วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔

       กองทัพเรือ เปิดรับสมัครบุคคลพลเรือน ทหารกองประจำการ และทหารกองหนุนสังกัด กองทัพเรือ เพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ โดยผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือกำลังศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๖ หรือสำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือกำลังศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๓ ของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นชายโสด อายุ ๑๗ - ๒๐ ปี (ผู้ที่เกิดตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๓๔ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๗) สำหรับทหารกองประจำการจะต้องสังกัดกองทัพเรือ และปลดเป็นทหารกองหนุนในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ หรือทหารกองหนุนสังกัดกองทัพเรือ ต้องมีอายุ ๑๘ - ๒๔ ปี (ผู้ที่เกิดตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๓๐ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๖) มีสัญชาติไทย และบิดา มารดามีสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่ถ้าบิดาเป็นนายทหารสัญญาบัตรหรือนายทหารประทวน มารดาจะมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดก็ได้
        หลักฐานในการสมัคร ประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาใบสูติบัตรของผู้สมัคร และสำเนาใบสำคัญทหารกองเกิน (สด.๙), สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียน ของสถานศึกษาที่แสดงว่าสำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือกำลังศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๖ หรือสำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือกำลังศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๓ และ รูปถ่ายสี ขนาด ๒ นิ้ว จำนวน ๑๒ รูป
       จำหน่ายระเบียบการและใบสมัคร ซื้อด้วยตนเองตั้งแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ราคาชุดละ ๘๐ บาท ที่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม, ห้องสมุดกลางกองทัพเรือ อาคารราชนาวิกสภา, กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เขตพระนคร, โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ จังหวัดสมุทรปราการ, โรงเรียนชุมพลทหารเรือ สัตหีบ จังหวัดชลบุรี, ค่ายตากสิน จังหวัดจันทบุรี, ทัพเรือภาคที่ ๓ จังหวัดภูเก็ต, หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงทุกเขต, ร้านสวัสดิการทหารเรือ, ร้านสวัสดิการกรมการเงินทหารเรือ พระราชวังเดิม, ร้านสวัสดิการกิจการห้องเย็น สัตหีบ และสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือ
       สั่งซื้อทางไปรษณีย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๔ ชุดละ ๑๑๐ บาท โดยธนาณัติสั่งจ่ายในนาม กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตู้ ปณ.๑๑ ปณภ.พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๗๐ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๘๘๙ ๓๙๒๒ และ ๐ ๒๔๗๕ ๓๖๖๓ - ๔ ในวันและเวลาราชการ หรือ www.navy.mi.th/navedu (ที่มา : ยศ.ทร.)

ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีปล่อยเรือส่งกำลังบำรุงขนาดเล็ก ๒ ลำ ลงน้ำ

       วันนี้ (๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๓) เวลา ๑๕.๓๙ น. พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีปล่อยเรือส่งกำลังบำรุงขนาดเล็ก จำนวน ๒ ลำ ลงน้ำ และ คุณดวงพร พุ่มหิรัญ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ เป็นสุภาพสตรีผู้ประกอบพิธี ฯ ณ อู่เรือบริษัทมาร์ซัน จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
       กองทัพเรือ ได้ว่าจ้างบริษัทมาร์ซัน จำกัด สร้างเรือส่งกำลังบำรุงขนาดเล็ก จำนวน ๒ ลำ เพื่อทดแทนเรือระบายพลขนาดใหญ่ ชุด เรือหลวงมัตโพน จำนวน ๔ ลำ ซึ่งกองทัพเรือมีแผนปลดระวางประจำการและเพื่อรองรับภารกิจการป้องกันประเทศและการช่วยเหลือประชาชน การสนับสนุนการลำเลียงยุทโธปกรณ์ทางทะเล การลำเลียงเครื่องอุปโภคบริโภค การช่วยเหลือประชาชน การลำเลียงน้ำจืด สนับสนุนเรือ หน่วยเฉพาะกิจ หน่วยราชการ ประชาชนตามเกาะและแนวขอบฝั่งทะเลที่ประสบปัญหาขาดแคลน รวมทั้งโครงการตามพระราชดำริ และการสนับสนุนการฝึกปฏิบัติงานของหน่วยต่าง ๆ ทั้งในและนอก กองทัพเรือ
       สำหรับคุณลักษณะและขีดความสามารถที่สำคัญของเรือส่งกำลังบำรุงขนาดเล็ก มีความยาวตลอดลำ ๕๕ เมตร ความกว้าง ๑๑ เมตร กินน้ำลึกสูงสุดภายหลังจากการปรับแต่งทริมเรือ เพื่อเกยหาดเมื่อบรรทุกเต็มที่ หัวเรือไม่เกิน ๑.๒๐ เมตร และท้ายเรือไม่เกิน ๑.๘๐ เมตร ระยะปฏิบัติการที่ความเร็วไม่ต่ำกว่า ๑๐ นอต ไม่น้อยกว่า ๑,๕๐๐ ไมล์ ระวางขับน้ำปกติ ๔๒๐ ตัน ระวางขับน้ำเต็มที่ ๕๕๐ ตัน ความเร็วที่ระวางขับน้ำเต็มที่ ไม่น้อยกว่า ๑๒ นอต และความคงทนทะเล ไม่น้อยกว่า Sea State 4 โดยมีกำลังพลประจำเรือรวมทั้งสิ้น ๔๙ นาย (ที่มา : สยป.ทร.) 

