เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีรายงานว่า กองทัพเรืออินโดนีเซียจะได้รับ รจอ.KCR-40 เพิ่มเติมอีก
๔ ลำ ภายในสิ้นปี ๒๕๕๗ โดยเรือ ดังกล่าวต่อที่อู่ต่อเรือ PT PAL
และ PT Citra Shipyard ของอินโดนีเซีย มีความยาว ๔๔ เมตร ความเร็วสูงสุด
๓๐ นอต ติดตั้งอาวุธนำวิถี พื้น - สู่ - พื้น C-705 ปืนเรือ Denal
Vektor G12 และปืนกล ๑๒.๗ มิลลิเมตร อนึ่ง ตามกำหนดการกองทัพเรือ
อินโดนีเซียต้องการนำเรือชั้นดังกล่าวเข้าประจำการทั้งหมด ๙ ลำ
ภายในปี ๒๕๕๗ (ที่มา : ขว.ทร.)
วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557
กองการฝึก กองเรือยุทธการ ทำการฝึกกำลังพลทดแทน ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือ เพื่อเตรียมความพร้อมและให้เกิดความชำนาญในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล
กองการฝึก
กองเรือยุทธการ ทำการฝึกกำลังพลทดแทน ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือ
เกาะช้าง และศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ ฝั่งอันดามัน
ระหว่างวันที่ ๑๘ สิงหาคม ถึง ๔ กันยายน ๒๕๕๗ ณ บริเวณอาคาร กองฝึกเดินเรือและการเรือ
กองการฝึก กองเรือยุทธการ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
การฝึกกำลังพลทดแทน ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือ เกาะช้าง และศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ ฝั่งอันดามัน มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพลและเจ้าหน้าที่ ให้มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางน้ำ ชายหาดและการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี รวมทั้งให้กำลังพลมีความรู้ ความชำนาญ มีสุขภาพร่างกายและจิตใจเข้มแข็งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล พร้อมที่จะปฏิบัติงานตรากตรำในถิ่นทุรกันดารได้ และให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั่วโลก อันเป็นหลักประกันด้านความปลอดภัยทางทะเลให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการในทะเลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดการปฏิบัติให้กับประชาชน หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนได้ในระดับหนึ่ง (ที่มา : กฝร.)
การฝึกกำลังพลทดแทน ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือ เกาะช้าง และศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ ฝั่งอันดามัน มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพลและเจ้าหน้าที่ ให้มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางน้ำ ชายหาดและการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี รวมทั้งให้กำลังพลมีความรู้ ความชำนาญ มีสุขภาพร่างกายและจิตใจเข้มแข็งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล พร้อมที่จะปฏิบัติงานตรากตรำในถิ่นทุรกันดารได้ และให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั่วโลก อันเป็นหลักประกันด้านความปลอดภัยทางทะเลให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการในทะเลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดการปฏิบัติให้กับประชาชน หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนได้ในระดับหนึ่ง (ที่มา : กฝร.)
บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม เรื่อง "กินน้ำเผื่อแล้ง"
กองอนุศาสนาจารย์
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรม
ในการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท
สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง "กินน้ำเผื่อแล้ง"
ข้อมูลจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานพบว่า ประเทศไทยต้องใช้เงินเกือบสามแสนล้านบาทต่อปีเพื่อนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงมา ให้คนไทยได้ใช้ เหตุที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้พลังงานอย่าง ไม่มีประสิทธิภาพ ใช้มากเกินความจำเป็น ขาดความเอาใจใส่ ความรอบคอบ ไม่ได้คิดก่อนใช้ ทำให้เกิดการรั่วไหลสูญเปล่าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหาทางลดภาระนี้ลงให้ได้อย่างน้อยร้อยละ ๑๐ จากที่เคยใช้กันอยู่ จึงจะประหยัดเงินตราต่างประเทศได้เกือบสามหมื่นล้านบาท
เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ กองทัพเรือได้มีนโยบายให้กำลังพลร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามมาตรการประหยัด อย่างเคร่งครัด เช่น มาตรการประหยัดไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำประปา เป็นต้น การให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างน้อย ๓ ประการ คือ
๑. เป็นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซที่เป็นอันตราย ซึ่งกำลังเป็นปัญหาของโลกในเวลานี้คือ "ภาวะเรือนกระจก" ปัจจุบันกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติของโลก โดยปัญหาด้านมลภาวะนี้ก็ยังส่งผลไปถึงปัญหาด้านสุขภาพของมนุษย์อีกด้วย
๒. เป็นการร่วมด้วยช่วยหน่วยประหยัดค่าใช้จ่าย หากกำลังพลในกองทัพเรือ ต่างตั้งใจช่วยกันประหยัดพลังงานอย่างจริงจังแล้ว ย่อมจะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในทุก ๆ เดือนของหน่วยลดลง
๓. เป็นการช่วยเหลือชาติโดยตรง เพราะในปัจจุบัน ประเทศไทยเรา ยังจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิง เช่น น้ำมัน รวมถึงก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศอีกจำนวนมาก เนื่องจากยังไม่สามารถผลิตพลังงาน ที่มีอยู่ภายในประเทศ ให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้
หากกำลังพลกองทัพเรือให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ โดยคิดเสมอว่า "ของหลวงคือของเรา" มีความรอบคอบสักนิดคิดก่อนใช้ เราก็จะประหยัดพลังงานลงได้อย่างมาก นั่นหมายถึง การประหยัดเงินที่ต้องใช้จ่ายออกนอกประเทศ เพียงเท่านี้ ก็จะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของหน่วยและได้ช่วยประเทศชาติอย่างเป็นรูปธรรม อย่าให้เป็นดังสำเนาไทยที่ว่า "กินน้ำไม่เผื่อแล้ง" คือ มีอะไรใช้หมดทันทีไม่คิดถึงวันข้างหน้า เมื่อถึงเวลานั้น โลกอาจประสบภาวะขาดแคลนพลังงาน และเราก็อาจจะไม่มีพลังงานไว้ให้ใช้อีกต่อไป ดังนั้น การร่วมด้วยช่วยกันประหยัดพลังงานในวันนี้ นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามคุณธรรมข้อสันโดษ คือ ความพอเพียงแล้ว ยังถือเป็นการแสดงออกถึงความมีจิตสำนึกที่ดี มีจิตอาสาและมีจิตสาธารณะของข้าราชการไทยอีกด้วย (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)
ข้อมูลจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานพบว่า ประเทศไทยต้องใช้เงินเกือบสามแสนล้านบาทต่อปีเพื่อนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงมา ให้คนไทยได้ใช้ เหตุที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้พลังงานอย่าง ไม่มีประสิทธิภาพ ใช้มากเกินความจำเป็น ขาดความเอาใจใส่ ความรอบคอบ ไม่ได้คิดก่อนใช้ ทำให้เกิดการรั่วไหลสูญเปล่าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหาทางลดภาระนี้ลงให้ได้อย่างน้อยร้อยละ ๑๐ จากที่เคยใช้กันอยู่ จึงจะประหยัดเงินตราต่างประเทศได้เกือบสามหมื่นล้านบาท
เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ กองทัพเรือได้มีนโยบายให้กำลังพลร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามมาตรการประหยัด อย่างเคร่งครัด เช่น มาตรการประหยัดไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำประปา เป็นต้น การให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างน้อย ๓ ประการ คือ
๑. เป็นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซที่เป็นอันตราย ซึ่งกำลังเป็นปัญหาของโลกในเวลานี้คือ "ภาวะเรือนกระจก" ปัจจุบันกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติของโลก โดยปัญหาด้านมลภาวะนี้ก็ยังส่งผลไปถึงปัญหาด้านสุขภาพของมนุษย์อีกด้วย
๒. เป็นการร่วมด้วยช่วยหน่วยประหยัดค่าใช้จ่าย หากกำลังพลในกองทัพเรือ ต่างตั้งใจช่วยกันประหยัดพลังงานอย่างจริงจังแล้ว ย่อมจะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในทุก ๆ เดือนของหน่วยลดลง
๓. เป็นการช่วยเหลือชาติโดยตรง เพราะในปัจจุบัน ประเทศไทยเรา ยังจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิง เช่น น้ำมัน รวมถึงก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศอีกจำนวนมาก เนื่องจากยังไม่สามารถผลิตพลังงาน ที่มีอยู่ภายในประเทศ ให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้
หากกำลังพลกองทัพเรือให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ โดยคิดเสมอว่า "ของหลวงคือของเรา" มีความรอบคอบสักนิดคิดก่อนใช้ เราก็จะประหยัดพลังงานลงได้อย่างมาก นั่นหมายถึง การประหยัดเงินที่ต้องใช้จ่ายออกนอกประเทศ เพียงเท่านี้ ก็จะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของหน่วยและได้ช่วยประเทศชาติอย่างเป็นรูปธรรม อย่าให้เป็นดังสำเนาไทยที่ว่า "กินน้ำไม่เผื่อแล้ง" คือ มีอะไรใช้หมดทันทีไม่คิดถึงวันข้างหน้า เมื่อถึงเวลานั้น โลกอาจประสบภาวะขาดแคลนพลังงาน และเราก็อาจจะไม่มีพลังงานไว้ให้ใช้อีกต่อไป ดังนั้น การร่วมด้วยช่วยกันประหยัดพลังงานในวันนี้ นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามคุณธรรมข้อสันโดษ คือ ความพอเพียงแล้ว ยังถือเป็นการแสดงออกถึงความมีจิตสำนึกที่ดี มีจิตอาสาและมีจิตสาธารณะของข้าราชการไทยอีกด้วย (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)
รองเสนาธิการทหารเรือ และคณะ เยี่ยมทหารป่วยจากการปฏิบัติหน้าที่ที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า
พลเรือโท ยุทธนา
เกิดด้วยบุญ รองเสนาธิการทหารเรือ
เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือไปเยี่ยมทหารที่เจ็บป่วยจากการปฏิบัติหน้าที่
ที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า
กรมแพทย์ทหารเรือ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา
เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
ในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. ทั้งนี้
เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ทหารบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่
พร้อมมอบเงินบำรุงขวัญ (ที่มา : กพ.ทร.)
กองทัพเรือ เป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน ครั้งที่ ๘ ระหว่าง ๒๖ - ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗
กองทัพเรือ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน
ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ โรงแรมมิลเลนเนียม
ฮิลตัน กรุงเทพมหานคร โดยจะมีพิธีเปิด ฯ ในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗
เวลา ๐๙.๐๐ น. มี พลเรือเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
เป็นประธานเปิดการประชุม และมีผู้บัญชาการทหารเรือ จาก ๙ ชาติในอาเซียน
เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ไทย บรูไน อินโดนีเซีย กัมพูชา มาเลเซีย
เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม
การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน ในครั้งนี้ พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะเจ้าภาพและประธานการประชุม จะมีการหารือเกี่ยวกับกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน การแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงทางทะเลในแต่ละภูมิภาค รวมถึงแผนงานกิจกรรมความร่วมมือต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในวงรอบ ๒ ปี ข้างหน้า โดยกองทัพเรือได้กำหนดประเด็นหลักหรือบริบทของการประชุม คือ บทบาทของกองทัพเรืออาเซียน ภายหลังมีการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี คริสต์ศักราช ๒๐๑๕ (Roles for the ASEAN Navies after ASEAN Integration 2015 ) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่จะเกิดขึ้นจริงในภูมิภาคนี้ ในปีหน้า หรือ " Roles for the ASEAN Navies after ASEAN integration 2015 "
การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียนจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ ใช้ชื่อการประชุมว่า ASEAN Navy Interact โดยแต่ละประเทศได้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในปี ๒๕๕๔ ได้มีการเปลี่ยนชื่อการประชุมเป็น ASEAN Navy Chiefs' Meeting (ANCM) รวมทั้งได้เห็นชอบข้อกำหนดสำหรับการประชุม หรือ Term of Reference (TOR) สำหรับใช้ยึดถือปฏิบัติในการประชุมด้วย โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ เป็นเวทีปรึกษา หารือ แลกเปลี่ยนมุมมองต่าง ๆ ของผู้บัญชาการทหารเรือในอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมร่วมกันและพัฒนาศักยภาพของกองทัพเรืออาเซียน เพื่อให้ทันกับสิ่งท้าทายใหม่ ๆ โดยการหารือและพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ นั้น จะอยู่บนหลักการสำคัญ คือ การไม่ก้าวก่ายในกิจการภายในของแต่ละประเทศ เคารพสิทธิเสรีภาพและอำนาจอธิปไตยซึ่งกันและกัน โดยความร่วมมือในเรื่องต่าง ๆ จะเป็นไปด้วยความสมัครใจ และโดยความเห็นพ้องร่วมกัน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของประชาคมอาเซียน
สำหรับประโยชน์ที่กองทัพเรือไทย จะได้รับจากการประชุมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันในระดับกองทัพเรือแต่ละประเทศแล้ว ยังทำให้ได้รับทราบถึงมุมมอง และแนวคิดของผู้บัญชาการทหารเรือในอาเซียน เกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกัน ก่อให้เกิดความร่วมมือและการพัฒนาแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่สำคัญในปัจจุบัน เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในทะเล การป้องกันและปราบปรามโจรสลัดและการกระทำอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมายของรัฐชายฝั่งแต่ละประเทศ รวมถึงการก่อการร้ายทางทะเล เป็นต้น
นอกจากนั้น ในการประชุมครั้งนี้ กองทัพเรือ ยังเตรียมที่จะเสนอตัวในการเป็นเจ้าภาพจัดพิธีสวนสนามทางเรือนานาชาติในปี พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี การก่อตั้งอาเซียน รวมทั้งจะเสนอแนวความคิดให้จัดการฝึกผสมทางเรือแบบพหุภาคีระหว่างกองทัพเรือ ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนด้วย ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้ หากได้รับการยอมรับและสามารถพัฒนาไปสู่การปฏิบัติจริงแล้ว ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์ ในการเสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ระหว่างกองทัพเรือในอาเซียนให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะช่วยเสริมสร้างบทบาทในภูมิภาคและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่กองทัพเรือ ไทยและประเทศชาติโดยรวมอีกทางหนึ่ง
(อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ ๕ ประเทศสมาชิก อันได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ได้มีการลงนามร่วมกัน ที่วังสราญรมย์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๑๐ โดยมีจุดมุ่งหมาย คือ เพื่อให้ความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อยกระดับการครองชีพและฐานะทางเศรษฐกิจ และความเจริญในทางเทคนิค วิชาการร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีประเทศต่าง ๆ เข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ทำให้ปัจจุบันมีสมาชิก อาเซียนทั้งหมด ๑๐ ประเทศ ) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไม่มีผู้บัญชาการทหารเรือ เพราะประเทศไม่ติดทะเล ทำให้การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน มีผู้บัญชาการทหารเรือจาก ๙ ประเทศ เข้าร่วมประชุม (ที่มา : สลก.ทร.)
การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน ในครั้งนี้ พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะเจ้าภาพและประธานการประชุม จะมีการหารือเกี่ยวกับกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน การแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงทางทะเลในแต่ละภูมิภาค รวมถึงแผนงานกิจกรรมความร่วมมือต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในวงรอบ ๒ ปี ข้างหน้า โดยกองทัพเรือได้กำหนดประเด็นหลักหรือบริบทของการประชุม คือ บทบาทของกองทัพเรืออาเซียน ภายหลังมีการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี คริสต์ศักราช ๒๐๑๕ (Roles for the ASEAN Navies after ASEAN Integration 2015 ) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่จะเกิดขึ้นจริงในภูมิภาคนี้ ในปีหน้า หรือ " Roles for the ASEAN Navies after ASEAN integration 2015 "
การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียนจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ ใช้ชื่อการประชุมว่า ASEAN Navy Interact โดยแต่ละประเทศได้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในปี ๒๕๕๔ ได้มีการเปลี่ยนชื่อการประชุมเป็น ASEAN Navy Chiefs' Meeting (ANCM) รวมทั้งได้เห็นชอบข้อกำหนดสำหรับการประชุม หรือ Term of Reference (TOR) สำหรับใช้ยึดถือปฏิบัติในการประชุมด้วย โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ เป็นเวทีปรึกษา หารือ แลกเปลี่ยนมุมมองต่าง ๆ ของผู้บัญชาการทหารเรือในอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมร่วมกันและพัฒนาศักยภาพของกองทัพเรืออาเซียน เพื่อให้ทันกับสิ่งท้าทายใหม่ ๆ โดยการหารือและพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ นั้น จะอยู่บนหลักการสำคัญ คือ การไม่ก้าวก่ายในกิจการภายในของแต่ละประเทศ เคารพสิทธิเสรีภาพและอำนาจอธิปไตยซึ่งกันและกัน โดยความร่วมมือในเรื่องต่าง ๆ จะเป็นไปด้วยความสมัครใจ และโดยความเห็นพ้องร่วมกัน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของประชาคมอาเซียน
สำหรับประโยชน์ที่กองทัพเรือไทย จะได้รับจากการประชุมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันในระดับกองทัพเรือแต่ละประเทศแล้ว ยังทำให้ได้รับทราบถึงมุมมอง และแนวคิดของผู้บัญชาการทหารเรือในอาเซียน เกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกัน ก่อให้เกิดความร่วมมือและการพัฒนาแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่สำคัญในปัจจุบัน เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในทะเล การป้องกันและปราบปรามโจรสลัดและการกระทำอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมายของรัฐชายฝั่งแต่ละประเทศ รวมถึงการก่อการร้ายทางทะเล เป็นต้น
นอกจากนั้น ในการประชุมครั้งนี้ กองทัพเรือ ยังเตรียมที่จะเสนอตัวในการเป็นเจ้าภาพจัดพิธีสวนสนามทางเรือนานาชาติในปี พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี การก่อตั้งอาเซียน รวมทั้งจะเสนอแนวความคิดให้จัดการฝึกผสมทางเรือแบบพหุภาคีระหว่างกองทัพเรือ ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนด้วย ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้ หากได้รับการยอมรับและสามารถพัฒนาไปสู่การปฏิบัติจริงแล้ว ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์ ในการเสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ระหว่างกองทัพเรือในอาเซียนให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะช่วยเสริมสร้างบทบาทในภูมิภาคและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่กองทัพเรือ ไทยและประเทศชาติโดยรวมอีกทางหนึ่ง
(อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ ๕ ประเทศสมาชิก อันได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ได้มีการลงนามร่วมกัน ที่วังสราญรมย์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๑๐ โดยมีจุดมุ่งหมาย คือ เพื่อให้ความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อยกระดับการครองชีพและฐานะทางเศรษฐกิจ และความเจริญในทางเทคนิค วิชาการร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีประเทศต่าง ๆ เข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ทำให้ปัจจุบันมีสมาชิก อาเซียนทั้งหมด ๑๐ ประเทศ ) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไม่มีผู้บัญชาการทหารเรือ เพราะประเทศไม่ติดทะเล ทำให้การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน มีผู้บัญชาการทหารเรือจาก ๙ ประเทศ เข้าร่วมประชุม (ที่มา : สลก.ทร.)
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"คนไทย
รักษาชาติ รักษาแผ่นดิน เป็นปึกแผ่นมั่นคงมาได้ ด้วยสติปัญญาความสามารถ
และด้วยคุณความดี อิสรภาพ เสรีภาพ ความร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนความเจริญ
ทุกอย่างที่มีอยู่บัดนี้ เราทั้งหลายในปัจจุบัน จึงต้องถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบอย่างสำคัญ
ในอันที่จะรักษาคุณความดี พร้อมทั้งจิตใจที่เป็นไทยไว้ให้มั่นคงตลอดไป"
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธี
เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๒๑
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธี
เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๒๑
วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557
รัสเซียและจีนลงนามข้อตกลงจัดหายุทโธปกรณ์ร่วมกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีรายงานว่า
รัสเซียจะร่วมมือกับจีนในการสร้างเรือดำน้ำแบบ Amur
พร้อมระบบขับเคลื่อน AIP จำนวน ๔ ลำ สำหรับกองทัพเรือจีน
รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่จีนจะจัดหาเครื่องบินขับไล่
Su-35 จำนวน ๒๔ ลำ ทั้งนี้
นับเป็นข้อตกลงในการจัดหายุทโธปกรณ์ครั้งใหญ่ในรอบ
๑๐ ปี
ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างประเทศแล้วยังเป็นการ
เพิ่มศักยภาพด้านเรือดำน้ำให้แก่จีนอีกด้วย
(ที่มา : ขว.ทร.)
กองทัพเรือร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานโครงการประกวดดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๘๗ พรรษา ใน ๓๑ สิงหาคม นี้
กองทัพเรือ และ
มูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานโครงการประกวดดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๘๗ พรรษา ใน วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๐๘.๐๐ น. - ๑๗.๐๐
น. ณ หอประชุม กองดุริยางค์ทหารเรือ ฐานทัพเรือกรุงเทพ เขตบางกอกน้อย
กรุงเทพฯ
มูลนิธิราชสกุลอาภากร ฯ กำหนดจัดโครงการประกวดดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ ๘ เป็นการประกวดระดับนักเรียน อายุไม่เกิน ๑๘ ปีบริบูรณ์ ชิงถ้วยรางวัล พระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นราชสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมมายุครบ ๘๗ พรรษา ใน ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ และส่งเสริมอนุรักษ์ดนตรีไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยสืบไป โดยการประกวดดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติ ฯ ในครั้งนี้ พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเป็นประธานร่วมในพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวด ฯ (ที่มา : กพร.ทร.)
มูลนิธิราชสกุลอาภากร ฯ กำหนดจัดโครงการประกวดดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ ๘ เป็นการประกวดระดับนักเรียน อายุไม่เกิน ๑๘ ปีบริบูรณ์ ชิงถ้วยรางวัล พระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นราชสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมมายุครบ ๘๗ พรรษา ใน ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ และส่งเสริมอนุรักษ์ดนตรีไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยสืบไป โดยการประกวดดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติ ฯ ในครั้งนี้ พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเป็นประธานร่วมในพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวด ฯ (ที่มา : กพร.ทร.)
ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้โอวาทนายทหารสัญญาบัตรที่กระทรวงกลาโหมอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยทูตทหารเรือไทยในต่างประเทศ วาระ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ในโอกาสเข้าเยี่ยมอำลา
วันนี้ (๒๕ สิงหาคม
๒๕๕๗) เวลา ๑๓.๓๐ น. พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย
ผู้บัญชาการทหารเรือ
ให้โอวาทแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศในโอกาสที่นายทหารสัญญาบัตรที่
กระทรวงกลาโหมอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยทูตทหารเรือไทยใน
ต่างประเทศ
วาระ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เข้าเยี่ยมอำลาผู้บัญชาการทหารเรือ ณ
ห้อง รับรอง
กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่
กรุงเทพมหานคร
การเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนของกองทัพเรือในต่างประเทศ นับว่าเป็นภารกิจที่มีความสำคัญและเป็นเกียรติยิ่งที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจด้านการทหาร ได้แก่ การทูตทหาร การข่าวในระดับยุทธศาสตร์ การดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางทหารกับต่างประเทศ การปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์ การรับรองและอำนวยความสะดวกให้กับผู้บังคับบัญชา ข้าราชการ และนักเรียนทหาร รวมทั้งการเชื่อมความสัมพันธ์และเสริมสร้างความเข้าใจ ระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือต่างประเทศ (ที่มา : ขว.ทร.)
การเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนของกองทัพเรือในต่างประเทศ นับว่าเป็นภารกิจที่มีความสำคัญและเป็นเกียรติยิ่งที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจด้านการทหาร ได้แก่ การทูตทหาร การข่าวในระดับยุทธศาสตร์ การดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางทหารกับต่างประเทศ การปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์ การรับรองและอำนวยความสะดวกให้กับผู้บังคับบัญชา ข้าราชการ และนักเรียนทหาร รวมทั้งการเชื่อมความสัมพันธ์และเสริมสร้างความเข้าใจ ระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือต่างประเทศ (ที่มา : ขว.ทร.)
ผู้บัญชาการทหารเรือ รับการเยี่ยมคำนับ ผู้บัญชาการทหารเรือเวียดนาม และภริยา พร้อมคณะ เพื่อมอบและประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย
การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของผู้บัญชาการทหารเรือเวียดนาม และภริยา พร้อมคณะ ในครั้งนี้
นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือกับ กองทัพเรือเวียดนามให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการเดินทางมาเพื่อมารับมอบและประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมี เกียรติยศยิ่งมงกุฎไทยชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย และในโอกาสที่กองทัพเรือจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออา เซียน ระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือเวียดนามได้ตอบรับเข้าร่วมประชุม ฯ ด้วย
กองทัพเรือ กับกองทัพเรือเวียดนาม มีความสัมพันธ์กันมานาน ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาโดยตลอด, การแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเมืองท่า, การสนับสนุนที่นั่งการศึกษาตามโครงการแลกเปลี่ยนการศึกษาด้านภาษาไทย - เวียดนาม และหลักสูตรโรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ, การฝึกและการลาดตระเวนร่วมทางทะเล และการประชุมคณะทำงานร่วมไทย - เวียดนามว่าด้วยการจัดระเบียบทางทะเลร่วมกันเป็นประจำทุกปี โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพการประชุม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการจัดระเบียบทางทะเลในเขตติดต่อของทั้งสอง ประเทศ ในการป้องกันการกระทำผิดกฎหมายในทะเล การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในทะเล รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกองทัพเรือ ไทยกับกองทัพเรือเวียดนาม (ที่มา : ขว.ทร.)
