"คนไทย
รักษาชาติ รักษาแผ่นดิน เป็นปึกแผ่นมั่นคงมาได้ ด้วยสติปัญญาความสามารถ
และด้วยคุณความดี อิสรภาพ เสรีภาพ ความร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนความเจริญ
ทุกอย่างที่มีอยู่บัดนี้ เราทั้งหลายในปัจจุบัน จึงต้องถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบอย่างสำคัญ
ในอันที่จะรักษาคุณความดี พร้อมทั้งจิตใจที่เป็นไทยไว้ให้มั่นคงตลอดไป"
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จออกมหาสมาคม
ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๒๑
วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558
พิธีประดับเครื่องหมายยศและแสดงความยินดีให้แก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานยศทหารชั้นนายพลเรือ วาระเมษายน ๒๕๕๘ และการรายงานตนเองของนายทหารชั้นนายพลเรือที่ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งใหม่
วันนี้ (๑ เมษายน ๒๕๕๘)
เวลา ๑๓.๐๐ น. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ
เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศและแสดงความยินดีให้แก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานยศทหารชั้นนายพลเรือ
วาระเมษายน ๒๕๕๘ กล่าวแสดงความยินดีให้กับ ผู้ที่ได้รับพระราชทานเลื่อนยศ
ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย
กรุงเทพมหานคร โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมพิธี
จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือรับการรายงานตนเองของนายทหารชั้นนายพลเรือซึ่ง ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับราชการสนองพระเดชพระคุณให้ดำรงตำแหน่ง ใหม่ พร้อมกับกล่าวโอวาทให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่าง เต็มกำลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความวิริยะ อุตสาหะ ยึดถือผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ เพื่อร่วมกันพัฒนากองทัพเรือและประเทศชาติให้มีความวัฒนาถาวรสืบไป (ที่มา : สลก.ทร.)
จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือรับการรายงานตนเองของนายทหารชั้นนายพลเรือซึ่ง ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับราชการสนองพระเดชพระคุณให้ดำรงตำแหน่ง ใหม่ พร้อมกับกล่าวโอวาทให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่าง เต็มกำลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความวิริยะ อุตสาหะ ยึดถือผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ เพื่อร่วมกันพัฒนากองทัพเรือและประเทศชาติให้มีความวัฒนาถาวรสืบไป (ที่มา : สลก.ทร.)
พิธีเปิดการประชุม Navy to Navy Talks ครั้งที่ ๖ ระหว่างกองทัพเรือ - กองทัพเรืออินโดนีเซีย
วันนี้
(๑ เมษายน ๒๕๕๘) เวลา ๐๙.๐๐ น. พลเรือตรี นิกิตติ์ ฑีร์ฆะยศ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน
กรมยุทธการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม Navy to Navy
Talks ครั้งที่ ๖ ระหว่างกองทัพเรือ - กองทัพเรืออินโดนีเซีย
การประชุม Navy to Navy Talks ระหว่างกองทัพเรือ - กองทัพเรืออินโดนีเซีย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้แทนกองทัพเรือของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือในเรื่องความมั่นคงทางทะเล การแลกเปลี่ยนและขยายความร่วมมือในด้านต่าง ๆ และเรื่องอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกัน โดยกำหนดให้จัดการประชุมทุก ๆ สองปี สลับกันเป็นเจ้าภาพ สำหรับการประชุมในครั้งนี้ กองทัพเรือเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยฝ่ายกองทัพเรือมี พลเรือตรี นิกิตติ์ ฑีร์ฆะยศ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนกองทัพเรือ และฝ่ายกองทัพเรืออินโดนีเซียมีผู้ช่วยเสนาธิการทหารเรืออินโดนีเซียฝ่ายยุทธการ เป็นหัวหน้าคณะ
สำหรับหัวข้อการหารือ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคงทางทะเลและการพัฒนาช่องทางการสื่อ สารระหว่างกัน, การแลกเปลี่ยนการเยือนของกำลังพล (Staff Visit) และเรือ/อากาศยานของกองทัพเรือทั้งสองประเทศ, ความร่วมมือด้านยุทธการและการฝึก ในเรื่องความคืบหน้าผลการพิจารณาร่าง Memorandum of Understanding และ Standard Operations Procedure สำหรับการลาดตระเวนร่วมระหว่างกองทัพเรือ - กองทัพเรืออินโดนีเซีย และแนวทางการส่งกำลังบำรุงของกองทัพเรืออินโดนีเซียให้ครอบคลุมพื้นที่ ปฏิบัติการและพื้นที่รับผิดของของกองทัพเรืออินโดนีเซีย (ที่มา : ยก.ทร.)
