วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

“ผู้เข้ามาเป็นทหารทุกคนย่อมทราบดีว่างานในหน้าที่ของตนนั้นเป็นงานหนักเปี่ยมไปด้วยความยากลำบาก มากไปด้วยอันตรายถึงชีวิต ทั้งยังต้องรับผิดชอบอย่างสูง เพราะเป็นงานที่เกี่ยวข้องผูกพันอยู่กับความมั่นคงปลอดภัยของชาติ ทหารทุกคนจึงต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ทุกอย่าง ด้วยการหมั่นฝึกฝนพัฒนาตนเองให้มีสมรรถภาพอันสมบูรณ์กล้าแข็งทุกเมื่อ และตื่นตัวอยู่เสมอในอันที่จะศึกษาสอดส่องข่าวสารให้รู้ทันและรู้ชัด ถึงเหตุการณ์ความเป็นของประเทศและของโลกจักได้สามารถวินิจฉัยและปฏิบัติการในทุกสถานการณ์ได้ถูกต้อง ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ อีกประการหนึ่งจะต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ว่าการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของชาติบ้านเมืองนั้น เป็นงานส่วนรวมที่ทุกฝ่ายจะต้อง ร่วมมือกันทำ ทั้งทหาร ทั้งพลเรือน จึงจำเป็นจะต้องรักษาความสามัคคีในชาติ และความร่วมมือร่วมใจของคนในชาติไว้ให้มั่นคงและหนักแน่นทุกเมื่อ ชาติของเราจึงจะตั้งมั่นอยู่โดยอิสระเสรี มีความผาสุกสงบและความเจริญวัฒนาตลอดไปได้ดังที่ทุกคนทุกฝ่ายตั้งใจปรารถนา” พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานกระบี่แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๑
“ผู้ เข้ามาเป็นทหารทุกคนย่อมทราบดีว่างานในหน้าที่ของตนนั้นเป็นงานหนักเปี่ยมไป ด้วยความยากลำบาก มากไปด้วยอันตรายถึงชีวิต ทั้งยังต้องรับผิดชอบอย่างสูง เพราะเป็นงานที่เกี่ยวข้องผูกพันอยู่กับความมั่นคงปลอดภัยของชาติ ทหารทุกคนจึงต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ทุกอย่าง ด้วยการหมั่นฝึกฝนพัฒนาตนเองให้มีสมรรถภาพอันสมบูรณ์กล้าแข็งทุกเมื่อ และตื่นตัวอยู่เสมอในอันที่จะศึกษาสอดส่องข่าวสารให้รู้ทันและรู้ชัด ถึงเหตุการณ์ความเป็นของประเทศและของโลกจักได้สามารถวินิจฉัยและปฏิบัติการ ในทุกสถานการณ์ได้ถูกต้อง ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ อีกประการหนึ่งจะต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ว่าการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ของชาติบ้านเมืองนั้น เป็นงานส่วนรวมที่ทุกฝ่ายจะต้อง ร่วมมือกันทำ ทั้งทหาร ทั้งพลเรือน จึงจำเป็นจะต้องรักษาความสามัคคีในชาติ และความร่วมมือร่วมใจของคนในชาติไว้ให้มั่นคงและหนักแน่นทุกเมื่อ ชาติของเราจึงจะตั้งมั่นอยู่โดยอิสระเสรี มีความผาสุกสงบและความเจริญวัฒนาตลอดไปได้ดังที่ทุกคนทุกฝ่ายตั้งใจปรารถนา”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานกระบี่แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุล จอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๑
- See more at: http://www.sctr.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/3461#sthash.uouLPq85.dpuf

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมพิธีปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ ๒๔