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"การมีเสรีภาพนั้น
เป็นของที่ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อจะใช้ จำเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
ตามความรับผิดชอบ มิให้ล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นที่เขามีอยู่เท่าเทียมกัน
ทั้งมิให้กระทบกระเทือนถึงสวัสดิภาพและความเป็นปกติสุขของส่วนรวมด้วย"
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ๙ กรกฎาคม ๒๕๑๔
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ๙ กรกฎาคม ๒๕๑๔
วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557
บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม เรื่อง "มัจจุราชเตือน"
กองอนุศาสนาจารย์
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรม
ในการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท
สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง "มัจจุราชเตือน"
โดยทั่วไปมนุษย์ไม่ค่อยอยากได้ยิน
คำว่า "มัจจุราช" เพราะคำดังกล่าวหมายถึงเจ้าแห่งความตาย
ซึ่งเป็นมารตัวที่สี่ในมารห้า เรียกว่า
มัจจุมารการที่เจ้าแห่งความตายได้ชื่อว่ามารเพราะเป็นสิ่งหนึ่งที่ตัดรอน
โอกาสในการทำความดีของบุคคล
ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ได้อย่างเที่ยงตรงที่สุด
โดยไม่ยอมให้ใครมาผัดผ่อนลดหย่อนผ่อนปรนได้ด้วยคำอ้อนวอนว่า
ข้าพเจ้ายังไม่อยากตาย ข้าพเจ้าขอมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสัก
๒ - ๓
ปี ก่อน ข้าพเจ้าเพิ่งแต่งงานใหม่ ๆ
ข้าพเจ้ามีลูกเล็กที่ยังต้องดูแลอยู่ยังไม่พร้อมที่จะตาย
หรือข้าพเจ้ายังไม่ได้ทำความดีอะไรไว้เลย เป็นต้น
สาเหตุที่เป็นดังนี้ เพราะมนุษย์ส่วนมากพากันสาละวนวุ่นวาย และคุ้นเคยอยู่กับการทำมาหากินเลี้ยงชีพ แต่ด้วยความกรุณาของมัจจุราชจึงได้ส่งหมายต่าง ๆ มาเตือน เพื่อให้เกิดสติจะได้ไม่หลงระเริงตกอยู่ในอำนาจของโลกธรรม
หมายเตือนของมัจจุราชดังกล่าวคือ ความเสื่อมไปของสังขาร จะถูกส่งมาปิดประกาศไว้ที่อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของแต่ละบุคคล เช่นมาปรากฏที่เส้นผมบ้าง ปรากฏที่ฟันบ้าง ปรากฏที่ผิวหนัง เป็นต้นบ้าง ซึ่งเป็นเครื่องหมายเตือนให้รับทราบเพื่อมนุษย์จะได้เร่งรีบทำความดี เร่งหาที่พึ่งทางจิตใจไว้ก่อน แต่ก็มีคนพยายามหลบหลีกหมายเตือนดังกล่าว โดยทำเป็นไม่รับทราบ หรือโดยการกลบเกลื่อนด้วยวิธีการทำศัลยกรรมต่าง ๆ เพื่อหลบหลีกเอาตัวรอดไปพลางก่อนอยู่เป็นจำนวนมิใช่น้อย
เพราะฉะนั้น ใครก็ตาม ถ้าได้รับหมายเตือนจากมัจจุราชแล้ว พิจารณาให้ถ่องแท้ถึงความเป็นจริงของสังขารว่ามีความเกิดขึ้นตั้งอยู่และ เสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา แล้วดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท เร่งรีบกระทำความดีไว้ให้พร้อมสรรพแต่เนิ่น ๆ เมื่อถึงวันที่ต้องพบกับพญามัจจุราชจริง ๆ จะได้ไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจ ตีโพยตีพายอะไรอีกเพราะตนได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ทุกอย่างแล้วนั่นเอง (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)
สาเหตุที่เป็นดังนี้ เพราะมนุษย์ส่วนมากพากันสาละวนวุ่นวาย และคุ้นเคยอยู่กับการทำมาหากินเลี้ยงชีพ แต่ด้วยความกรุณาของมัจจุราชจึงได้ส่งหมายต่าง ๆ มาเตือน เพื่อให้เกิดสติจะได้ไม่หลงระเริงตกอยู่ในอำนาจของโลกธรรม
หมายเตือนของมัจจุราชดังกล่าวคือ ความเสื่อมไปของสังขาร จะถูกส่งมาปิดประกาศไว้ที่อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของแต่ละบุคคล เช่นมาปรากฏที่เส้นผมบ้าง ปรากฏที่ฟันบ้าง ปรากฏที่ผิวหนัง เป็นต้นบ้าง ซึ่งเป็นเครื่องหมายเตือนให้รับทราบเพื่อมนุษย์จะได้เร่งรีบทำความดี เร่งหาที่พึ่งทางจิตใจไว้ก่อน แต่ก็มีคนพยายามหลบหลีกหมายเตือนดังกล่าว โดยทำเป็นไม่รับทราบ หรือโดยการกลบเกลื่อนด้วยวิธีการทำศัลยกรรมต่าง ๆ เพื่อหลบหลีกเอาตัวรอดไปพลางก่อนอยู่เป็นจำนวนมิใช่น้อย
เพราะฉะนั้น ใครก็ตาม ถ้าได้รับหมายเตือนจากมัจจุราชแล้ว พิจารณาให้ถ่องแท้ถึงความเป็นจริงของสังขารว่ามีความเกิดขึ้นตั้งอยู่และ เสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา แล้วดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท เร่งรีบกระทำความดีไว้ให้พร้อมสรรพแต่เนิ่น ๆ เมื่อถึงวันที่ต้องพบกับพญามัจจุราชจริง ๆ จะได้ไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจ ตีโพยตีพายอะไรอีกเพราะตนได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ทุกอย่างแล้วนั่นเอง (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)
ขอเชิญสมาชิกสามสมอสมาคม ร่วมงาน "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" ใน ๒๔ สิงหาคม นี้ ที่ โรงเรียนนายเรือ มีรถบริการรับ - ส่ง ที่วังนันทอุทยาน และท่าราชวรดิฐ
สามสมอสมาคม
กำหนดจัดกิจกรรม "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" ให้กับสมาชิกสามสมอสมาคม
ณ โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่ ๒๔
สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑๖.๓๐ น. - ๒๐.๓๐ น. โดยภายในงานมีกิจกรรมต่าง
ๆ ได้แก่ การเยี่ยมชมหอดาราศาสตร์ เครื่องฝึกจำลองการเดินเรือ,
ห้องนอนนักเรียนนายเรือ, ชมการแสดงแฟนซีดริล, ชมพิธีย่ำพระสุริย์ศรี
สมาชิกสามสมอสมาคมท่านใดมีความประสงค์จะเข้าร่วมงาน สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ นาวาเอกหญิง พามีล่า จันทมาศ ประจำแผนกฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๘๔๓ หรือ ๐๘๑ ๖๓๖ ๑๙๖๒ ในการนี้ กรมการขนส่งทหารเรือได้สนับสนุนรถยนต์โดยสารปรับอากาศขนาดใหญ่ รับ - ส่งผู้เข้าร่วมงานเส้นทาง ท่าราชวรดิฐ - โรงเรียนนายเรือ - ท่าราชวรดิฐ จำนวน ๓ คัน และเส้นทางกองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน - โรงเรียนนายเรือ - กองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน จำนวน ๓ คัน โดยพร้อมออกเดินทาง เวลา ๑๕.๓๐ น. (ที่มา : สามสมอสมาคม)
สมาชิกสามสมอสมาคมท่านใดมีความประสงค์จะเข้าร่วมงาน สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ นาวาเอกหญิง พามีล่า จันทมาศ ประจำแผนกฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๘๔๓ หรือ ๐๘๑ ๖๓๖ ๑๙๖๒ ในการนี้ กรมการขนส่งทหารเรือได้สนับสนุนรถยนต์โดยสารปรับอากาศขนาดใหญ่ รับ - ส่งผู้เข้าร่วมงานเส้นทาง ท่าราชวรดิฐ - โรงเรียนนายเรือ - ท่าราชวรดิฐ จำนวน ๓ คัน และเส้นทางกองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน - โรงเรียนนายเรือ - กองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน จำนวน ๓ คัน โดยพร้อมออกเดินทาง เวลา ๑๕.๓๐ น. (ที่มา : สามสมอสมาคม)
แจ้งสถานที่สอบและรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือนเพื่อบรรจุเข้ารับราชการในกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๗ เพิ่มเติม
กองทัพเรือ แจ้งสถานที่สอบและรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือนเพื่อบรรจุเข้ารับราชการในกองทัพเรือ
โดยกำหนดสถานที่สอบภาควิชาการ ในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐
น. เป็น ๒ สถานที่ ดังนี้
- ผู้สมัครสอบตั้งแต่ วันที่ ๑ - ๕ สิงหาคม ให้เข้าสอบ ณ โรงเรียนนายเรือ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
- ผู้สมัครสอบตั้งแต่วันที่ ๖ - ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้เข้าสอบ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี ถนนอิสรภาพ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
กำหนดการสอบภาคปฏิบัติ ดังนี้
- ผู้สมัครสอบปริญญาโท สาขาคณิตศาสตร์ ต้องสอบการปฏิบัติ คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ณ โรงเรียนนายเรือ
- ผู้สมัครสอบปริญญาโท สาขาการสอนภาษาอังกฤษ ต้องสอบการปฏิบัติ คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ในวันที่ ๒๕ - ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ณ โรงเรียนนายเรือ
- ผู้สมัครสอบปริญญาตรี สาขาภาษาอังกฤษ, สาขาภาษาอังกฤษ/การสอนภาษาอังกฤษ ต้องทดสอบความรู้ ความสามารถ ภาษาอังกฤษ PT (Placement Test) คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ในวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ณ ศูนย์ภาษา กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ถนนวังเดิม ซอยยุทธศึกษา แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
- ผู้สมัครสอบปริญญาตรี สาขาพุทธศาสตรบัณฑิต / ศาสนศาสตรบัณฑิต ต้องสอบการบรรยายธรรม คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ณ ห้องปฏิบัติธรรม กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
สอบถามรายละเอียดสถานที่สอบคัดเลือกบุคคลพลเรือนเพื่อบรรจุเข้ารับราชการในกองทัพเรือได้ที่ กองการกำลังพล กรมกำลังพลทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๑๗๖ หรือดูรายละเอียดได้ที่ ป้ายประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์กองทัพเรือ www.navy.mi.th (ที่มา : กพ.ทร.)
- ผู้สมัครสอบตั้งแต่ วันที่ ๑ - ๕ สิงหาคม ให้เข้าสอบ ณ โรงเรียนนายเรือ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
- ผู้สมัครสอบตั้งแต่วันที่ ๖ - ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้เข้าสอบ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี ถนนอิสรภาพ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
กำหนดการสอบภาคปฏิบัติ ดังนี้
- ผู้สมัครสอบปริญญาโท สาขาคณิตศาสตร์ ต้องสอบการปฏิบัติ คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ณ โรงเรียนนายเรือ
- ผู้สมัครสอบปริญญาโท สาขาการสอนภาษาอังกฤษ ต้องสอบการปฏิบัติ คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ในวันที่ ๒๕ - ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ณ โรงเรียนนายเรือ
- ผู้สมัครสอบปริญญาตรี สาขาภาษาอังกฤษ, สาขาภาษาอังกฤษ/การสอนภาษาอังกฤษ ต้องทดสอบความรู้ ความสามารถ ภาษาอังกฤษ PT (Placement Test) คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ในวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ณ ศูนย์ภาษา กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ถนนวังเดิม ซอยยุทธศึกษา แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
- ผู้สมัครสอบปริญญาตรี สาขาพุทธศาสตรบัณฑิต / ศาสนศาสตรบัณฑิต ต้องสอบการบรรยายธรรม คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ณ ห้องปฏิบัติธรรม กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
สอบถามรายละเอียดสถานที่สอบคัดเลือกบุคคลพลเรือนเพื่อบรรจุเข้ารับราชการในกองทัพเรือได้ที่ กองการกำลังพล กรมกำลังพลทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๑๗๖ หรือดูรายละเอียดได้ที่ ป้ายประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์กองทัพเรือ www.navy.mi.th (ที่มา : กพ.ทร.)
โรงเรียนนายเรือ ขอเชิญร่วมงานนายเรือวิชาการ '๕๗ ใน ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗
โรงเรียนนายเรือ
จัดงาน "นายเรือวิชาการ ๕๗" และนิทรรศการการจัดการความรู้
โรงเรียนนายเรือ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ "Knowledge Shopping
2014" ณ หอประชุมภูติอนันต์ และห้องอเนกประสงค์ กองบัญชาการ
โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่ ๒๒ สิงหาคม
๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น.
การจัดงาน "นายเรือวิชาการ ๕๗" เป็นการจัดงานนายเรือวิชาการ ครั้งที่ ๒ ของโรงเรียนนายเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลงานทางด้านวิชาการของคณาจารย์ โรงเรียนนายเรือ และหน่วยงาน/สถาบันต่าง ๆ ซึ่งการจัดงานดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้คณะอาจารย์ และนักเรียนนายเรือสามารถนำความรู้ไปใช้ในการบูรณาการการเรียนรู้ด้าน วิชาการเรียนและการสอน รวมทั้งการวิจัยในการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อกองทัพเรือและประเทศชาติ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้นักวิชาการและนักวิจัยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิด เห็นประสบการณ์ องค์ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ ๆ จากสถาบันต่าง ๆ ร่วมกัน
สำหรับรูปแบบการจัดงานจะเป็นการนำเสนอผลงานวิชาการทางด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านวิศวกรรม-ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมาแสดงโดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย สาธิตผลงานวิจัยเรื่อง "การควบคุมยานดำน้ำระยะไกล", ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "กองทัพเรือกับเรือดำน้ำ" โดยผู้บัญชาการทหารเรือ, การแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยและผลงานทางวิชาการของคณาจารย์โรงเรียนนายเรือและสถาบันต่าง ๆ, การนำเสนอผลงานวิจัยบนเวที โดยนักวิจัยจากโรงเรียนนายเรือ และสถาบันต่าง ๆ, การแสดงนิทรรศการการจัดการความรู้
ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานนิทรรศการ "นายเรือวิชาการ ๕๗" ได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว สอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๗๔๕๗, ๐ ๒๔๗๕ ๓๙๘๒ และ ๐ ๒๔๗๕ ๓๙๘๔ หรือ www.rtna.ac.th (ที่มา : รร.นร.)
การจัดงาน "นายเรือวิชาการ ๕๗" เป็นการจัดงานนายเรือวิชาการ ครั้งที่ ๒ ของโรงเรียนนายเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลงานทางด้านวิชาการของคณาจารย์ โรงเรียนนายเรือ และหน่วยงาน/สถาบันต่าง ๆ ซึ่งการจัดงานดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้คณะอาจารย์ และนักเรียนนายเรือสามารถนำความรู้ไปใช้ในการบูรณาการการเรียนรู้ด้าน วิชาการเรียนและการสอน รวมทั้งการวิจัยในการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อกองทัพเรือและประเทศชาติ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้นักวิชาการและนักวิจัยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิด เห็นประสบการณ์ องค์ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ ๆ จากสถาบันต่าง ๆ ร่วมกัน
สำหรับรูปแบบการจัดงานจะเป็นการนำเสนอผลงานวิชาการทางด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านวิศวกรรม-ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมาแสดงโดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย สาธิตผลงานวิจัยเรื่อง "การควบคุมยานดำน้ำระยะไกล", ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "กองทัพเรือกับเรือดำน้ำ" โดยผู้บัญชาการทหารเรือ, การแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยและผลงานทางวิชาการของคณาจารย์โรงเรียนนายเรือและสถาบันต่าง ๆ, การนำเสนอผลงานวิจัยบนเวที โดยนักวิจัยจากโรงเรียนนายเรือ และสถาบันต่าง ๆ, การแสดงนิทรรศการการจัดการความรู้
ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานนิทรรศการ "นายเรือวิชาการ ๕๗" ได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว สอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๗๔๕๗, ๐ ๒๔๗๕ ๓๙๘๒ และ ๐ ๒๔๗๕ ๓๙๘๔ หรือ www.rtna.ac.th (ที่มา : รร.นร.)