การประชุม Navy to Navy Talks ระหว่างกองทัพเรือ - กองทัพเรืออินโดนีเซีย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้แทนกองทัพเรือของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือในเรื่องความมั่นคงทางทะเล การแลกเปลี่ยนและขยายความร่วมมือในด้านต่าง ๆ และเรื่องอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกัน โดยกำหนดให้จัดการประชุมทุก ๆ สองปี สลับกันเป็นเจ้าภาพ สำหรับการประชุมในครั้งนี้ กองทัพเรือเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยฝ่ายกองทัพเรือมี พลเรือตรี นิกิตติ์ ฑีร์ฆะยศ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนกองทัพเรือ และฝ่ายกองทัพเรืออินโดนีเซียมีผู้ช่วยเสนาธิการทหารเรืออินโดนีเซียฝ่ายยุทธการ เป็นหัวหน้าคณะ
สำหรับหัวข้อการหารือ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคงทางทะเลและการพัฒนาช่องทางการสื่อ สารระหว่างกัน, การแลกเปลี่ยนการเยือนของกำลังพล (Staff Visit) และเรือ/อากาศยานของกองทัพเรือทั้งสองประเทศ, ความร่วมมือด้านยุทธการและการฝึก ในเรื่องความคืบหน้าผลการพิจารณาร่าง Memorandum of Understanding และ Standard Operations Procedure สำหรับการลาดตระเวนร่วมระหว่างกองทัพเรือ - กองทัพเรืออินโดนีเซีย และแนวทางการส่งกำลังบำรุงของกองทัพเรืออินโดนีเซียให้ครอบคลุมพื้นที่ ปฏิบัติการและพื้นที่รับผิดของของกองทัพเรืออินโดนีเซีย (ที่มา : ยก.ทร.)
กองทัพเรือ ร่วมสนับสนุนงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ประจำปี ๒๕๕๘ ครบรอบ ๑๒๘ ปี
กองทัพเรือ สนับสนุนการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม
ประจำปี ๒๕๕๘ ครบ ๑๒๘ ปี ในวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ ห้อง อัษฎางค์
และห้องสุรศักดิ์มนตรี ในศาลาว่าการกลาโหม โดยจัดกำลังพลเข้าร่วมพิธีและจัดภัตตาหารเช้าเพื่อถวายพระสงฆ์
พร้อมอาหารและเครื่องดื่มแก่ ผู้เข้าร่วมพิธี ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือและนายทหารชั้นผู้ใหญ่
ร่วมเป็นเกียรติเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ร่วมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด
และผู้บัญชาการเหล่าทัพ
กิจการทหารของชาติไทย นับได้ว่าก่อกําเนิดมาพร้อม ๆ กับกําเนิดชาติไทยเท่าที่ศึกษาค้นพบได้วิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา และพระราชอาณาจักรสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยลําดับ สืบมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระปิยมหาราช ทรงพิจารณาเห็นว่า การป้องกันประเทศและดํารงไว้ซึ่งอิสรภาพ ตลอดจนบูรณภาพแห่งชาติไทย ให้สถิตสถาพร ย่อมขึ้นอยู่กับกําลังทหารที่จัดระบบให้ทัดเทียมกับอารยประเทศที่เจริญ จึงโปรดเกล้าโปรด ฯ ให้รวมทหารบก ทหารเรือ เข้าด้วยกัน ภายใต้การบังคับบัญชาของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร คือ สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ฯ โดยตราพระราชบัญญัติจัดตั้ง กรมยุทธนาธิการ ขึ้นเมื่อวันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๓๐ มีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงดํารงตําแหน่งเสนาบดี กิจการทหารในยุคนี้ได้มีการเร่งรัดปรับปรุงให้ทันสมัยตามแบบอย่างอารยประเทศ ต่อมาได้ตราพระราชบัญญัติยกฐานะกรมยุทธนาธิการ เป็น กระทรวงยุทธนาธิการ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๓๓ มีทหารบก ทหารเรือ อยู่ในบังคับบัญชา จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เปลี่ยนกระทรวงยุทธนาธิการเป็นกระทรวงกลาโหม มีอํานาจปกครองบังคับบัญชาเฉพาะทหารบกฝ่ายเดียว ส่วนทหารเรือนั้นได้แยกออกไปตั้งเป็นกระทรวงทหารเรือ เป็นเอกเทศ ในระยะนั้น กระทรวงกลาโหม (ทหารบก) ได้จัดอัตรากําลังเป็น ๓ กองทัพ มีกําลังรบหลัก ๑๐ กองพล ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และส่งผลกระทบถึงประเทศไทยด้วย (หลังสงครามโลกครั้งที่ ๑) ได้ปรับลดกําลังทหารบกเหลือ ๒ กองทัพน้อย มีกําลังรบหลัก ๒ กองพล และได้ยุบกระทรวงทหารเรือมารวมเข้ากับกระทรวงกลาโหม เรียกชื่อว่า "กระทรวงกลาโหม" เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๗๔ อีกครั้งหนึ่งสืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ต่อมาเมื่อวันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๘๐ ได้ปรับปรุงการทหารเพิ่มเติม ยกฐานะกรมทหารอากาศขึ้นเป็นกองทัพอากาศ ดังนั้น กิจการทหารไทย จึงมีทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศเป็นส่วนราชการขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้บังคับบัญชา
การกําหนดให้วันที่ ๘ เมษายน ของทุกปีเป็นวันระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐบาลภายใต้การนําของ ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จัดให้มีวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนาของหน่วยราชการต่าง ๆ ขึ้น อาทิ วันกองทัพบก วันที่ ๒๕ มกราคม วันกองทัพเรือ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน และวันกองทัพอากาศ วันที่ ๒๗ มีนาคม และประกาศให้ ๘ เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ออกประกาศการจัดอัตรากําลังทหารและตั้งกรมยุทธนาธิการ อันเป็นวันก่อกําเนิดกิจการทหารไทยตามอัตรากําลังแบบใหม่และมีความเจริญก้าว หน้าติดต่อกันมาเป็นวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม และยึดถือต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้
กิจการทหารของชาติไทย นับได้ว่าก่อกําเนิดมาพร้อม ๆ กับกําเนิดชาติไทยเท่าที่ศึกษาค้นพบได้วิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา และพระราชอาณาจักรสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยลําดับ สืบมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระปิยมหาราช ทรงพิจารณาเห็นว่า การป้องกันประเทศและดํารงไว้ซึ่งอิสรภาพ ตลอดจนบูรณภาพแห่งชาติไทย ให้สถิตสถาพร ย่อมขึ้นอยู่กับกําลังทหารที่จัดระบบให้ทัดเทียมกับอารยประเทศที่เจริญ จึงโปรดเกล้าโปรด ฯ ให้รวมทหารบก ทหารเรือ เข้าด้วยกัน ภายใต้การบังคับบัญชาของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร คือ สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ฯ โดยตราพระราชบัญญัติจัดตั้ง กรมยุทธนาธิการ ขึ้นเมื่อวันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๓๐ มีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงดํารงตําแหน่งเสนาบดี กิจการทหารในยุคนี้ได้มีการเร่งรัดปรับปรุงให้ทันสมัยตามแบบอย่างอารยประเทศ ต่อมาได้ตราพระราชบัญญัติยกฐานะกรมยุทธนาธิการ เป็น กระทรวงยุทธนาธิการ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๓๓ มีทหารบก ทหารเรือ อยู่ในบังคับบัญชา จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เปลี่ยนกระทรวงยุทธนาธิการเป็นกระทรวงกลาโหม มีอํานาจปกครองบังคับบัญชาเฉพาะทหารบกฝ่ายเดียว ส่วนทหารเรือนั้นได้แยกออกไปตั้งเป็นกระทรวงทหารเรือ เป็นเอกเทศ ในระยะนั้น กระทรวงกลาโหม (ทหารบก) ได้จัดอัตรากําลังเป็น ๓ กองทัพ มีกําลังรบหลัก ๑๐ กองพล ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และส่งผลกระทบถึงประเทศไทยด้วย (หลังสงครามโลกครั้งที่ ๑) ได้ปรับลดกําลังทหารบกเหลือ ๒ กองทัพน้อย มีกําลังรบหลัก ๒ กองพล และได้ยุบกระทรวงทหารเรือมารวมเข้ากับกระทรวงกลาโหม เรียกชื่อว่า "กระทรวงกลาโหม" เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๗๔ อีกครั้งหนึ่งสืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ต่อมาเมื่อวันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๘๐ ได้ปรับปรุงการทหารเพิ่มเติม ยกฐานะกรมทหารอากาศขึ้นเป็นกองทัพอากาศ ดังนั้น กิจการทหารไทย จึงมีทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศเป็นส่วนราชการขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้บังคับบัญชา