วันนี้ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘) เวลา ๑๐.๐๐ น.  พลเรือเอก ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ  ร่วมพิธีปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ ๒๔ ณ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ปทุมธานี คณะกรรมการดำเนินการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้”  ซึ่งมี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นประธานกรรมการดำเนินการโครงการ ฯ ได้จัดกิจกรรมโครงการ“สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นประจำทุกปี โดยนำเยาวชนจาก ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาทำกิจกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อปลูกฝังความปึกแผ่นและเสริมสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ สำหรับโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ในครั้งนี้ เป็นรุ่นที่ ๒๔ มีจำนวน ๒๔๐ คน  ซึ่งกองทัพเรือได้ให้การสนับสนุนให้เยาวชนในโครงการ พร้อมครูพี่เลี้ยงและคณะเจ้าหน้าที่ เข้าเยี่ยมชมสาธิตการเห่เรือและทัศนศึกษาขบวนเรือในโอกาสนี้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้ถึงคุณค่ามรดกวัฒนธรรมของไทยที่เป็นโบราณราชประเพณีที่เยาวชนควรที่จะอนุรักษ์และสืบทอดไว้ อีกทั้งยังเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีงาม (ที่มา : กพร.ทร.)

รองเสนาธิการทหารเรือ ต้อนรับคณะผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการปฐมนิเทศนายทหารชั้นนายพลของกองทัพไทย รุ่นที่ ๓๖

วันนี้ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘) เวลา ๑๐.๐๐ น.  พลเรือโท โสภณ  วัฒนมงคล  รองเสนาธิการทหารเรือ  เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ ให้การต้อนรับ พลโท สุรสิทธิ์ ถนัดทาง รองผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ คณะอาจารย์ และผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรปฐมนิเทศนายทหารชั้นนายพลของกองทัพไทยรุ่นที่ ๓๖ ในโอกาสเดินทางมาเยี่ยมชมกิจการกองทัพเรือ ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โดยมี พลเรือโท พัชระ พุ่มพิเชฏฐ์  เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ ร่วมให้การต้อนรับ การเยี่ยมชมกิจการกองทัพเรือของนายทหารชั้นนายพลของกองทัพไทย ในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่กองทัพเรือจะได้เสนอข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ให้แก่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพไทยได้รับทราบ อันจะเป็นประโยชน์ในการประสานงานระหว่างเหล่าทัพต่อไป โดยกองทัพเรือได้จัดการบรรยายสรุปในด้านต่าง ๆ ได้แก่ วิสัยทัศน์ ภารกิจ การจัดวางกำลังของกองทัพเรือ ภารกิจสำคัญที่ปฏิบัติการร่วมกับนานาชาติ รวมถึงประเทศอาเซียน และแนวทางการพัฒนาของกองทัพเรือ (ที่มา : ยก.ทร.)

พิธีเปิดงาน “นำบริษัทชั้นนำมาประชาสัมพันธ์และรับสมัครงานให้แก่ทหารกองประจำการ ครั้งที่ ๑ พื้นที่ภาคตะวันออก”

วันนี้ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘) เวลา ๐๙.๓๐ น.  พลเรือเอก ไพฑูรย์ ประสพสิน ประธานกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองประจำการกองทัพเรือ เป็นประธานเปิดงาน “นำบริษัทชั้นนำมาประชาสัมพันธ์และรับสมัครงานให้แก่ทหารกองประจำการ ครั้งที่ ๑ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ พื้นที่ภาคตะวันออก ณ หอประชุมหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี   กองทัพเรือ ร่วมกับ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โดยจัดหางานจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมกันสนองนโยบายของรัฐบาล โดยการจัดนำบริษัทชั้นนำผู้ประกอบการในสาขาอาชีพต่าง ๆ มาประชาสัมพันธ์และ รับสมัครงานให้แก่ทหารกองประจำการ ในผลัดที่ ๓/๕๖ ที่จะครบกำหนดปลดประจำการ ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่ทหารกองประจำการ เมื่อปลดประจำการออกไปแล้วให้มีงานทำ เพื่อไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัว เป็นผู้นำที่ดีของครอบครัว และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ รวมถึงเป็นพลังสำคัญของสังคมต่อไปในอนาคต (ที่มา : คพท.)

อินเดียจะเช่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์จากรัสเซีย

เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ มีรายงานว่า อินเดียจะลงนามในข้อตกลงเช่าเรือดำน้ำลำที่ ๒ จากรัสเซีย ในการประชุม Russian-Indian Summit ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ โดย นายมโนหาร ปาริการ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินเดีย จะหารือในเรื่องดังกล่าวกับ นายเซียร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระหว่างการเยือนรัสเซียในสัปดาห์หน้า  อนึ่ง มีรายงานจาก สถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย/นิวเดลี ยืนยันว่า การเจรจาเช่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์ Kashalot K-322 จากรัสเซีย อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย (ที่มา : ขว.ทร.)