กองทัพเรือ พร้อมเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน เตรียมหารือแนวทางในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ใน ๒๗ สิงหาคม นี้
พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะเป็นประธานเปิดการประชุม ผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน
ในวันพุธที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ โรงแรม มิลิเนียม
ฮิลตัน กรุงเทพฯ โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือจาก ๙ ชาติในอาเซียน
เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ไทย บรูไน อินโดนีเซีย กัมพูชา มาเลเซีย
เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม
การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน ในครั้งนี้ พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะเจ้าภาพและประธานการประชุม จะมีการหารือเกี่ยวกับกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน การแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงทางทะเลในแต่ละภูมิภาค รวมถึงแผนงานกิจกรรมความร่วมมือต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในวงรอบ ๒ ปี ข้างหน้า โดยการประชุมในครั้งนี้ กองทัพเรือได้กำหนดประเด็นหลักหรือบริบทของการประชุม คือ บทบาทของกองทัพเรืออาเซียน ภายหลังมีการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี คริสต์ศักราช ๒๐๑๕ (Roles for the ASEAN Navies after ASEAN Integration 2015 ) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่จะเกิดขึ้นจริงในภูมิภาคนี้ ในปีหน้า หรือ " Roles for the ASEAN Navies after ASEAN integration 2015 "
การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียนจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ ใช้ชื่อการประชุมว่า ASEAN Navy Interact โดยแต่ละประเทศได้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในปี ๒๕๕๔ ได้มีการเปลี่ยนชื่อการประชุมเป็น ASEAN Navy Chiefs' Meeting (ANCM) รวมทั้งได้เห็นชอบข้อกำหนดสำหรับการประชุม หรือ Term of Reference (TOR) สำหรับใช้ยึดถือปฏิบัติในการประชุมด้วย โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ เป็นเวทีปรึกษา หารือ แลกเปลี่ยนมุมมองต่าง ๆ ของผู้บัญชาการทหารเรือในอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมร่วมกันและพัฒนาศักยภาพของกองทัพเรืออาเซียน เพื่อให้ทันกับสิ่งท้าทายใหม่ ๆ โดยการหารือและพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ นั้น จะอยู่บนหลักการสำคัญ คือ การไม่ก้าวก่ายในกิจการภายในของแต่ละประเทศ เคารพสิทธิเสรีภาพและอำนาจอธิปไตยซึ่งกันและกัน โดยความร่วมมือในเรื่องต่าง ๆ จะเป็นไปด้วยความสมัครใจ และโดยความเห็นพ้องร่วมกัน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของประชาคมอาเซียน
สำหรับประโยชน์ที่กองทัพเรือไทย จะได้รับจากการประชุมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันในระดับกองทัพเรือแต่ละประเทศแล้ว ยังทำให้ได้รับทราบถึงมุมมอง และแนวคิดของผู้บัญชาการทหารเรือในอาเซียน เกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกัน ก่อให้เกิดความร่วมมือและการพัฒนาแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่สำคัญในปัจจุบัน เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในทะเล การป้องกันและปราบปรามโจรสลัดและการกระทำอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมายของรัฐชายฝั่งแต่ละประเทศ รวมถึงการก่อการร้ายทางทะเล เป็นต้น
นอกจากนั้น ในการประชุมครั้งนี้ กองทัพเรือ ยังเตรียมที่จะเสนอตัวในการเป็นเจ้าภาพจัดพิธีสวนสนามทางเรือนานาชาติในปี พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี การก่อตั้งอาเซียน รวมทั้งจะเสนอแนวความคิดให้จัดการฝึกผสมทางเรือแบบพหุภาคีระหว่างกองทัพเรือ ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนด้วย ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้ หากได้รับการยอมรับและสามารถพัฒนาไปสู่การปฏิบัติจริงแล้ว ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์ ในการเสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ระหว่างกองทัพเรือในอาเซียนให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะช่วยเสริมสร้างบทบาทในภูมิภาคและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่กองทัพเรือ ไทยและประเทศชาติโดยรวมอีกทางหนึ่ง
(อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ ๕ ประเทศสมาชิก อันได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ได้มีการลงนามร่วมกัน ที่วังสราญรมย์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๑๐ โดยมีจุดมุ่งหมาย คือ เพื่อให้ความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อยกระดับการครองชีพและฐานะทางเศรษฐกิจ และความเจริญในทางเทคนิค วิชาการร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีประเทศต่าง ๆ เข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ทำให้ปัจจุบันมีสมาชิก อาเซียนทั้งหมด ๑๐ ประเทศ ) ปล. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไม่มีผู้บัญชาการทหารเรือ เพราะประเทศไม่ติดทะเล ทำให้การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน มีผู้บัญชาการทหารเรือจาก ๙ ประเทศ เข้าร่วมประชุม (ที่มา : สลก.ทร.)
การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน ในครั้งนี้ พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะเจ้าภาพและประธานการประชุม จะมีการหารือเกี่ยวกับกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน การแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงทางทะเลในแต่ละภูมิภาค รวมถึงแผนงานกิจกรรมความร่วมมือต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในวงรอบ ๒ ปี ข้างหน้า โดยการประชุมในครั้งนี้ กองทัพเรือได้กำหนดประเด็นหลักหรือบริบทของการประชุม คือ บทบาทของกองทัพเรืออาเซียน ภายหลังมีการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี คริสต์ศักราช ๒๐๑๕ (Roles for the ASEAN Navies after ASEAN Integration 2015 ) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่จะเกิดขึ้นจริงในภูมิภาคนี้ ในปีหน้า หรือ " Roles for the ASEAN Navies after ASEAN integration 2015 "
การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียนจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ ใช้ชื่อการประชุมว่า ASEAN Navy Interact โดยแต่ละประเทศได้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในปี ๒๕๕๔ ได้มีการเปลี่ยนชื่อการประชุมเป็น ASEAN Navy Chiefs' Meeting (ANCM) รวมทั้งได้เห็นชอบข้อกำหนดสำหรับการประชุม หรือ Term of Reference (TOR) สำหรับใช้ยึดถือปฏิบัติในการประชุมด้วย โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ เป็นเวทีปรึกษา หารือ แลกเปลี่ยนมุมมองต่าง ๆ ของผู้บัญชาการทหารเรือในอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมร่วมกันและพัฒนาศักยภาพของกองทัพเรืออาเซียน เพื่อให้ทันกับสิ่งท้าทายใหม่ ๆ โดยการหารือและพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ นั้น จะอยู่บนหลักการสำคัญ คือ การไม่ก้าวก่ายในกิจการภายในของแต่ละประเทศ เคารพสิทธิเสรีภาพและอำนาจอธิปไตยซึ่งกันและกัน โดยความร่วมมือในเรื่องต่าง ๆ จะเป็นไปด้วยความสมัครใจ และโดยความเห็นพ้องร่วมกัน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของประชาคมอาเซียน
สำหรับประโยชน์ที่กองทัพเรือไทย จะได้รับจากการประชุมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันในระดับกองทัพเรือแต่ละประเทศแล้ว ยังทำให้ได้รับทราบถึงมุมมอง และแนวคิดของผู้บัญชาการทหารเรือในอาเซียน เกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกัน ก่อให้เกิดความร่วมมือและการพัฒนาแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่สำคัญในปัจจุบัน เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในทะเล การป้องกันและปราบปรามโจรสลัดและการกระทำอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมายของรัฐชายฝั่งแต่ละประเทศ รวมถึงการก่อการร้ายทางทะเล เป็นต้น
นอกจากนั้น ในการประชุมครั้งนี้ กองทัพเรือ ยังเตรียมที่จะเสนอตัวในการเป็นเจ้าภาพจัดพิธีสวนสนามทางเรือนานาชาติในปี พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี การก่อตั้งอาเซียน รวมทั้งจะเสนอแนวความคิดให้จัดการฝึกผสมทางเรือแบบพหุภาคีระหว่างกองทัพเรือ ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนด้วย ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้ หากได้รับการยอมรับและสามารถพัฒนาไปสู่การปฏิบัติจริงแล้ว ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์ ในการเสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ระหว่างกองทัพเรือในอาเซียนให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะช่วยเสริมสร้างบทบาทในภูมิภาคและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่กองทัพเรือ ไทยและประเทศชาติโดยรวมอีกทางหนึ่ง
(อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ ๕ ประเทศสมาชิก อันได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ได้มีการลงนามร่วมกัน ที่วังสราญรมย์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๑๐ โดยมีจุดมุ่งหมาย คือ เพื่อให้ความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อยกระดับการครองชีพและฐานะทางเศรษฐกิจ และความเจริญในทางเทคนิค วิชาการร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีประเทศต่าง ๆ เข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ทำให้ปัจจุบันมีสมาชิก อาเซียนทั้งหมด ๑๐ ประเทศ ) ปล. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไม่มีผู้บัญชาการทหารเรือ เพราะประเทศไม่ติดทะเล ทำให้การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน มีผู้บัญชาการทหารเรือจาก ๙ ประเทศ เข้าร่วมประชุม (ที่มา : สลก.ทร.)
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้
จะต้องอยู่เป็นหมู่คณะ และถ้าหมู่คณะนั้นมีความสามัคคี คือเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
ช่วยเหลือในทุกเมื่อ ช่วยกันคิดว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่สมควร สิ่งใดที่จะทำให้นำมาสู่ความเจริญ
ความมั่นคง ความสุขก็ทำ สิ่งใดที่นำมาซึ่งหายนะหรือเสียหายก็เว้น
และช่วยกันปฏิบัติทั้งหน้าที่ทางกายทั้งหน้าที่ทางใจ"
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน จังหวัดสระบุรี ๑๖ เมษายน ๒๕๑๙
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน จังหวัดสระบุรี ๑๖ เมษายน ๒๕๑๙
วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557
กำหนดยื่นใบสมัครขอรับทุนการศึกษาแก่บุตรสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม จำกัด ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒๙ สิงหาคม นี้
สหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม
จำกัด กำหนดให้มีการมอบทุนการศึกษาแก่บุตรสมาชิก
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลการจัดสรรกำไรสุทธิ
ประจำปี ๒๕๕๖ มีประเภททุนเรียนดี และทุนส่งเสริมการศึกษา
โดยผู้ขอรับทุนจะต้องเป็นสมาชิกติดต่อกันมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า
๑
ปี,สมาชิกคนหนึ่งมีสิทธิขอรับทุนการศึกษาของบุตรได้เพียง ๑ ทุน
เท่านั้น, มีบุตรที่กำลังศึกษาอยู่ในปีการศึกษา ๒๕๕๗
ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงระดับอุดมศึกษาทั้งนี้
ไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม,
ต้องไม่เป็นสมาชิกที่ได้รับทุนการศึกษาของบุตรจากสหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม
จำกัด ในปี ๒๕๕๖
และจะมอบทุนให้แก่สมาชิกที่เป็นสมาชิกก่อนวันที่
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ซึ่งมีเลขทะเบียนสมาชิกไม่เกินหมายเลข
๒๒๒๖๒
หลักฐานการขอรับทุนประกอบด้วย ใบรายงานผลการศึกษา, ใบรับรองของสถานศึกษาที่บุตรสมาชิกศึกษาอยู่ในสถานศึกษานั้นๆ, สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อสมาชิกและสำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อบุตรของสมาชิกที่ขอรับทุน, กรณีที่ชื่อ - สกุลในสำเนาทะเบียนบ้านไม่ตรงกับหลักฐานอื่น ๆ ให้แสดงสำเนาสูติบัตร หรือหนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อ - สกุล และหลักฐานอื่นๆ ที่คณะกรรมการศึกษาและประชาสัมพันธ์ สหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม จำกัด เห็นสมควร
สมาชิกที่ประสงค์จะขอรับทุนการศึกษาประจำปี ๒๕๕๗ ให้ยื่นใบสมัคร ภายในวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ และจะประกาศผลการตัดสินให้ทราบภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ สำหรับกำหนดการมอบทุนการศึกษาจะประกาศให้ทราบภายหลัง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม จำกัด หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๕๘๐๘ (ที่มา : สอ.วด.)
หลักฐานการขอรับทุนประกอบด้วย ใบรายงานผลการศึกษา, ใบรับรองของสถานศึกษาที่บุตรสมาชิกศึกษาอยู่ในสถานศึกษานั้นๆ, สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อสมาชิกและสำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อบุตรของสมาชิกที่ขอรับทุน, กรณีที่ชื่อ - สกุลในสำเนาทะเบียนบ้านไม่ตรงกับหลักฐานอื่น ๆ ให้แสดงสำเนาสูติบัตร หรือหนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อ - สกุล และหลักฐานอื่นๆ ที่คณะกรรมการศึกษาและประชาสัมพันธ์ สหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม จำกัด เห็นสมควร
สมาชิกที่ประสงค์จะขอรับทุนการศึกษาประจำปี ๒๕๕๗ ให้ยื่นใบสมัคร ภายในวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ และจะประกาศผลการตัดสินให้ทราบภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ สำหรับกำหนดการมอบทุนการศึกษาจะประกาศให้ทราบภายหลัง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม จำกัด หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๕๘๐๘ (ที่มา : สอ.วด.)
ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กองทัพเรือ รับแจ้งเบาะแสการทุจริตและประพฤติมิชอบ
กองทัพเรือ จัดตั้งศูนย์ประสานราชการใสสะอาดกองทัพเรือ
เพื่อเป็นศูนย์กลางในการป้องกันการทุจริต คอร์รัปชัน การประพฤติมิชอบ
การร้องเรียน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเรือ สามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียน
ได้ที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กองทัพเรือ หมายเลขโทรศัพท์
๐ ๒๔๗๕ ๔๗๘๙ หรือทาง www.navy.mi.th/rongtook (ที่มา : สลก.ทร.)
กองทัพเรือ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน ครั้งที่ ๘ ระหว่าง ๒๖ - ๒๘ สิงหาคม นี้
กองทัพเรือ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน
ครั้งที่ ๘ ณ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่
๒๖ - ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยผู้บัญชาการทหารเรือทั้ง ๙ ชาติในอาเซียน
ได้แก่ บรูไน อินโดนีเซีย กัมพูชา มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์
สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมโดยมี พลเรือเอก
ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานการประชุม
บริบท (Theme) ของการประชุมในครั้งนี้ คือ "ASEAN Underway : Navies after 2015" มีสาระสำคัญคือ การแลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงทางทะเล ในหัวข้อ "บทบาทของกองทัพเรืออาเซียนภายหลังการร่วมเป็นประชาคมอาเซียนในปี ค.ศ.๒๐๑๕" หรือ "Roles for the ASEAN Navies after ASEAN Intergration ๒๐๑๕" นอกจากนี้ กองทัพเรือได้เตรียมประเด็นที่จะเสนอในที่ประชุม ประกอบด้วย การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดพิธีสวนสนามทางเรือนานาชาติ ในปี พ.ศ.๒๕๖๐ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี การก่อตั้งอาเซียน รวมทั้งการเสนอแนวความคิดจัดการฝึกผสมทางเรือแบบพหุภาคีระหว่างกองทัพเรือ ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน (ASEAN Navies Multi 3 Lateral Sea Exercise)
สำหรับการจัดประชุมในครั้งนี้ กองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อรับผิดชอบการเตรียมการด้านต่าง ๆ มี พลเรือโท พัลลภ ตมิศานนท์ รองเสนาธิการทหารเรือ เป็นประธานกรรมการอำนวยการจัดการประชุม ฯ (ที่มา : สลก.ทร.)
บริบท (Theme) ของการประชุมในครั้งนี้ คือ "ASEAN Underway : Navies after 2015" มีสาระสำคัญคือ การแลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงทางทะเล ในหัวข้อ "บทบาทของกองทัพเรืออาเซียนภายหลังการร่วมเป็นประชาคมอาเซียนในปี ค.ศ.๒๐๑๕" หรือ "Roles for the ASEAN Navies after ASEAN Intergration ๒๐๑๕" นอกจากนี้ กองทัพเรือได้เตรียมประเด็นที่จะเสนอในที่ประชุม ประกอบด้วย การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดพิธีสวนสนามทางเรือนานาชาติ ในปี พ.ศ.๒๕๖๐ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี การก่อตั้งอาเซียน รวมทั้งการเสนอแนวความคิดจัดการฝึกผสมทางเรือแบบพหุภาคีระหว่างกองทัพเรือ ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน (ASEAN Navies Multi 3 Lateral Sea Exercise)
สำหรับการจัดประชุมในครั้งนี้ กองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อรับผิดชอบการเตรียมการด้านต่าง ๆ มี พลเรือโท พัลลภ ตมิศานนท์ รองเสนาธิการทหารเรือ เป็นประธานกรรมการอำนวยการจัดการประชุม ฯ (ที่มา : สลก.ทร.)
เสนาธิการทหารเรือ เป็นประธานมอบรางวัลแก่ผู้เข้าร่วมการวิ่งแข่งขันเพื่อสุขภาพ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗
วันนี้
(๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗) เวลา ๑๕.๑๕ น. พลเรือเอก ทวีวุฒิ
พงศ์พิพัฒน์
เสนาธิการทหารเรือ
เป็นประธานมอบรางวัลและให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมการวิ่งแข่งขันเพื่อสุขภาพ
สำหรับกำลังพลในพื้นที่พระราชวังเดิมและหน่วยใกล้เคียง
ณ บริเวณวังนันทอุทยาน ฐานทัพเรือกรุงเทพ
กองทัพเรือ จัดให้มีการวิ่งแข่งขันพื่อสุขภาพให้แก่กำลังพลในพื้นที่พระราชวังเดิมและ บริเวณใกล้เคียง ในครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยก่อนการวิ่งแข่งขันจะมีการตรวจสุขภาพ ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดรอบเอว และวัดความดันโลหิต พร้อมกับมีการบรรยายให้ความรู้เรื่องการออกกำลังกายอย่างไรให้มีความสุข
ขอเชิญชวนกำลังพลในพื้นที่พระราชวังเดิมและพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมวิ่งแข่งขัน ฯ พร้อมรับของรางวัลในวันดังกล่าว โดยกรมการขนส่งทหารเรือสนับสนุนรถยนต์โดยสารขนาดใหญ่รับ - ส่ง โดยออกจากหน้ากองรักษาการณ์พระราชวังเดิม และหน้ากรมอู่ทหารเรือ เวลา ๑๓.๑๕ น. (ที่มา : กพ.ทร.)
กองทัพเรือ จัดให้มีการวิ่งแข่งขันพื่อสุขภาพให้แก่กำลังพลในพื้นที่พระราชวังเดิมและ บริเวณใกล้เคียง ในครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยก่อนการวิ่งแข่งขันจะมีการตรวจสุขภาพ ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดรอบเอว และวัดความดันโลหิต พร้อมกับมีการบรรยายให้ความรู้เรื่องการออกกำลังกายอย่างไรให้มีความสุข
ขอเชิญชวนกำลังพลในพื้นที่พระราชวังเดิมและพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมวิ่งแข่งขัน ฯ พร้อมรับของรางวัลในวันดังกล่าว โดยกรมการขนส่งทหารเรือสนับสนุนรถยนต์โดยสารขนาดใหญ่รับ - ส่ง โดยออกจากหน้ากองรักษาการณ์พระราชวังเดิม และหน้ากรมอู่ทหารเรือ เวลา ๑๓.๑๕ น. (ที่มา : กพ.ทร.)
ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "วันแห่งการจัดการความรู้ของกองทัพเรือ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗"
วันนี้ (๒๐ สิงหาคม
๒๕๕๗) เวลา ๐๙.๐๐ น. พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ
เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ "วันแห่งการจัดการความรู้ของกองทัพเรือ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗" ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โดยมี พลเรือโท ยุทธนา เกิดด้วยบุญ
ประธานกรรมการโครงการศึกษาและการจัดการความรู้ของกองทัพเรือ และรองเสนาธิการทหารเรือให้การต้อนรับ
นิทรรศการ "วันแห่งการจัดการความรู้" เป็นกิจกรรมหนึ่งตามแผนการจัดการความรู้ของกองทัพเรือประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือและหน่วยเฉพาะกิจกองทัพเรือ แสดงผลงานการจัดการความรู้ของหน่วยให้ผู้บังคับบัญชาและหน่วยต่าง ๆ ทราบ และส่งเสริมให้หน่วยเห็นความสำคัญ และนำองค์ความรู้ที่ได้จากการจัดการความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงาน รวมทั้งให้กำลังพลมีส่วนร่วมในการจัดการความรู้เพิ่มขึ้น และสามารถเผยแพร่ให้หน่วยต่าง ๆ นำองค์ความรู้ไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานต่อไป
นอกจากนี้ ยังเป็นการยกย่องชมเชยหน่วยงานที่มีการจัดการความรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด โดยมีหน่วยต่าง ๆ เสนอผลงานการจัดการความรู้ของหน่วยเข้าประกวดเพื่อขอรับรางวัล จำนวน ๑๕ หน่วย แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ คือ ระดับพื้นฐาน, ระดับก้าวหน้า, ระดับดีเด่น และระดับดีเลิศ โดยมีหน่วยผ่านเกณฑ์ระดับพื้นฐาน จำนวน ๙ หน่วย, ผ่านเกณฑ์ระดับก้าวหน้า จำนวน ๔ หน่วย และผ่านเกณฑ์ระดับดีเด่น จำนวน ๒ หน่วย ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเป็นผู้มอบประกาศเกียรติคุณ โล่รางวัล และเงินรางวัลให้แก่หน่วยต่าง ๆ ที่ได้รับรางวัลในแต่ละระดับ ดังนี้
- รางวัลการจัดการความรู้ ระดับพื้นฐานของกองทัพเรือ ได้แก่ กรมข่าวทหารเรือ, กรมยุทธการทหารเรือ, กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ, กองเรือยุทธการ, ฐานทัพเรือกรุงเทพ, กรมสารวัตรทหารเรือ, กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ, กรมสรรพาวุธทหารเรือ และกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ
- รางวัลการจัดการความรู้ ระดับก้าวหน้าของกองทัพเรือ ได้แก่ ทัพเรือภาคที่ ๒, หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน, กรมการขนส่งทหารเรือ และกรมยุทธศึกษาทหารเรือ
- รางวัลการจัดการความรู้ระดับดีเด่นของกองทัพเรือ ได้แก่ กรมอู่ทหารเรือ และกรมแพทย์ทหารเรือ (ที่มา : สปช.ทร.)
นิทรรศการ "วันแห่งการจัดการความรู้" เป็นกิจกรรมหนึ่งตามแผนการจัดการความรู้ของกองทัพเรือประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือและหน่วยเฉพาะกิจกองทัพเรือ แสดงผลงานการจัดการความรู้ของหน่วยให้ผู้บังคับบัญชาและหน่วยต่าง ๆ ทราบ และส่งเสริมให้หน่วยเห็นความสำคัญ และนำองค์ความรู้ที่ได้จากการจัดการความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงาน รวมทั้งให้กำลังพลมีส่วนร่วมในการจัดการความรู้เพิ่มขึ้น และสามารถเผยแพร่ให้หน่วยต่าง ๆ นำองค์ความรู้ไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานต่อไป
นอกจากนี้ ยังเป็นการยกย่องชมเชยหน่วยงานที่มีการจัดการความรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด โดยมีหน่วยต่าง ๆ เสนอผลงานการจัดการความรู้ของหน่วยเข้าประกวดเพื่อขอรับรางวัล จำนวน ๑๕ หน่วย แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ คือ ระดับพื้นฐาน, ระดับก้าวหน้า, ระดับดีเด่น และระดับดีเลิศ โดยมีหน่วยผ่านเกณฑ์ระดับพื้นฐาน จำนวน ๙ หน่วย, ผ่านเกณฑ์ระดับก้าวหน้า จำนวน ๔ หน่วย และผ่านเกณฑ์ระดับดีเด่น จำนวน ๒ หน่วย ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเป็นผู้มอบประกาศเกียรติคุณ โล่รางวัล และเงินรางวัลให้แก่หน่วยต่าง ๆ ที่ได้รับรางวัลในแต่ละระดับ ดังนี้
- รางวัลการจัดการความรู้ ระดับพื้นฐานของกองทัพเรือ ได้แก่ กรมข่าวทหารเรือ, กรมยุทธการทหารเรือ, กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ, กองเรือยุทธการ, ฐานทัพเรือกรุงเทพ, กรมสารวัตรทหารเรือ, กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ, กรมสรรพาวุธทหารเรือ และกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ
- รางวัลการจัดการความรู้ ระดับก้าวหน้าของกองทัพเรือ ได้แก่ ทัพเรือภาคที่ ๒, หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน, กรมการขนส่งทหารเรือ และกรมยุทธศึกษาทหารเรือ
- รางวัลการจัดการความรู้ระดับดีเด่นของกองทัพเรือ ได้แก่ กรมอู่ทหารเรือ และกรมแพทย์ทหารเรือ (ที่มา : สปช.ทร.)
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีประดับยศนายตำรวจชั้นนายพล ๑๕ มกราคม ๒๕๑๙
วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เวียดนามจะได้รับเรือดำน้ำ Project 636 ลำที่ ๓ ในปลายปี ๒๕๕๗
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีรายงานว่า กองทัพเรือเวียดนามจะได้รับเรือดำน้ำ Project 636
ลำที่ ๓ ในปลายปี ๒๕๕๗ ส่วนเรือลำที่ ๔ กำลังอยู่ในขั้นการทดสอบในโรงงาน
โดยเรือดำน้ำ HQ-182 Hanoi และ HQ-183 Ho Chi Minh City ซึ่งเป็น
เรือชุดเดียวกัน เข้าประจำการแล้วที่ กองพลน้อย เรือดำน้ำ ๑๘๙
ฐานทัพเรือคัมรานห์ เมื่อเดือนเมษายน๒๕๕๗ และกำลังพลของเรือดำน้ำได้ผ่านการฝึกในเรือระยะที่
๑ เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ บริเวณน่านน้ำเกาะ Hogland อ่าวฟินแลนด์
โดยทำการฝึกขณะดำเป็นเวลา ๕๗ ชั่วโมง (ที่มา : ขว.ทร.)
