เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีรายงานว่า กองทัพเรือเวียดนามจะได้รับเรือดำน้ำ Project 636
ลำที่ ๓ ในปลายปี ๒๕๕๗ ส่วนเรือลำที่ ๔ กำลังอยู่ในขั้นการทดสอบในโรงงาน
โดยเรือดำน้ำ HQ-182 Hanoi และ HQ-183 Ho Chi Minh City ซึ่งเป็น
เรือชุดเดียวกัน เข้าประจำการแล้วที่ กองพลน้อย เรือดำน้ำ ๑๘๙
ฐานทัพเรือคัมรานห์ เมื่อเดือนเมษายน๒๕๕๗ และกำลังพลของเรือดำน้ำได้ผ่านการฝึกในเรือระยะที่
๑ เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ บริเวณน่านน้ำเกาะ Hogland อ่าวฟินแลนด์
โดยทำการฝึกขณะดำเป็นเวลา ๕๗ ชั่วโมง (ที่มา : ขว.ทร.)
วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ขอเชิญสมาชิกสามสมอสมาคม ร่วมงาน "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" ใน ๒๔ สิงหาคม นี้ ที่ โรงเรียนนายเรือ
สามสมอสมาคม
กำหนดจัดกิจกรรม "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" ให้กับสมาชิกสามสมอสมาคม
ณ โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่ ๒๔
สิงหาคม ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑๖.๓๐ น. - ๒๐.๓๐ น. โดยภายในงานมีกิจกรรมต่าง
ๆ ได้แก่ การเยี่ยมชมหอดาราศาสตร์ เครื่องฝึกจำลองการเดินเรือ,
ห้องนอนนักเรียนนายเรือ, ชมการแสดงแฟนซีดริล, ชมพิธีย่ำพระสุริย์ศรี
สมาชิกสามสมอสมาคมท่านใดประสงค์จะเข้าร่วมงาน "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ นาวาเอกหญิง พามีล่า จันทมาศ ประจำแผนกฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๘๔๓ หรือ ๐๘๑ ๖๓๖ ๑๙๖๒ (ที่มา : สามสมอสมาคม)
สมาชิกสามสมอสมาคมท่านใดประสงค์จะเข้าร่วมงาน "ย้อนอดีต วันวาน สามสมอ" สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ นาวาเอกหญิง พามีล่า จันทมาศ ประจำแผนกฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๘๔๓ หรือ ๐๘๑ ๖๓๖ ๑๙๖๒ (ที่มา : สามสมอสมาคม)
กิจการร้านสวัสดิการกองทัพเรือ จำหน่ายสินค้าราคาถูก ใน ๒๐ สิงหาคม นี้
กิจการร้านสวัสดิการกองทัพเรือ
จัดจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับกำลังพลกองทัพเรือ ตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ
ณ บริเวณลานจอดรถยนต์ ร้านสวัสดิการกองทัพเรือ พื้นที่กรุงเทพมหานคร
ในวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป โดยสินค้าจำหน่ายเป็น
ชุด ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ ๒ ถุง และน้ำมันพืชมรกต ๒ ขวด ราคาชุดละ
๓๐๐ บาท นอกจากนี้มีสินค้าจากร้านเกษตรนาวี และท็อปส์ ซูเปอร์
มาร่วมจำหน่ายด้วย
ผู้ที่สนใจซื้อสินค้าราคาถูก กรุณานำบัตรประจำตัวมาเพื่อรับบัตรคิว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๕๔๑๐, ๕๕๔๒๙ (ที่มา : สก.ทร.)
ผู้ที่สนใจซื้อสินค้าราคาถูก กรุณานำบัตรประจำตัวมาเพื่อรับบัตรคิว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๕๔๑๐, ๕๕๔๒๙ (ที่มา : สก.ทร.)
พิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วันนี้ (๑๘ สิงหาคม
๒๕๕๗) เวลา ๑๔.๐๐ น. กองทัพเรือ โดย สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ
จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ณ ห้องสมุดราชนาวิกสภา อาคารราชนาวิกสภา ชั้น ๒ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมี พลเรือตรี ไพฑูรย์ ประสพสิน
ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ ผู้แทนกองทัพเรือ
และ ดอกเตอร์ ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
เป็นผู้ลงนาม
การจัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์ร่วมกัน
ความเป็นมาเริ่มจากเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๐ กองทัพเรือโดย สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ กับ ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (ศทอ.) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี และสิ้นสุดลงเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ในการดำเนินงานที่ผ่านมา ศทอ. ได้ทำการตรวจวัดการรบกวนกันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากระบบเรดาร์ วิทยุสื่อสารต่าง ๆ บนดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงรัตนโกสินทร์ และเรือหลวงสุโขทัย ตลอดจนให้การสนับสนุนในการตรวจวัดความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) ให้กับโครงการวิจัยและพัฒนาของกองทัพเรือ เช่น ต้นแบบเครื่องบินทะเล เป็นต้น ตลอดจนมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างต่อเนื่องจึงได้จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมืออีกครั้งใน ครั้งนี้ โดยมีเนื้อหาพอสังเขป ดังนี้
เป้าหมายและขอบเขตความร่วมมือในครั้งนี้ประกอบด้วย
๑ การจัดให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี ระหว่าง สวทช. กับกองทัพเรือ ด้วยการจัดให้มีการบรรยายทางวิชาการ การฝึกอบรม การฝึกงานและศึกษาวิจัยในหัวข้อและโอกาสที่เหมาะสม
๒ การจัดทำโครงการศึกษาวิจัยโดยเน้นกิจกรรมที่ส่งผลเป็นรูปธรรมในพื้นที่ปฏิบัติงานจริงในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการใช้ทรัพยากรในรูปแบบที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
๓ การสนับสนุนความร่วมมือเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) ในการจัดทำเป็นสนามเครือข่าย Wi-Fi ประยุกต์ใช้งานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
๔ การสนับสนุนความร่วมมือเทคโนโลยีพลังงานทดแทนแสงอาทิตย์ (Solar cell) ในการนำไปใช้งานตามหน่วยปฏิบัติการของกองทัพเรือบนเกาะต่างๆ
๕ การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาสถานะอุปกรณ์ เครื่องมือวัดทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีใช้งานในกองทัพเรือให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
๖ การร่วมดำเนินโครงการวิจัยตามแผนยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีกองทัพเรือ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน ครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองหน่วยงานพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งประดิษฐ์ใหม่ร่วมกัน เพื่อให้ผลงานวิจัยสามารถนำไปใช้งานได้ ทั้งนี้ข้อตกลงความร่วมมือมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา ๕ ปี นับตั้งแต่สองฝ่ายลงนามร่วมกัน
(ที่มา : สวพ.ทร.)
การจัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์ร่วมกัน
ความเป็นมาเริ่มจากเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๐ กองทัพเรือโดย สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ กับ ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (ศทอ.) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี และสิ้นสุดลงเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ในการดำเนินงานที่ผ่านมา ศทอ. ได้ทำการตรวจวัดการรบกวนกันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากระบบเรดาร์ วิทยุสื่อสารต่าง ๆ บนดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงรัตนโกสินทร์ และเรือหลวงสุโขทัย ตลอดจนให้การสนับสนุนในการตรวจวัดความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) ให้กับโครงการวิจัยและพัฒนาของกองทัพเรือ เช่น ต้นแบบเครื่องบินทะเล เป็นต้น ตลอดจนมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างต่อเนื่องจึงได้จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมืออีกครั้งใน ครั้งนี้ โดยมีเนื้อหาพอสังเขป ดังนี้
เป้าหมายและขอบเขตความร่วมมือในครั้งนี้ประกอบด้วย
๑ การจัดให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี ระหว่าง สวทช. กับกองทัพเรือ ด้วยการจัดให้มีการบรรยายทางวิชาการ การฝึกอบรม การฝึกงานและศึกษาวิจัยในหัวข้อและโอกาสที่เหมาะสม
๒ การจัดทำโครงการศึกษาวิจัยโดยเน้นกิจกรรมที่ส่งผลเป็นรูปธรรมในพื้นที่ปฏิบัติงานจริงในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการใช้ทรัพยากรในรูปแบบที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
๓ การสนับสนุนความร่วมมือเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) ในการจัดทำเป็นสนามเครือข่าย Wi-Fi ประยุกต์ใช้งานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
๔ การสนับสนุนความร่วมมือเทคโนโลยีพลังงานทดแทนแสงอาทิตย์ (Solar cell) ในการนำไปใช้งานตามหน่วยปฏิบัติการของกองทัพเรือบนเกาะต่างๆ
๕ การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาสถานะอุปกรณ์ เครื่องมือวัดทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีใช้งานในกองทัพเรือให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
๖ การร่วมดำเนินโครงการวิจัยตามแผนยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีกองทัพเรือ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน ครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองหน่วยงานพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งประดิษฐ์ใหม่ร่วมกัน เพื่อให้ผลงานวิจัยสามารถนำไปใช้งานได้ ทั้งนี้ข้อตกลงความร่วมมือมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา ๕ ปี นับตั้งแต่สองฝ่ายลงนามร่วมกัน
(ที่มา : สวพ.ทร.)
ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดกิจกรรม "โครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี"
วันนี้ (๑๘ สิงหาคม
๒๕๕๗) เวลา ๑๐.๐๐ น. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ
เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม "โครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐
ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี" ณ บริเวณเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ
คิรีธาร อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี โดยมี พลเรือโท สนธยา น้อยฉายา
ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ให้การต้อนรับ
โครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี เป็นโครงการที่คนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพในการปลูกป่าเพื่อน้อมเกล้าน้อม กระหม่อมถวาย ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในพื้นที่เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ คิรีธาร ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำอเนกประสงค์ขนาดกลาง เป็นประโยชน์ทั้งด้านการผลิตกระแสไฟฟ้า การเกษตร การป้องกันน้ำเค็ม และเป็นแหล่งน้ำจืดสำหรับอุปโภคและบริโภค โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๕๕ จนถึงปัจจุบัน
การรณรงค์ปลูกป่าจะสร้างเสริมความรู้และจิตสำนึกของประชาชนให้ ตระหนักถึงผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อรองรับและบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรต่อไปในอนาคต การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการนำร่องเพื่อการฟื้นฟูคืนผืนป่าให้กับธรรมชาติ โดยเลือกพื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนคิรีธาร ซึ่งเป็นเขื่อนกั้นน้ำอเนกประสงค์ สำหรับพื้นที่ในการจัดกิจกรรมปลูกป่ามีจำนวน ๔๐ ไร่ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ ๑๘ ชนิด จำนวน ๔,๐๐๐ ต้น โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากกรมราชองครักษ์, ภาคประชาชน และส่วนราชการต่าง ๆ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี, องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี, อำเภอขลุง, อำเภอมะขาม, เทศบาลตำบลบ่อเวฬุ, เทศบาลตำบลปัถวี, เทศบาลตำบลมะขาม, กำนันตำบลบ่อเวฬุ, เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร, ศูนย์ประสานงานป่าไม้จันทบุรี, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดจันทบุรี, นักเรียน, กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่าในครั้งนี้ รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ ๑,๒๐๐ คน (ที่มา : กปช.จต.)
โครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี เป็นโครงการที่คนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพในการปลูกป่าเพื่อน้อมเกล้าน้อม กระหม่อมถวาย ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในพื้นที่เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ คิรีธาร ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำอเนกประสงค์ขนาดกลาง เป็นประโยชน์ทั้งด้านการผลิตกระแสไฟฟ้า การเกษตร การป้องกันน้ำเค็ม และเป็นแหล่งน้ำจืดสำหรับอุปโภคและบริโภค โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๕๕ จนถึงปัจจุบัน
การรณรงค์ปลูกป่าจะสร้างเสริมความรู้และจิตสำนึกของประชาชนให้ ตระหนักถึงผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อรองรับและบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรต่อไปในอนาคต การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการนำร่องเพื่อการฟื้นฟูคืนผืนป่าให้กับธรรมชาติ โดยเลือกพื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนคิรีธาร ซึ่งเป็นเขื่อนกั้นน้ำอเนกประสงค์ สำหรับพื้นที่ในการจัดกิจกรรมปลูกป่ามีจำนวน ๔๐ ไร่ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ ๑๘ ชนิด จำนวน ๔,๐๐๐ ต้น โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากกรมราชองครักษ์, ภาคประชาชน และส่วนราชการต่าง ๆ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี, องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี, อำเภอขลุง, อำเภอมะขาม, เทศบาลตำบลบ่อเวฬุ, เทศบาลตำบลปัถวี, เทศบาลตำบลมะขาม, กำนันตำบลบ่อเวฬุ, เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร, ศูนย์ประสานงานป่าไม้จันทบุรี, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดจันทบุรี, นักเรียน, กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่าในครั้งนี้ รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ ๑,๒๐๐ คน (ที่มา : กปช.จต.)
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิต ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๘
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)