทัพเรืออินเดีย

กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ ๓ จัดหน่วยเรือ หน่วยบิน และนายทหารสังเกตการณ์ เข้าร่วมการลาดตระเวนร่วม ระหว่างกองทัพเรือ - กองทัพเรือสาธารณรัฐอินเดีย ครั้งที่ ๒๐ และเดินทางไปเยี่ยมท่า PORT BLAIR สาธารณรัฐอินเดียระหว่างวันที่ ๒ - ๑๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยมี นาวาเอก อชิตะสิน กำมะณี เป็นผู้บังคับหน่วยเรือลาดตระเวนร่วม ทัพเรือภาคที่ ๓
         กองทัพเรือไทยและกองทัพเรืออินเดีย จัดให้มีการฝึกลาดตระเวนร่วมในพื้นที่เขตติดต่อระหว่างน่านน้ำทั้งสองประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์อย่างฉันท์มิตรระหว่างกองทัพ เรือของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟนยิ่งขึ้น รวมทั้งให้เกิดความปลอดภัยในการแสวงหาผลประโยชน์ จากทรัพยากรทางทะเลในเขตน่านน้ำของแต่ละฝ่าย โดยจัดให้มีการลาดตระเวนร่วมปีละ ๒ ครั้ง สำหรับการลาดตระเวนร่วมในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ ๒๐
          การจัดการลาดตระเวนร่วมระหว่างกองทัพเรือไทย และกองทัพเรืออินเดีย นั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่กองทัพเรือทั้งสองประเทศได้พิจารณาเห็นว่า การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในปัจจุบันเป็นเรื่องสำคัญของรัฐที่มีน่าน น้ำติดต่อกัน ซึ่งจะต้องดำเนินการร่วมกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารให้มีความรวดเร็ว การประสานการปฏิบัติมีความต่อเนื่องและลดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวมีความชัดเจนเป็นรูปธรรม กองทัพเรือไทยและกองทัพเรืออินเดีย มีความเข้าใจและตระหนัก ถึงความจำเป็นดังกล่าว จึงได้จัดให้มีการลาดตระเวนร่วมขึ้น ซึ่งสาระสำคัญของการดำเนินการลาดตระเวนร่วมระหว่างกองทัพเรือทั้งสองนั้น เพื่อเป็นการดำเนินการเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์อย่าง ฉันท์มิตรระหว่างกองทัพเรือของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟนยิ่งขึ้น รวมทั้งให้เกิดความปลอดภัยในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลในเขต น่านน้ำของแต่ละฝ่าย
         ภารกิจของการลาดตระเวนร่วม เพื่อป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย, ป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมายในพื้นที่ลาดตระเวนร่วม โดยสอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.๑๙๒๘ และกฎหมายภายในของทั้งสองประเทศ, อนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล, แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำที่ผิดกฎหมายต่าง ๆ เช่น การกระทำผิดกฎหมายศุลกากร การเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการลักลอบขนยาเสพติด, ป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัด, ดำเนินการเกี่ยวกับการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล รวมถึงภารกิจอื่นๆ ตามที่มีความเห็นร่วมกัน
         นอกจากนี้ จัดให้มีการลาดตระเวนร่วมอย่างน้อยปีละ ๒ ครั้ง พร้อมทั้งจัดตั้งช่องทางการติดต่อสื่อสารระดับกองบัญชาการกองทัพเรือ ระหว่างกองบัญชาการกองทัพเรือไทย (ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ) ที่ กรุงเทพฯ และกองบัญชาการกองทัพเรืออินเดีย ที่ นิวเดลี ระดับกองบัญชาการทัพเรือภาค ระหว่าง กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ ๓ ที่ จังหวัดภูเก็ต และกองบัญชาการกองทัพเรือภาคอันดามันและนิโคบาร์ ที่เมือง Port Blair ระดับหน่วยกำลัง ระหว่างเรือที่ลาดตระเวนร่วมของทั้งสองประเทศ (ในพื้นที่ลาดตระเวนร่วม) ให้มีการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และแจ้งเตือนภัยการเกิดแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์ "สึนามิ" ในระดับทัพเรือภาคที่ ๓ กับ กองบัญชาการกองทัพเรือ ภาคอันดามัน และนิโคบาร์ ผ่านทางช่องทางการสื่อสารระดับกองบัญชาการกองทัพเรือภาคทั้ง ๓ ฝ่าย
         ปัจจุบัน กองทัพเรือไทยได้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) และระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ในการลาดตระเวนร่วมทางทะเลกับประเทศต่างๆ แล้ว ๓ ประเทศ คือ กองทัพเรือมาเลเซีย, กองทัพเรือเวียดนาม, กองทัพเรืออินเดีย ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานของกองทัพเรือไทย มีความใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้นและจะเป็นผลดีต่อการดูแลรักษา ผลประโยชน์ของชาติทางทะเลต่อไป (ที่มา : ทรภ.๓)

ทัพเรือภาคที่ ๓ รับสมัครบุคคลพลเรือนเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ ๑ อัตรา

ทัพเรือภาคที่ ๓ เปิดรับสมัครบุคคลพลเรือนเพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นพนักงานราชการทั่วไป กลุ่มงานบริการ ตำแหน่ง พนักงานบริการ จำนวน ๑ อัตรา โดยผู้สมัครจะต้องเพศหญิง มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน ๓๕ ปี สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไป มีความรู้เกี่ยวกับการบริการ การดูแลรักษาสถานที่ และการรับ - ส่งเอกสารและพัสดุ สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายได้
         หลักฐานที่นำมาแสดงวันรับสมัคร ฉบับจริง พร้อมสำเนา ๑ ชุด ประกอบด้วย สำเนาประกาศนียบัตรหรือสำเนาใบสุทธิ หรือสำเนาระเบียนแสดงผลการเรียน, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร บิดา และมารดา, รูปถ่าย ขนาด ๓ x ๔ เซนติเมตร จำนวน ๓ รูป และใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐ
        สนใจเข้าเป็นพนักงานราชการในตำแหน่งดังกล่าวสมัครและสอบถามรายละเอียดได้ที่ กองกำลังพล กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ ๓ ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๗๖๓๙ ๑๕๙๔ หรือหมายเลขภายในกองทัพเรือ ๒๑๖๑๓, ๒๑๖๒๕ ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ ในวันและเวลาราชการ (ที่มา : ทรภ.๓)

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"ความเจริญของคนทั้งหลาย ย่อมเกิดมาจากประพฤติชอบและการหาเลี้ยงชีพชอบ เป็นหลักสำคัญ ผู้ที่จะสามารถประพฤติชอบและหาเลี้ยงชีพชอบได้ด้วยนั้น ย่อมจะมีทั้งวิชาความรู้ ทั้งหลักธรรมทางศาสนา เพราะสิ่งแรกเป็นปัจจัยสำหรับใช้กระทำการทำงาน สิ่งหลังเป็นปัจจัยสำหรับส่งเสริมความประพฤติ และการปฏิบัติงานให้ชอบคือให้ถูกต้องและเป็นธรรม"
        พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ครูโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม ๔ จังหวัดภาคใต้ จังหวัดปัตตานี ๒๔ สิงหาคม ๒๕๑๙