ขอเชิญสมาชิกสามสมอสมาคม ร่วมงาน "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" ใน ๒๔ สิงหาคม นี้ ที่ โรงเรียนนายเรือ
สามสมอสมาคม
กำหนดจัดกิจกรรม "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" ให้กับสมาชิกสามสมอสมาคม
ณ โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่ ๒๔
สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑๖.๓๐ น. - ๒๐.๓๐ น. โดยภายในงานมีกิจกรรมต่าง
ๆ ได้แก่ การเยี่ยมชมหอดาราศาสตร์ เครื่องฝึกจำลองการเดินเรือ,
ห้องนอนนักเรียนนายเรือ, ชมการแสดงแฟนซีดริล, ชมพิธีย่ำพระสุริย์ศรี
สมาชิกสามสมอสมาคมท่านใดประสงค์จะเข้าร่วมงาน "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ นาวาเอกหญิง พามีล่า จันทมาศ ประจำแผนกฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๘๔๓ หรือ ๐๘๑ ๖๓๖ ๑๙๖๒ (ที่มา : สามสมอสมาคม)
สมาชิกสามสมอสมาคมท่านใดประสงค์จะเข้าร่วมงาน "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ นาวาเอกหญิง พามีล่า จันทมาศ ประจำแผนกฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๘๔๓ หรือ ๐๘๑ ๖๓๖ ๑๙๖๒ (ที่มา : สามสมอสมาคม)
กิจการร้านสวัสดิการกองทัพเรือ จำหน่ายสินค้าราคาถูก ใน ๒๐ สิงหาคม นี้
กิจการร้านสวัสดิการกองทัพเรือ
จัดจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับกำลังพลกองทัพเรือ ตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ
ณ บริเวณลานจอดรถยนต์ ร้านสวัสดิการกองทัพเรือ พื้นที่กรุงเทพมหานคร
ในวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป โดยสินค้าจำหน่ายเป็น
ชุด ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ ๒ ถุง และน้ำมันพืชมรกต ๒ ขวด ราคาชุดละ
๓๐๐ บาท นอกจากนี้มีสินค้าจากร้านเกษตรนาวี และท็อปส์ ซูเปอร์
มาร่วมจำหน่ายด้วย
ผู้ที่สนใจซื้อสินค้าราคาถูก กรุณานำบัตรประจำตัวมาเพื่อรับบัตรคิว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๕๔๑๐, ๕๕๔๒๙ (ที่มา : สก.ทร.)
ผู้ที่สนใจซื้อสินค้าราคาถูก กรุณานำบัตรประจำตัวมาเพื่อรับบัตรคิว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๕๔๑๐, ๕๕๔๒๙ (ที่มา : สก.ทร.)
พิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วันนี้ (๑๘ สิงหาคม
๒๕๕๗) เวลา ๑๔.๐๐ น. กองทัพเรือ โดย สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ
จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ณ ห้องสมุดราชนาวิกสภา อาคารราชนาวิกสภา ชั้น ๒ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมี พลเรือตรี ไพฑูรย์ ประสพสิน
ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ ผู้แทนกองทัพเรือ
และ ดอกเตอร์ ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
เป็นผู้ลงนาม
การจัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์ร่วมกัน
ความเป็นมาเริ่มจากเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๐ กองทัพเรือโดย สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ กับ ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (ศทอ.) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี และสิ้นสุดลงเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ในการดำเนินงานที่ผ่านมา ศทอ. ได้ทำการตรวจวัดการรบกวนกันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากระบบเรดาร์ วิทยุสื่อสารต่าง ๆ บนดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงรัตนโกสินทร์ และเรือหลวงสุโขทัย ตลอดจนให้การสนับสนุนในการตรวจวัดความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) ให้กับโครงการวิจัยและพัฒนาของกองทัพเรือ เช่น ต้นแบบเครื่องบินทะเล เป็นต้น ตลอดจนมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างต่อเนื่องจึงได้จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมืออีกครั้งใน ครั้งนี้ โดยมีเนื้อหาพอสังเขป ดังนี้
เป้าหมายและขอบเขตความร่วมมือในครั้งนี้ประกอบด้วย
๑ การจัดให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี ระหว่าง สวทช. กับกองทัพเรือ ด้วยการจัดให้มีการบรรยายทางวิชาการ การฝึกอบรม การฝึกงานและศึกษาวิจัยในหัวข้อและโอกาสที่เหมาะสม
๒ การจัดทำโครงการศึกษาวิจัยโดยเน้นกิจกรรมที่ส่งผลเป็นรูปธรรมในพื้นที่ปฏิบัติงานจริงในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการใช้ทรัพยากรในรูปแบบที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
๓ การสนับสนุนความร่วมมือเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) ในการจัดทำเป็นสนามเครือข่าย Wi-Fi ประยุกต์ใช้งานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
๔ การสนับสนุนความร่วมมือเทคโนโลยีพลังงานทดแทนแสงอาทิตย์ (Solar cell) ในการนำไปใช้งานตามหน่วยปฏิบัติการของกองทัพเรือบนเกาะต่างๆ
๕ การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาสถานะอุปกรณ์ เครื่องมือวัดทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีใช้งานในกองทัพเรือให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
๖ การร่วมดำเนินโครงการวิจัยตามแผนยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีกองทัพเรือ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน ครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองหน่วยงานพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งประดิษฐ์ใหม่ร่วมกัน เพื่อให้ผลงานวิจัยสามารถนำไปใช้งานได้ ทั้งนี้ข้อตกลงความร่วมมือมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา ๕ ปี นับตั้งแต่สองฝ่ายลงนามร่วมกัน
(ที่มา : สวพ.ทร.)
การจัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์ร่วมกัน
ความเป็นมาเริ่มจากเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๐ กองทัพเรือโดย สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ กับ ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (ศทอ.) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี และสิ้นสุดลงเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ในการดำเนินงานที่ผ่านมา ศทอ. ได้ทำการตรวจวัดการรบกวนกันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากระบบเรดาร์ วิทยุสื่อสารต่าง ๆ บนดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงรัตนโกสินทร์ และเรือหลวงสุโขทัย ตลอดจนให้การสนับสนุนในการตรวจวัดความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) ให้กับโครงการวิจัยและพัฒนาของกองทัพเรือ เช่น ต้นแบบเครื่องบินทะเล เป็นต้น ตลอดจนมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างต่อเนื่องจึงได้จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมืออีกครั้งใน ครั้งนี้ โดยมีเนื้อหาพอสังเขป ดังนี้
เป้าหมายและขอบเขตความร่วมมือในครั้งนี้ประกอบด้วย
๑ การจัดให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี ระหว่าง สวทช. กับกองทัพเรือ ด้วยการจัดให้มีการบรรยายทางวิชาการ การฝึกอบรม การฝึกงานและศึกษาวิจัยในหัวข้อและโอกาสที่เหมาะสม
๒ การจัดทำโครงการศึกษาวิจัยโดยเน้นกิจกรรมที่ส่งผลเป็นรูปธรรมในพื้นที่ปฏิบัติงานจริงในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการใช้ทรัพยากรในรูปแบบที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
๓ การสนับสนุนความร่วมมือเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) ในการจัดทำเป็นสนามเครือข่าย Wi-Fi ประยุกต์ใช้งานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
๔ การสนับสนุนความร่วมมือเทคโนโลยีพลังงานทดแทนแสงอาทิตย์ (Solar cell) ในการนำไปใช้งานตามหน่วยปฏิบัติการของกองทัพเรือบนเกาะต่างๆ
๕ การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาสถานะอุปกรณ์ เครื่องมือวัดทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีใช้งานในกองทัพเรือให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
๖ การร่วมดำเนินโครงการวิจัยตามแผนยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีกองทัพเรือ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน ครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองหน่วยงานพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งประดิษฐ์ใหม่ร่วมกัน เพื่อให้ผลงานวิจัยสามารถนำไปใช้งานได้ ทั้งนี้ข้อตกลงความร่วมมือมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา ๕ ปี นับตั้งแต่สองฝ่ายลงนามร่วมกัน
(ที่มา : สวพ.ทร.)
ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดกิจกรรม "โครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี"
วันนี้ (๑๘ สิงหาคม
๒๕๕๗) เวลา ๑๐.๐๐ น. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ
เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม "โครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐
ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี" ณ บริเวณเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ
คิรีธาร อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี โดยมี พลเรือโท สนธยา น้อยฉายา
ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ให้การต้อนรับ
โครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี เป็นโครงการที่คนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพในการปลูกป่าเพื่อน้อมเกล้าน้อม กระหม่อมถวาย ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในพื้นที่เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ คิรีธาร ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำอเนกประสงค์ขนาดกลาง เป็นประโยชน์ทั้งด้านการผลิตกระแสไฟฟ้า การเกษตร การป้องกันน้ำเค็ม และเป็นแหล่งน้ำจืดสำหรับอุปโภคและบริโภค โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๕๕ จนถึงปัจจุบัน
การรณรงค์ปลูกป่าจะสร้างเสริมความรู้และจิตสำนึกของประชาชนให้ ตระหนักถึงผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อรองรับและบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรต่อไปในอนาคต การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการนำร่องเพื่อการฟื้นฟูคืนผืนป่าให้กับธรรมชาติ โดยเลือกพื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนคิรีธาร ซึ่งเป็นเขื่อนกั้นน้ำอเนกประสงค์ สำหรับพื้นที่ในการจัดกิจกรรมปลูกป่ามีจำนวน ๔๐ ไร่ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ ๑๘ ชนิด จำนวน ๔,๐๐๐ ต้น โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากกรมราชองครักษ์, ภาคประชาชน และส่วนราชการต่าง ๆ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี, องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี, อำเภอขลุง, อำเภอมะขาม, เทศบาลตำบลบ่อเวฬุ, เทศบาลตำบลปัถวี, เทศบาลตำบลมะขาม, กำนันตำบลบ่อเวฬุ, เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร, ศูนย์ประสานงานป่าไม้จันทบุรี, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดจันทบุรี, นักเรียน, กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่าในครั้งนี้ รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ ๑,๒๐๐ คน (ที่มา : กปช.จต.)
โครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี เป็นโครงการที่คนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพในการปลูกป่าเพื่อน้อมเกล้าน้อม กระหม่อมถวาย ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในพื้นที่เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ คิรีธาร ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำอเนกประสงค์ขนาดกลาง เป็นประโยชน์ทั้งด้านการผลิตกระแสไฟฟ้า การเกษตร การป้องกันน้ำเค็ม และเป็นแหล่งน้ำจืดสำหรับอุปโภคและบริโภค โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๕๕ จนถึงปัจจุบัน
การรณรงค์ปลูกป่าจะสร้างเสริมความรู้และจิตสำนึกของประชาชนให้ ตระหนักถึงผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อรองรับและบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรต่อไปในอนาคต การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการนำร่องเพื่อการฟื้นฟูคืนผืนป่าให้กับธรรมชาติ โดยเลือกพื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนคิรีธาร ซึ่งเป็นเขื่อนกั้นน้ำอเนกประสงค์ สำหรับพื้นที่ในการจัดกิจกรรมปลูกป่ามีจำนวน ๔๐ ไร่ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ ๑๘ ชนิด จำนวน ๔,๐๐๐ ต้น โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากกรมราชองครักษ์, ภาคประชาชน และส่วนราชการต่าง ๆ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี, องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี, อำเภอขลุง, อำเภอมะขาม, เทศบาลตำบลบ่อเวฬุ, เทศบาลตำบลปัถวี, เทศบาลตำบลมะขาม, กำนันตำบลบ่อเวฬุ, เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร, ศูนย์ประสานงานป่าไม้จันทบุรี, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดจันทบุรี, นักเรียน, กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่าในครั้งนี้ รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ ๑,๒๐๐ คน (ที่มา : กปช.จต.)
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิต ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๘
วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เวียดนามยืนยันรายงานกรณีจีนจะสร้างประภาคารในทะเลจีนใต้
พิธีเปิดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๗
คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีที่จะต้องเชื่อมโยงกับการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของประเทศโดยรวม การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของเยาวชนจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการนำพาประเทศไทย ให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนที่จะต้องส่งเสริมและยกระดับการศึกษาในทุกช่วงวัย ให้ทุกส่วนบูรณาการทั้งการศึกษาและวิทยาศาสตร์ได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับการจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๗ ในครั้งนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติสนับสนุนให้จัดขึ้นในส่วนภูมิภาคเป็นครั้งแรก เพื่อกระจายความรู้สู่ภูมิภาค และจะสนับสนุนการจัดกิจกรรมในทุกภูมิภาคทั่วประเทศต่อไป (ที่มา : สลก.ทร.)
บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม เรื่อง "กาลามสูตร ๑๐ บวก ๓"
กองอนุศาสนาจารย์
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรม
ในการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท
สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง "กาลามสูตร ๑๐ บวก ๓"
สัตว์หรือพืชที่เกิดมาผิดปกติหรือพิกลพิการ เช่น วัว ๓ ตา ๖ ขา ๒ หัว ทุกเรียนออกผลเป็นสีทอง ตาลต้นเดียวมี ๒ ยอด เป็นต้น มักจะมีคนแห่กันไปกราบไหว้บูชา ขอโชคขอลาภ ราวกับว่าสัตว์และพืชเหล่านั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ดลบันดาลให้สมหวังได้ดังที่ขอ ตรงกันข้าม ถ้าเป็นคนเกิดมาผิดปกติหรือพิกลพิการ กลับได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสิ่งแปลกประหลาดน่ารังเกียจ การปฏิบัติดังกล่าวแค่มองดูก็รู้ได้ว่า เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะเกิดจากความเชื่อผิด ๆ จึงส่งผลให้เกิดจากการปฏิบัติผิด ๆ ดังกล่าว เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ในกาลามสูตร หรือหลักความเชื่อ ๑๐ ประการ ว่าอย่าใจเร็ว ด่วนเชื่อในข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ คือ ฟังตาม ๆ กันมา ๑, ปรัมปราประเพณี ๑, ข่าวลือดีไม่ดี ๑, ถึงแม้มีในตำรา ๑, อย่าเชื่อโดยตรรกะ ๑, หรือหลักคาดคะเนหนา ๑, ตรึกตามอาการน่าจะเป็นน่าเห็นตาม ๑, สอดรับกับความเห็น ๑, รูปลักษณ์เด่นเลยไปถาม ๑ และ คนนี้น่าเชื่อตามในความรู้เพราะครูเรา ๑
หลักความเชื่อตามกาลามสูตรทั้ง ๑๐ นั้น สามารถสรุปลงเหลือ ๒ คือ อย่าเชื่ออะไร และอย่าเชื่อใคร จนกว่าจะใช้หลักความเชื่ออย่างไรพิสูจน์ทราบเสียก่อน เพราะความเชื่อเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติ ถ้าเชื่อผิดก็ปฏิบัติผิด เมื่อปฏิบัติผิดย่อมได้รับผลเป็นทุกข์ เดือดร้อน เสียหายในหลาย ๆ เรื่อง ดังนั้น ในการที่จะตัดสินใจเชื่อเรื่องอะไร หรือเชื่อใคร โดยไม่ต้องเสียใจภายหลัง จำเป็นต้องนำหลักควรเชื่ออย่างไร ๓ ประการ มาช่วยพิสูจน์ทราบด้วยทุกครั้ง ได้แก่
๑. พิจารณาให้ทราบชัดด้วยสติปัญญาตนเองว่า ถ้าเชื่อแล้วฉลาดขึ้นหรือไม่ ถูกหลอกหรือเปล่า
๒. หากเกินสติปัญญาให้อาศัยทัศนะผู้รู้ประกอบการตัดสินใจว่า ผู้รู้สนับสนุนให้เชื่อ หรือคัดค้าน
๓. ให้ดูจากผลการปฏิบัติว่าให้ผลดีหรือเสีย เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ เพราะความผิดพลาดหรือถูกต้องของคนอื่นถือเป็นประสบการณ์โดยอ้อมของเรา
มีข้อควรคิดว่า ในบรรดาพุทธธรรมคำสอน หากมีคุณธรรมข้อศรัทธาคือ ความเชื่ออยู่ในหลักธรรมคำสอนหมวดใด ในหลักธรรมคำสอนหมวดนั้นจะมีคุณธรรมข้อปัญญาคือ การพิจารณาด้วยเหตุผลกำกับอยู่ด้วยเสมอ เพื่อให้เป็นธรรมสนับสนุนศรัทธาว่า อย่าเชื่ออะไร หรืออย่าเชื่อใคร แต่จงเชื่ออย่างไร เพื่อจะได้ไม่เชื่อผิด ปฏิบัติผิด ทำให้ชีวิตเกิดอัปมงคลโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)
สัตว์หรือพืชที่เกิดมาผิดปกติหรือพิกลพิการ เช่น วัว ๓ ตา ๖ ขา ๒ หัว ทุกเรียนออกผลเป็นสีทอง ตาลต้นเดียวมี ๒ ยอด เป็นต้น มักจะมีคนแห่กันไปกราบไหว้บูชา ขอโชคขอลาภ ราวกับว่าสัตว์และพืชเหล่านั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ดลบันดาลให้สมหวังได้ดังที่ขอ ตรงกันข้าม ถ้าเป็นคนเกิดมาผิดปกติหรือพิกลพิการ กลับได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสิ่งแปลกประหลาดน่ารังเกียจ การปฏิบัติดังกล่าวแค่มองดูก็รู้ได้ว่า เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะเกิดจากความเชื่อผิด ๆ จึงส่งผลให้เกิดจากการปฏิบัติผิด ๆ ดังกล่าว เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ในกาลามสูตร หรือหลักความเชื่อ ๑๐ ประการ ว่าอย่าใจเร็ว ด่วนเชื่อในข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ คือ ฟังตาม ๆ กันมา ๑, ปรัมปราประเพณี ๑, ข่าวลือดีไม่ดี ๑, ถึงแม้มีในตำรา ๑, อย่าเชื่อโดยตรรกะ ๑, หรือหลักคาดคะเนหนา ๑, ตรึกตามอาการน่าจะเป็นน่าเห็นตาม ๑, สอดรับกับความเห็น ๑, รูปลักษณ์เด่นเลยไปถาม ๑ และ คนนี้น่าเชื่อตามในความรู้เพราะครูเรา ๑
หลักความเชื่อตามกาลามสูตรทั้ง ๑๐ นั้น สามารถสรุปลงเหลือ ๒ คือ อย่าเชื่ออะไร และอย่าเชื่อใคร จนกว่าจะใช้หลักความเชื่ออย่างไรพิสูจน์ทราบเสียก่อน เพราะความเชื่อเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติ ถ้าเชื่อผิดก็ปฏิบัติผิด เมื่อปฏิบัติผิดย่อมได้รับผลเป็นทุกข์ เดือดร้อน เสียหายในหลาย ๆ เรื่อง ดังนั้น ในการที่จะตัดสินใจเชื่อเรื่องอะไร หรือเชื่อใคร โดยไม่ต้องเสียใจภายหลัง จำเป็นต้องนำหลักควรเชื่ออย่างไร ๓ ประการ มาช่วยพิสูจน์ทราบด้วยทุกครั้ง ได้แก่
๑. พิจารณาให้ทราบชัดด้วยสติปัญญาตนเองว่า ถ้าเชื่อแล้วฉลาดขึ้นหรือไม่ ถูกหลอกหรือเปล่า
๒. หากเกินสติปัญญาให้อาศัยทัศนะผู้รู้ประกอบการตัดสินใจว่า ผู้รู้สนับสนุนให้เชื่อ หรือคัดค้าน
๓. ให้ดูจากผลการปฏิบัติว่าให้ผลดีหรือเสีย เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ เพราะความผิดพลาดหรือถูกต้องของคนอื่นถือเป็นประสบการณ์โดยอ้อมของเรา
มีข้อควรคิดว่า ในบรรดาพุทธธรรมคำสอน หากมีคุณธรรมข้อศรัทธาคือ ความเชื่ออยู่ในหลักธรรมคำสอนหมวดใด ในหลักธรรมคำสอนหมวดนั้นจะมีคุณธรรมข้อปัญญาคือ การพิจารณาด้วยเหตุผลกำกับอยู่ด้วยเสมอ เพื่อให้เป็นธรรมสนับสนุนศรัทธาว่า อย่าเชื่ออะไร หรืออย่าเชื่อใคร แต่จงเชื่ออย่างไร เพื่อจะได้ไม่เชื่อผิด ปฏิบัติผิด ทำให้ชีวิตเกิดอัปมงคลโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)
ฐานทัพเรือกรุงเทพ จัดงานจำหน่ายสินค้าราคาถูก ระหว่าง ๑๕ - ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๗
ฐานทัพเรือกรุงเทพ
กำหนดจัดงานจำหน่ายสินค้าราคาถูก เพื่อบริการให้กับกำลงพลและครอบครัว
ตลอดจนประชาชนทั่วไป ณ บริเวณภายในสนามฝึกหัดกอล์ฟ ด้านหลังกองกิจการพิเศษ
ฐานทัพเรือกรุงเทพ ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา
๑๖.๐๐ น. - ๒๑.๐๐ น. ภายในงานมีสินค้าประเภทต่าง ๆ จำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาด
เช่น ข้าวสาร อาหาร เสื้อผ้า เครื่องหนัง และอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก
ขอเชิญชวนข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการและบุคคลทั่วไป ร่วมซื้อสินค้าราคาถูก ได้ตาม วัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว สำหรับผู้ที่สนใจและประสงค์จะเป็นผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองกิจการพิเศษ ฐานทัพเรือกรุงเทพ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๓๐๔๗ (ที่มา : ฐท.กท.)
ขอเชิญชวนข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการและบุคคลทั่วไป ร่วมซื้อสินค้าราคาถูก ได้ตาม วัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว สำหรับผู้ที่สนใจและประสงค์จะเป็นผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองกิจการพิเศษ ฐานทัพเรือกรุงเทพ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๓๐๔๗ (ที่มา : ฐท.กท.)
ขอเชิญร่วมงาน "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" ใน ๒๔ สิงหาคม นี้ ที่ โรงเรียนนายเรือ
สามสมอสมาคม
กำหนดจัดกิจกรรม "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" ให้กับสมาชิกสามสมอสมาคม
ณ โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่ ๒๔
สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑๖.๓๐ น. - ๒๐.๓๐ น. โดยภายในงานมีกิจกรรมต่าง
ๆ ได้แก่ การเยี่ยมชมหอดาราศาสตร์ เครื่องฝึกจำลองการเดินเรือ,
ห้องนอนนักเรียนนายเรือ, ชมการแสดงแฟนซีดริล, ชมพิธีย่ำพระสุริย์ศรี
ขอเชิญสมาชิกสามสมอสมาคมเข้าร่วมงาน "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ นาวาเอกหญิง พามีล่า จันทมาศ ประจำแผนกฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๘๔๓ หรือ ๐๘๑ ๖๓๖ ๑๙๖๒ (ที่มา : สามสมอสมาคม)
ขอเชิญสมาชิกสามสมอสมาคมเข้าร่วมงาน "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ นาวาเอกหญิง พามีล่า จันทมาศ ประจำแผนกฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๘๔๓ หรือ ๐๘๑ ๖๓๖ ๑๙๖๒ (ที่มา : สามสมอสมาคม)
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"จิตใจและความประพฤติที่สะอาดและมีระเบียบ
เป็นรากฐานสำคัญของชีวิตจิตใจทั้งความประพฤติ ดังนั้นใช่จะเกิดมีขึ้นเองได้
หากแต่จำเป็นต้องฝึกหัดอบรมและสนับสนุนส่งเสริมกันอย่างจริงจังสม่ำเสมอ
นับตั้งแต่บุคคลเกิด ดังที่มนุษย์ไม่ว่าชาติใดภาษาใด ได้เฝ้าพยายามกระทำสืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย
ทั้งเพื่อให้สามารถรักษาตัวและมีความสุข ความสำเร็จในการครองชีวิต
ทั้งให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ด้วยความผาสุกสงบ"
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการสัมมนาของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เรื่อง การพัฒนาสังคมในด้านศีลธรรมและจิตใจ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๖
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการสัมมนาของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เรื่อง การพัฒนาสังคมในด้านศีลธรรมและจิตใจ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๖
วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557
บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม เรื่อง "ฉันเป็นกำนัน"
กองอนุศาสนาจารย์
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรม
ในการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท
สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง "ฉันเป็นกำนัน"
ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งได้รับการคัดเลือกจากผู้ใหญ่บ้านด้วยกันให้เป็นกำนัน แกรู้สึกปลื้มในตำแหน่งใหม่ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใฝ่ฝันมานานแล้ว ตกบ่ายหลังจากประชุม แกก็รีบกลับบ้านพร้อมทั้งชุดกำนันเต็มยศอย่างครึ้มอกครึ้มใจและมีความสุข ระหว่างทางแวะซื้อช้อนส้อมคู่หนึ่งด้วย คิดว่า เป็นกำนันแล้ว จะเปิบข้าวด้วยมือเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้ เสียชื่อเสียงกำนันหมด พอไปถึงบ้านก็เดินเข้าบ้านทั้งที่สวมรองเท้าอยู่ ฝ่ายภรรยาเห็นเข้าก็นึกสงสัยว่า สามีเป็นอะไรไปในวันนี้ ดูครึ้มอกครึ้มใจผิดปกติ จึงถามว่า พี่เป็นอะไรวันนี้ดูสดชื่นชอบกล แกจึงตอบว่า ฉันเป็นกำนันแล้วจ้ะ พูดพลางก็ชี้ให้ดูเครื่องหมายที่บ่า ภรรยาพอทราบว่าสามีได้เป็นกำนันแล้วก็ยิ้มด้วยความยินดี รีบเข้าครัวไปจัดเตรียมอาหารเป็นพิเศษ แล้วเรียกสามีและลูกมากินข้าวตามปกติ กำนันใหม่ได้ยินดังนั้น ก็รีบโบกมือร้องบอกภรรยาว่า ไม่ได้ ไม่ได้ พวกเธอเป็นลูกบ้านจะมากินข้าวร่วมกับกำนันไม่ได้ แล้วแกก็ควักช้อนส้อมในกระเป๋าออกมาตักอาหารกิน อย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้ภรรยาและลูกมองหน้ากันอย่างงงๆ พอค่ำ แกก็ลุกขึ้นยืดแข้งยืดขาเพราะนั่งนานจนเป็นตะคริว เผอิญเท้าเหยียบกระดานพลาดล้มทั้งยืน ทุกคนได้ยินเสียงโครมก็ตกใจรีบออกไปดู ลูกคนหนึ่งร้องถามว่า เป็นอะไรพ่อ แกตอบว่า ก็เป็นกำนันนะซิ ถามได้ พลางกระย่องกระแย่งลุกขึ้นยืนไม่พูดไม่จากับใคร ตกดึกภรรยาจึงเข้าไปในเรือนกางมุ้งให้ลูก ๆ ตนเองก็ก้างมุ้งที่มุมหนึ่งแล้วเข้านอน ส่วนกำนันรู้สึกง่วงเต็มทน จึงค่อยคลานไปที่มุ้งภรรยา ภรรยาก็ร้องออกมาดัง ๆ ว่า ไม่ได้ ไม่ได้ กำนันจะมานอนกับลูกบ้านไม่ได้ ในที่สุดกำนันก็จำต้องนอนนอกมุ้ง ถูกยุงกัดและหนาวสั่นทั้งคืนถึงขนาดรำพึงกับตัวเองว่า เออหนอ เป็นกำนันนี่มันทรมานเสียจริง
จากเรื่องราวข้างต้นทำให้ได้แง่คิดว่า ยศตำแหน่งล้วนเป็นเรื่องสมมติ แม้เป็นโลกธรรมฝ่ายดีที่น่าพึงปรารถนา แต่ยศตำแหน่งก็สามารถให้โทษได้เหมือนกัน เพราะทำให้คนเมาได้ ทั้งทำให้เสียคนหนักกว่า เมาสุรา เพราะเมาสุราอย่างมากก็ชั่วข้ามวันหรือข้ามคืนเท่านั้น แต่เมายศตำแหน่งเมาข้ามเดือนข้ามปี เพราะฉะนั้น พระท่านจึงสอนว่า ได้ยศได้ตำแหน่งแล้วไม่ควรเมายศเมาตำแหน่ง ควรตั้งสติให้ดี ไม่เห่อ ไม่ยินดีจนออกนอกหน้า พยายามสอนใจตัวเองว่า ยศตำแหน่งเป็นโลกธรรม เปลี่ยนแปรได้เสมอ จะได้ไม่เสียใจเมื่อยามที่พลาดจากยศหรือหลุดจากตำแหน่งนั่นเอง (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)
ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งได้รับการคัดเลือกจากผู้ใหญ่บ้านด้วยกันให้เป็นกำนัน แกรู้สึกปลื้มในตำแหน่งใหม่ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใฝ่ฝันมานานแล้ว ตกบ่ายหลังจากประชุม แกก็รีบกลับบ้านพร้อมทั้งชุดกำนันเต็มยศอย่างครึ้มอกครึ้มใจและมีความสุข ระหว่างทางแวะซื้อช้อนส้อมคู่หนึ่งด้วย คิดว่า เป็นกำนันแล้ว จะเปิบข้าวด้วยมือเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้ เสียชื่อเสียงกำนันหมด พอไปถึงบ้านก็เดินเข้าบ้านทั้งที่สวมรองเท้าอยู่ ฝ่ายภรรยาเห็นเข้าก็นึกสงสัยว่า สามีเป็นอะไรไปในวันนี้ ดูครึ้มอกครึ้มใจผิดปกติ จึงถามว่า พี่เป็นอะไรวันนี้ดูสดชื่นชอบกล แกจึงตอบว่า ฉันเป็นกำนันแล้วจ้ะ พูดพลางก็ชี้ให้ดูเครื่องหมายที่บ่า ภรรยาพอทราบว่าสามีได้เป็นกำนันแล้วก็ยิ้มด้วยความยินดี รีบเข้าครัวไปจัดเตรียมอาหารเป็นพิเศษ แล้วเรียกสามีและลูกมากินข้าวตามปกติ กำนันใหม่ได้ยินดังนั้น ก็รีบโบกมือร้องบอกภรรยาว่า ไม่ได้ ไม่ได้ พวกเธอเป็นลูกบ้านจะมากินข้าวร่วมกับกำนันไม่ได้ แล้วแกก็ควักช้อนส้อมในกระเป๋าออกมาตักอาหารกิน อย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้ภรรยาและลูกมองหน้ากันอย่างงงๆ พอค่ำ แกก็ลุกขึ้นยืดแข้งยืดขาเพราะนั่งนานจนเป็นตะคริว เผอิญเท้าเหยียบกระดานพลาดล้มทั้งยืน ทุกคนได้ยินเสียงโครมก็ตกใจรีบออกไปดู ลูกคนหนึ่งร้องถามว่า เป็นอะไรพ่อ แกตอบว่า ก็เป็นกำนันนะซิ ถามได้ พลางกระย่องกระแย่งลุกขึ้นยืนไม่พูดไม่จากับใคร ตกดึกภรรยาจึงเข้าไปในเรือนกางมุ้งให้ลูก ๆ ตนเองก็ก้างมุ้งที่มุมหนึ่งแล้วเข้านอน ส่วนกำนันรู้สึกง่วงเต็มทน จึงค่อยคลานไปที่มุ้งภรรยา ภรรยาก็ร้องออกมาดัง ๆ ว่า ไม่ได้ ไม่ได้ กำนันจะมานอนกับลูกบ้านไม่ได้ ในที่สุดกำนันก็จำต้องนอนนอกมุ้ง ถูกยุงกัดและหนาวสั่นทั้งคืนถึงขนาดรำพึงกับตัวเองว่า เออหนอ เป็นกำนันนี่มันทรมานเสียจริง
จากเรื่องราวข้างต้นทำให้ได้แง่คิดว่า ยศตำแหน่งล้วนเป็นเรื่องสมมติ แม้เป็นโลกธรรมฝ่ายดีที่น่าพึงปรารถนา แต่ยศตำแหน่งก็สามารถให้โทษได้เหมือนกัน เพราะทำให้คนเมาได้ ทั้งทำให้เสียคนหนักกว่า เมาสุรา เพราะเมาสุราอย่างมากก็ชั่วข้ามวันหรือข้ามคืนเท่านั้น แต่เมายศตำแหน่งเมาข้ามเดือนข้ามปี เพราะฉะนั้น พระท่านจึงสอนว่า ได้ยศได้ตำแหน่งแล้วไม่ควรเมายศเมาตำแหน่ง ควรตั้งสติให้ดี ไม่เห่อ ไม่ยินดีจนออกนอกหน้า พยายามสอนใจตัวเองว่า ยศตำแหน่งเป็นโลกธรรม เปลี่ยนแปรได้เสมอ จะได้ไม่เสียใจเมื่อยามที่พลาดจากยศหรือหลุดจากตำแหน่งนั่นเอง (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)
อนุมัติให้ทหารเรือหญิงและลูกจ้างหญิงใช้กระโปรงแบบมีห่วง ๔ ห่วง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๕๗ เป็นต้นไป
กองทัพเรืออนุมัติให้ทหารเรือหญิงและลูกจ้างหญิงใช้กระโปรงแบบมีห่วง
จำนวน ๔ ห่วง บริเวณขอบกระโปรงโดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้
เพื่อให้คาดเข็ดขัดได้โดยเข็มขัดจะไม่หลุดออกจากขอบกระโปรง
เช่นเดียวกับเหล่าทัพอื่น
จึงขอแจ้งให้ทหารเรือหญิงและลูกจ้างหญิง ทราบและปฏิบัติโดยพร้อมเพรียงกัน
(ที่มา : กพ.ทร.)
จึงขอแจ้งให้ทหารเรือหญิงและลูกจ้างหญิง ทราบและปฏิบัติโดยพร้อมเพรียงกัน
(ที่มา : กพ.ทร.)
จีนแสดงความกังวลกรณีที่เวียดนามให้เจ้าหน้าที่ของเรือตรวจการณ์ประมงสามารถพกอาวุธปืน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
หนังสือพิมพ์ China Daily รายงานว่า นายอี้ เซียนเหลียง
รองอธิบดีกรมกิจการมหาสมุทรและชายแดน
กระทรวงการต่างประเทศจีน
แสดงความกังวลต่อกรณีที่เวียดนามแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับ
อาวุธเพื่ออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของเรือตรวจการณ์ประมงสามารถพกอาวุธปืนได้
ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗
โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ซึ่งจีนมีจุดยืนในการต่อต้านการใช้กำลัง
ก่อนการใช้กฎหมาย อนึ่ง
เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗
เวียดนามลงนามความตกลงที่ญี่ปุ่นจะให้เรือที่ใช้แล้วจำนวน
๖ ลำ มูลค่า ๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เพื่อปรับปรุงศักยภาพทางทะเลแก่เวียดนาม
(ที่มา : ขว.ทร.)
กองทัพเรือ จัดโครงการสานสัมพันธ์กลุ่มผู้นำมวลชนของกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๗ ใน ๑๙ - ๒๒ สิงหาคม นี้
กองทัพเรือ
กำหนดจัดโครงการสานสัมพันธ์กลุ่มผู้นำมวลชนของกองทัพเรือ
ประจำปี
๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๙ ถึง ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ
หน่วยกองทัพเรือในพื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบ
อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง
โดยมีกลุ่มผู้นำมวลชนในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในแต่ละ
ภูมิภาคเข้าร่วมโครงการ
ได้แก่ กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ ๑, ทัพเรือภาคที่
๒, ทัพเรือภาคที่
๓, หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน,
หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง,
ฐานทัพเรือสัตหีบ,
กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด,
หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง,
และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ
การจัดโครงการสานสัมพันธ์กลุ่มผู้นำมวลชนของกองทัพเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการขยายเครือข่ายและสานความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มผู้นำมวลชนต่าง ๆ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งผู้นำของกลุ่มประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ เพื่อทำให้ผู้นำมวลชนเกิดความรู้สึกและมีทัศนคติที่ดี มีความเชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจต่อกองทัพเรือ ตลอดจนเป็นพันธมิตรและเป็นกำลังสำคัญที่จะสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับกองทัพเรือในสถานการณ์ต่าง ๆ อีกทั้งเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่และเสริมสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป (ที่มา : กพร.ทร.)
การจัดโครงการสานสัมพันธ์กลุ่มผู้นำมวลชนของกองทัพเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการขยายเครือข่ายและสานความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มผู้นำมวลชนต่าง ๆ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งผู้นำของกลุ่มประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ เพื่อทำให้ผู้นำมวลชนเกิดความรู้สึกและมีทัศนคติที่ดี มีความเชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจต่อกองทัพเรือ ตลอดจนเป็นพันธมิตรและเป็นกำลังสำคัญที่จะสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับกองทัพเรือในสถานการณ์ต่าง ๆ อีกทั้งเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่และเสริมสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป (ที่มา : กพร.ทร.)
โรงเรียนนายเรือ ขอเชิญร่วมงานนายเรือวิชาการ '๕๗ ใน ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗
โรงเรียนนายเรือ
กำหนดจัดงาน "นายเรือวิชาการ ๕๗" และนิทรรศการการจัดการความรู้
โรงเรียนนายเรือ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ "Knowledge Shopping
2014" ณ หอประชุมภูติอนันต์ และห้องอเนกประสงค์ กองบัญชาการ
โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่
๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น.
การจัดงาน "นายเรือวิชาการ ๕๗" เป็นการจัดงานนายเรือวิชาการ ครั้งที่ ๒ ของโรงเรียนนายเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลงานทางด้านวิชาการของคณาจารย์ โรงเรียนนายเรือ และหน่วยงาน/สถาบันต่าง ๆ ซึ่งการจัดงานดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้คณะอาจารย์ และนักเรียนนายเรือสามารถนำความรู้ไปใช้ในการบูรณาการการเรียนรู้ด้าน วิชาการเรียนและการสอน รวมทั้งการวิจัยในการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อกองทัพเรือและประเทศชาติ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้นักวิชาการและนักวิจัยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิด เห็นประสบการณ์ องค์ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ ๆ จากสถาบันต่าง ๆ ร่วมกัน
สำหรับรูปแบบการจัดงานจะเป็นการนำเสนอผลงานวิชาการทางด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านวิศวกรรม-ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมาแสดงโดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย สาธิตผลงานวิจัยเรื่อง "การควบคุมยานดำน้ำระยะไกล", ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "กองทัพเรือกับเรือดำน้ำ" โดยผู้บัญชาการทหารเรือ, การแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยและผลงานทางวิชาการของคณาจารย์โรงเรียนนายเรือและสถาบันต่าง ๆ, การนำเสนอผลงานวิจัยบนเวที โดยนักวิจัยจากโรงเรียนนายเรือ และสถาบันต่าง ๆ, การแสดงนิทรรศการการจัดการความรู้
ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานนิทรรศการ "นายเรือวิชาการ ๕๗" ได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว สอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๗๔๕๗, ๐ ๒๔๗๕ ๓๙๘๒ และ ๐ ๒๔๗๕ ๓๙๘๔ หรือ www.rtna.ac.th (ที่มา : รร.นร.)
การจัดงาน "นายเรือวิชาการ ๕๗" เป็นการจัดงานนายเรือวิชาการ ครั้งที่ ๒ ของโรงเรียนนายเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลงานทางด้านวิชาการของคณาจารย์ โรงเรียนนายเรือ และหน่วยงาน/สถาบันต่าง ๆ ซึ่งการจัดงานดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้คณะอาจารย์ และนักเรียนนายเรือสามารถนำความรู้ไปใช้ในการบูรณาการการเรียนรู้ด้าน วิชาการเรียนและการสอน รวมทั้งการวิจัยในการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อกองทัพเรือและประเทศชาติ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้นักวิชาการและนักวิจัยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิด เห็นประสบการณ์ องค์ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ ๆ จากสถาบันต่าง ๆ ร่วมกัน
สำหรับรูปแบบการจัดงานจะเป็นการนำเสนอผลงานวิชาการทางด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านวิศวกรรม-ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมาแสดงโดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย สาธิตผลงานวิจัยเรื่อง "การควบคุมยานดำน้ำระยะไกล", ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "กองทัพเรือกับเรือดำน้ำ" โดยผู้บัญชาการทหารเรือ, การแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยและผลงานทางวิชาการของคณาจารย์โรงเรียนนายเรือและสถาบันต่าง ๆ, การนำเสนอผลงานวิจัยบนเวที โดยนักวิจัยจากโรงเรียนนายเรือ และสถาบันต่าง ๆ, การแสดงนิทรรศการการจัดการความรู้
ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานนิทรรศการ "นายเรือวิชาการ ๕๗" ได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว สอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๗๔๕๗, ๐ ๒๔๗๕ ๓๙๘๒ และ ๐ ๒๔๗๕ ๓๙๘๔ หรือ www.rtna.ac.th (ที่มา : รร.นร.)
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"ความรู้ในวิชาการ
เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้ และทำให้เป็นคนที่มีเกียรติ
เป็นคนที่สามารถ เป็นคนที่มีความพอใจได้ในตัวว่า ทำประโยชน์แก่ตนเองและแก่ส่วนรวม
นอกจากวิชาความรู้ ก็จะต้องฝึกฝนในสิ่งที่ตัวต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับสังคม
สอดคล้องกับสมัยและสอดคล้องกับศีลธรรมที่ดีงาม ถ้าได้ทั้งวิชาการ
ทั้งความรู้รอบตัว และความรู้ในชีวิต ก็จะทำให้เป็นคนที่ครบคน
ที่จะภูมิใจได้"
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเนื่องในโอกาสวันปิดภาคเรียนของโรงเรียนจิตรลดา ๒๕ มีนาคม ๒๕๑๕
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเนื่องในโอกาสวันปิดภาคเรียนของโรงเรียนจิตรลดา ๒๕ มีนาคม ๒๕๑๕
วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"การมีเสรีภาพนั้น
เป็นของที่ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อจะใช้ จำเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
ตามความรับผิดชอบ มิให้ล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นที่เขามีอยู่เท่าเทียมกัน
ทั้งมิให้กระทบกระเทือนถึงสวัสดิภาพและความเป็นปกติสุขของส่วนรวมด้วย"
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ๙ กรกฎาคม ๒๕๑๔
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ๙ กรกฎาคม ๒๕๑๔
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)