การกําหนดให้วันที่ ๘ เมษายน ของทุกปีเป็นวันระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐบาลภายใต้การนําของ ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จัดให้มีวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนาของหน่วยราชการต่าง ๆ ขึ้น อาทิ วันกองทัพบก วันที่ ๒๕ มกราคม วันกองทัพเรือ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน และวันกองทัพอากาศ วันที่ ๒๗ มีนาคม และประกาศให้ ๘ เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ออกประกาศการจัดอัตรากําลังทหารและตั้งกรมยุทธนาธิการ อันเป็นวันก่อกําเนิดกิจการทหารไทยตามอัตรากําลังแบบใหม่และมีความเจริญก้าว หน้าติดต่อกันมาเป็นวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม และยึดถือต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้
ขอเชิญเที่ยวชมร้านสมาคมภริยาทหารเรือ ในงานกาชาดประจำปี ๒๕๕๘ ณ ลานพระราชวังดุสิต
สมาคมภริยาทหารเรือ
จะร่วมออกร้านสมาคมภริยาทหารเรือในงานกาชาดประจำปี ๒๕๕๘ เพื่อหารายได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมทบทุนสภากาชาดไทย
ระหว่างวันที่ ๓๐ มีนาคม ถึง ๗ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สวนอัมพร ลานพระราชวังดุสิต
กรุงเทพมหานคร
กิจกรรมภายในร้านสมาคมภริยาทหารเรือ จัดให้มีการช้อนไข่เต่าเสี่ยงโชค มีรางวัลต่าง ๆ มากมายผู้ที่มาร่วมช้อนไข่เต่าจะได้รับของรางวัลทุกท่าน โดยรางวัลพิเศษในปีนี้มีทั้งรถจักรยานยนต์ โทรทัศน์ ตู้เย็น จักรยาน และเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ บัตรราคาใบละ ๒๕ บาท เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูกและผลิตภัณฑ์ฝีมือแม่บ้านทหารเรือที่มีความสวยงามสัญลักษณ์ทหารเรือมาจำหน่าย และการพยากรณ์โชคชะตาโดยโหรศาสตร์ที่มีความชำนาญ มีประสบการณ์ และแม่นยำ มาให้บริการแก่ผู้ที่สนใจตรวจดวงชะตา พร้อมกันนี้ สมาคมภริยาทหารเรือ ได้จัดทำ สลากบำรุงสภากาชาดไทย สมาคมภริยาทหารเรือ เพื่อหารายได้มอบให้แก่สภากาชาดไทย ราคาบัตรละ ๑๐๐ บาท กำหนดออกสลากรางวัลในวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณสวนอัมพร โดยมีรางวัลใหญ่ ๆ ได้แก่ ทองคำแท่ง, รถจักรยานยนต์, ตู้เย็น, ทีวีสี LED, เครื่องซักผ้า, หัวเตาแก๊สหัวเดี่ยว และพัดลมปรับระดับกึ่งตั้งโต๊ะตั้งพื้น
ขอเชิญผู้ที่สนใจเที่ยวชมร้านสมาคมภริยาทหารเรือ ในงานกาชาดประจำปี ๒๕๕๘ ได้บุญ ได้กุศล ได้ของรางวัล สุขกาย สุขใจ ระหว่างวันที่ ๓๐ มีนาคม - ๗ เมษายน ๒๕๕๘ (ที่มา : สมาคมภริยาทหารเรือ)
กิจกรรมภายในร้านสมาคมภริยาทหารเรือ จัดให้มีการช้อนไข่เต่าเสี่ยงโชค มีรางวัลต่าง ๆ มากมายผู้ที่มาร่วมช้อนไข่เต่าจะได้รับของรางวัลทุกท่าน โดยรางวัลพิเศษในปีนี้มีทั้งรถจักรยานยนต์ โทรทัศน์ ตู้เย็น จักรยาน และเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ บัตรราคาใบละ ๒๕ บาท เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูกและผลิตภัณฑ์ฝีมือแม่บ้านทหารเรือที่มีความสวยงามสัญลักษณ์ทหารเรือมาจำหน่าย และการพยากรณ์โชคชะตาโดยโหรศาสตร์ที่มีความชำนาญ มีประสบการณ์ และแม่นยำ มาให้บริการแก่ผู้ที่สนใจตรวจดวงชะตา พร้อมกันนี้ สมาคมภริยาทหารเรือ ได้จัดทำ สลากบำรุงสภากาชาดไทย สมาคมภริยาทหารเรือ เพื่อหารายได้มอบให้แก่สภากาชาดไทย ราคาบัตรละ ๑๐๐ บาท กำหนดออกสลากรางวัลในวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณสวนอัมพร โดยมีรางวัลใหญ่ ๆ ได้แก่ ทองคำแท่ง, รถจักรยานยนต์, ตู้เย็น, ทีวีสี LED, เครื่องซักผ้า, หัวเตาแก๊สหัวเดี่ยว และพัดลมปรับระดับกึ่งตั้งโต๊ะตั้งพื้น
ขอเชิญผู้ที่สนใจเที่ยวชมร้านสมาคมภริยาทหารเรือ ในงานกาชาดประจำปี ๒๕๕๘ ได้บุญ ได้กุศล ได้ของรางวัล สุขกาย สุขใจ ระหว่างวันที่ ๓๐ มีนาคม - ๗ เมษายน ๒๕๕๘ (ที่มา : สมาคมภริยาทหารเรือ)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)