วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 "คำว่า พอเพียง มีความหมายว่า พอมีกิน เศรษฐกิจแบบพอเพียง หมายความว่า ผลิตอะไรมีพอที่จะใช้ไม่ต้องขอยืมคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง แปลจากภาษาฝรั่งได้ว่า ให้ยืนบนขาของตัวเอง หมายความว่า สองขาของเรายืนบนพื้นให้อยู่ได้ไม่หกล้ม ไม่ต้องไปขอยืมของคนอื่นเพื่อที่จะยืนอยู่ คำว่าพอ คนเราถ้าพอในความต้องการ มันก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย พอเพียงอาจมีมาก อาจมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น"
         พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานในโอกาสที่คณะบุคคลเข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑

พิธีบวงสรวงและวางพวงมาลาถวายสักการะ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน เนื่องในวันอาภากร ประจำปี ๒๕๕๘

วันนี้ (๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เวลา ๐๘.๑๕ น. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีบวงสรวง พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื่องในวันอาภากร ประจำปี ๒๕๕๘ ณ หน้าอาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมีหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือพื้นที่กรุงเทพมหานคร สมาคมภริยาทหารเรือ องค์กรภาครัฐ เอกชน และราชสกุลอาภากร เข้าร่วมพิธี
         จากนั้น เวลา ๑๐.๒๐ น. พลเรือเอก พจนา เผือกผ่อง รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ณ วิหารน้อย วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่กองทัพเรือ ผู้แทนราชสกุลอาภากร ผู้แทนสมาคมภริยาทหารเรือ เข้าร่วมพิธี
          วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๖๖ เป็นวันสิ้นพระชนม์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้ทรงเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะเหล่าทหารเรือ ซึ่งเทิดทูนยกย่องและขนานพระนามว่า "องค์บิดาของทหารเรือไทย" ทั้งนี้ ด้วยทรงวางรากฐานการทหารเรือให้มีความเข้มแข็งมั่นคงตราบเท่าทุกวันนี้
          พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๒๓ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ เจ้าจอมมารดาโหมด ภายหลังเหตุการณ์รัตนโกสินทรศก ๑๑๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติ วงศ์ เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงศึกษาอยู่นั้น ได้มีพระวิริยะอุตสาหะจนผลการศึกษาปรากฏอยู่ในขั้นดีเยี่ยม หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาได้เสด็จกลับเข้ารับราชการในกรมทหารเรือ ด้วยพระปรีชาสามารถในการรับราชการจนปรากฏความชอบ ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นตามลำดับ ในพุทธศักราช ๒๔๔๘ ขณะทรงดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ผู้บัญชาการกรมเรือกลและป้อม และทำการในหน้าที่เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้ทรงปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาและระบบการปกครองของโรงเรียนนายเรือให้ทหาร เรือมีความรู้ความชำนาญ สามารถเป็นผู้บังคับบัญชาและเป็นครูได้เป็นผลสำเร็จ ไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างประเทศเหมือนที่แล้วมา ในพุทธศักราช ๒๔๖๒ ทรงเป็นผู้มีส่วนสำคัญยิ่งในการจัดหาเรือพระร่วงไว้ใช้ในราชการ และทรงเป็นผู้บังคับการเรือลำดังกล่าวที่มีชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นลูก เรือ นำเรือพระร่วงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศอังกฤษกลับสู่พระนครด้วย พระองค์เอง นับเป็นนายทหารเรือไทยคนแรกที่ได้นำเรือรบเดินทางไกลมาจากต่างประเทศ
         นอกจากพระปรีชาสามารถด้านการทหารเรือแล้ว ทรงมุ่งมั่นศึกษาเกี่ยวกับวิชาแพทย์แผนโบราณจากตำราไทย ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้โดยมิได้ทรงเลือกชั้นวรรณะเป็นจำนวนมาก จนพระเกียรติคุณในนาม "หมอพร" ขจรขจายไปในทุกชนชั้น อีกทั้งยังทรงเป็นจิตรกรเขียนภาพที่งามวิจิตร ดังปรากฏภาพฝีพระหัตถ์ที่ผนังโบสถ์วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท ซึ่งยังคงปรากฏอยู่ตรวจจนทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังทรงมีพระปรีชาสามารถทางดนตรี โดยได้ทรงพระนิพนธ์เพลงทหารเรือ เช่น เพลง "ฮะเบสสมอ" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "ดอกประดู่" เพลง "เกิดมาทั้งที" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "เดินหน้า" และเพลง "ดาบของชาติ" ซึ่งเพลงเหล่านี้มีเนื้อหาของบทเพลงปลุกใจให้เข้มแข็งในยามทุกข์ ก่อให้เกิดความรู้สึกรักแผ่นดิน รักหน้าที่ รักเกียรติ และเกิดความมุมานะ ยอมสละได้แม้ชีวิตเพื่อชาติ ถือได้ว่าเป็นมรดกที่ฝังแน่นในใจทหารเรือทุกนายตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
           กองทัพเรือ ได้กำหนดให้กำลังพลแต่งกายเครื่องแบบหมายเลข ๒ และแถวทหารรับฟังคำประกาศพระเกียรติคุณ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่พระองค์ท่านได้ทรงวางรากฐานการทหารเรือให้มีความเข้มแข็งมั่นคงตราบเท่าทุกวันนี้ (ที่มา : สลก.ทร.)

พิธีเปิดการประชุมวางแผนขั้นต้น การฝึกผสม Blue Strike ระหว่างกองทัพเรือกับกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน

วันนี้ (๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เวลา ๐๙.๓๐ น. พลเรือตรี เบญญา บุญส่ง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ กรมยุทธการทหารเรือ เป็นประธานฝ่ายไทย ในพิธีเปิดการประชุมวางแผนขั้นต้น การฝึกผสม Blue Strike ร่วมกับ Scapt.YU Zhong Director of Training Department, PLAN HQs ประธานฝ่ายกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพมหานคร
        การประชุมวางแผนขั้นต้น การฝึกผสม ภายใต้ รหัส Blue Strike ในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ ๑๘ ถึง ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างกองทัพเรือไทย - กองทัพเรือ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อพัฒนาความร่วมมือและยกระดับขีดความสามารถในการฝึกดังกล่าวให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (ที่มา : ยก.ทร.)

จีน - รัสเซียฝึกผสมในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นครั้งแรก

กองทัพเรือรัสเซียและจีนฝึกผสมในทะเล เมดิเตอร์เรเนียนเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยมีเรือรบเข้าร่วม ๙ ลำ อาทิ เรือฟริเกต Linyi และเรือฟริเกต Weifang ของกองทัพเรือจีน เรือฟริเกต Ladny เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ Alexander Otrakovsky เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ Alexander Shabalin และยานเบาะอากาศลำเลียงขีปนาวุธ Samum จากกองทัพเรือรัสเซีย โดยมีเรือลาดตระเวน Moskva เป็นเรือบัญชาการ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกองทัพเรือทั้ง ๒ ฝ่าย และสร้างเสริมขีดความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยในการเดินเรือ รวมทั้งรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทางทะเล (ที่มา : ขว.ทร.)