กองทัพเรือไทย - จีน ร่วมเปิดการฝึกผสม Blue Strike 2010

       วันนี้ (๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๓) เวลา ๑๐.๑๕ น. พลเรือโท พงศ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และ พลเรือโท ซู จื้อเถียน (Su Zhiquan) ผู้บัญชาการกองเรือทะเลใต้ กองทัพเรือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมเป็นประธานเปิดการฝึกผสม Blue Strike 2010 ณ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
         การฝึกผสม BLUE STRIKE 2010 เป็นการฝึกผสมในลักษณะทวิภาคี ระหว่าง กองทัพเรือไทย และกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมมิตรภาพระหว่างประเทศไทยกับ สาธารณรัฐประชาชนจีนให้แน่นแฟ้น รวมทั้งพัฒนาความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน และยกระดับขีดความสามารถในการฝึกของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินและกองทัพเรือ สาธารณรัฐประชาชนจีน อันจะเป็นประโยชน์ต่อกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึก ฯ ซึ่งเริ่มการฝึกผสม ฯ ในปีนี้เป็นปีแรก โดย หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นเจ้าภาพการฝึก ฯ ระหว่างวันที่ ๒๖ ตุลาคม ถึงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยฝ่ายไทยมี พลเรือตรี สมปอง สังข์สุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นผู้อำนวยการฝึก ฯ และ นาวาเอก รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ ๑ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นผู้บังคับการกองกำลังการฝึก ฯ
       สำหรับการฝึกผสม ฯ แบ่งเป็น ๔ ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ ๑ การจัดแสดงยุทโธปกรณ์ และการสาธิตการฝึกยิงอาวุธด้วยกระสุนจริง การโจมตีโฉบฉวยด้วยเรือยาง ขั้นที่ ๒ การฝึกเป็นชุดปฏิบัติการผสม เป็นการฝึก ในลักษณะการอบรมบรรยาย ขั้นที่ ๓ การฝึกปัญหาต่อเนื่อง เป็นการฝึกปัญหาต่อเนื่องในสถานการณ์ทางบก และสถานการณ์ทางทะเล การลงทางดิ่งสู่เรือและการฝึกการช่วยเหลือ/ชิงตัวประกัน และขั้นที่ ๔ การสัมมนา ในหัวข้อ "หลักนิยมการปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบกระหว่างไทย - สปจ." (ที่มา : นย.)

จักษุแพทย์เตือนระวังโรค "ตาแดง" มากับน้ำท่วม

          นายแพทย์ ฐานปวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์โรงพยาบาล พระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงที่หลาย ๆ พื้นที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมนั้น ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ประสบปัญหาระมัดระวังการระบาดของโรคตาแดง เนื่องจากขณะนี้ในส่วนของโรงพยาบาลพระนั่งเกล้านั้น มีผู้ป่วยเดินทางเข้ามารับการรักษาด้วยโรคเดังกล่าวเฉลี่ยวันละ ๑๐ ราย ซึ่งคาดว่า โรคตาแดงนั้นเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มาพร้อมกับน้ำท่วมขัง ซึ่งบางครั้งประชาชนไม่ทันระมัดระวังเรื่องของการใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันสุขภาพดวงตาจากโรคดังกล่าว ในช่วงที่กำลังเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมขณะนี้ ประชาชนมีการระวังโรคดังกล่าว ด้วยหลักการง่าย ๆ อาทิ หากน้ำกระเด็นเข้าตาหรือมีความจำเป็นต้องงมไปเอาสิ่งของที่อยู่ใต้น้ำ ควรรีบล้างหน้าและตาด้วยน้ำสะอาดทันที และหากยังมีอาการระคายเคืองดวงตา หรือตาขาวบวมแดง ซึ่งอาจมีอาการคันที่ดวงตาดำ ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที เพราะเชื้อโรคตาแดงสามารถติดต่อได้ภายใน ๓ วัน และหากรุนแรงอาจทำให้แก้วตาอักเสบได้
          คาดว่า การระบาดของโรคตาแดงในปีนี้ น่าจะมาเร็วกว่าทุกปี เพราะในปีนี้สถานการณ์น้ำท่วมนั้นรุนแรงมาก ข้อแนะนำสำหรับคนปกติไม่ควรอยู่ใกล้หรือคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคตาแดงอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวแล้ว แนะนำว่าไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา เนื่องจากเชื้อไวรัสจะสามารถคงอยู่ในผ้าได้นานกว่า ๓๐ นาที ซึ่งเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ ควรเปลี่ยนมาใช้สำลี หรือกระดาษทิชชู เพื่อซับน้ำตาแทน และหากระคายเคืองควรสวมแว่นตากันแดดป้องกันการขยี้ตา (ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์)

เตือนชาวประมงไทย ลักลอบจับสัตว์น้ำในติมอร์ฯ

       กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงดิลี ว่าทางการติมอร์ฯ ได้กวดขันจับกุมเรือประมงที่ลักลอบเข้าไปจับสัตว์น้ำในทะเลอาณาเขตของประเทศติมอร์ฯ อย่างต่อเนื่องและเข้มงวด ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมเรือประมงและลูกเรือ และได้มีการพิจารณาลงโทษตามกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว กระทรวง ฯ ขอประกาศเตือนผู้ประกอบการและเรือประมงของไทยให้หลีกเลี่ยงการรุกล้ำจับปลาหรือกระทำการผิดกฎหมายในทะเลอาณาเขตของประเทศติมอร์ฯ อย่างเด็ดขาด เนื่องจากทางการติมอร์ฯ ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของเรือตรวจยามฝั่งทะเลอย่างดี อันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลติมอร์ฯ ที่เคร่งครัดในการปกป้องทรัพยากรทางทะเลของประเทศ รวมทั้งการรุกล้ำจากต่างชาติ และทางการติมอร์ฯ จะใช้มาตรการจับกุมเรือประมงต่างชาติที่รุกล้ำเข้ามาอย่างเข้มงวด (ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ)

ญี่ปุ่นประท้วงจีนรุกน่านน้ำ

       นายโยชิโตะ เซนโกกุ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ญี่ปุ่นได้ยื่นประท้วงจีนผ่านช่องทางการทูต หลังพบเรือตรวจการณ์ประมงของจีน ๒ ลำ แล่นเข้าใกล้หมู่เกาะที่เป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับการอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองในทะเลจีนตะวันออก โดยเรือยามฝั่งญี่ปุ่นได้ตรวจพบเรือจีนในบริเวณดังกล่าว ก่อนที่จะแล่นออกไปทางตอนเหนือมุ่งหน้ากลับสู่จีนเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างชาติทั้งสองเลวร้ายลง ซึ่งเริ่มขึ้นจากการที่ญี่ปุ่นจับกุมกัปตันเรือประมงจีนที่ชนกับเรือตรวจการณ์ญี่ปุ่นใกล้บริเวณหมู่เกาะข้อพิพาทเมื่อวันที่ ๘ กันยายน และตลอดช่วงเกือบ ๒ เดือน ที่ผ่านมา ประชาชนจากชาติทั้งสองได้ออกมาชุมนุมประท้วงตามท้องถนนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงการต่อต้านแต่ละฝ่าย โดยล่าสุดชาวจีนได้ชุมนุมต่อต้านญี่ปุ่น พร้อมทั้งเรียกร้องให้คว่ำบาตรสินค้าญี่ปุ่น
       บริเวณที่เป็นข้อพิพาทคือหมู่เกาะที่ญี่ปุ่นเรียกว่าเซนกากุ และจีนเรียกว่าเตียวหยู ซึ่งทั้ง ๒ ชาติ ต่างอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครอง ด้านรัฐบาลจีนกำลังพยายามหาทางป้องกันไม่ให้การประท้วงต่อต้านญี่ปุ่น ลุกลามบานปลาย โดยส่งกำลังตำรวจรักษาความปลอดภัยจำนวนมากออกรักษาการณ์ หลังมีการประท้วงในเมืองหลานโจว มณฑลกานซู และเมืองเป่าจี มณฑลฉ่านซีของจีน โดยแต่ละเมืองมีผู้เข้าร่วมราว ๑๐๐ - ๒๐๐ คน ซึ่งที่เมืองหลานโจวการประท้วงดำเนินไปอย่างสงบ (ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้)