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

“การที่จะให้งานประสานกันนั้น มีหลักสำคัญอยู่ว่า ทุกฝ่ายจะต้องไม่แบ่งแยกกัน ไม่แย่งประโยชน์ ไม่แย่งความชอบกัน แต่ละฝ่ายแต่ละคนต้องทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ มุ่งหวังผลสำเร็จในการงานเป็นใหญ่ยิ่งกว่าสิ่งอื่น ความบริสุทธิ์ใจ และความมุ่งหมายอันเที่ยงตรงเป็นอย่างเดียวกันนั้น จะทำให้เข้าใจกันได้ ผู้ใดมีหน้าที่และความสามารถอย่างไร ก็จะทำตามหน้าที่และความสามารถอย่างนั้น ให้ประสานสอดคล้องกันได้โดยอัตโนมัติ ความเจริญก้าวหน้าและความสำเร็จก็จะบังเกิดตามมา”  พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้เชียงใหม่ ครั้งที่ ๒ วันเสาร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๒

กองทัพเรือ ร่วมกับกองทัพเรือสิงคโปร์ กำหนดทำการฝึกผสม SINGSIAM ครั้งที่ ๑๘ ประจำปี ๒๕๕๘

กองทัพเรือ โดย กองเรือฟริเกตที่ ๒ กองเรือยุทธการ ร่วมกับกองทัพเรือสิงคโปร์ กำหนด ทำการฝึกผสม SINGSIAM ครั้งที่ ๑๘ ประจำปี ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณช่องแคบมะละกาและทะเลอันดามัน การฝึกผสม SINGSIAM ในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ ๑๘ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ประสบการณ์ให้กับกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึก รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในการปฏิบัติการร่วมกัน ระหว่างกองทัพเรือและกองทัพเรือสิงคโปร์ ซึ่งการจัดกำลังเข้าร่วมฝึกเป็นไปตามนโยบายของกองทัพเรือ โดยจะทำการฝึกปีเว้นปีผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ สำหรับการฝึกผสมในครั้งนี้ มี กองทัพเรือสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ แบ่งการฝึกเป็น ๓ ห้วง โดยกำหนดพิธีเปิดและการฝึกในท่า ที่ ฐานทัพเรือชางงี สาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๑ ถึง ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และการฝึกในทะเลพื้นที่ฝึก บริเวณช่องแคบมะละกาและทะเลอันดามัน ระหว่างวันที่ ๖ ถึง ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และปิดท้ายด้วยการสรุปผลการฝึก และพิธีปิดการฝึก ณ กองบัญชาการทัพเรือที่ ๓ จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ ๑๑ ถึง ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ สำหรับกำลังที่เข้าร่วมการฝึก ฝ่ายไทย ประกอบด้วย   เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงสายบุรี เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ จำนวน ๒ ลำ และเครื่องบินลาดตระเวน จำนวน ๑ ลำ มี นาวาเอก ประสาทพร สาทรสวัสดิ์  เสนาธิการกองเรือฟริเกตที่ ๒ กองเรือยุทธการ เป็นผู้บังคับหมู่เรือฝึก ส่วนกำลังฝ่ายกองทัพเรือสิงคโปร์ ประกอบด้วย เรือ RSB INTREPID, RSS VIGOUR, RSB ARCHER (เรือดำน้ำ) และ เฮลิคอปเตอร์ S-708 SEA HAWK จำนวน ๑ ลำ (ที่มา : กฟก.๒ กร.)
กอง ทัพเรือ โดย กองเรือฟริเกตที่ ๒ กองเรือยุทธการ ร่วมกับกองทัพเรือสิงคโปร์ กำหนด ทำการฝึกผสม SINGSIAM ครั้งที่ ๑๘ ประจำปี ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณช่องแคบมะละกาและทะเลอันดามัน
การฝึกผสม SINGSIAM ในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ ๑๘ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ประสบการณ์ให้กับกำลังพลที่เข้าร่วมการ ฝึก รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในการปฏิบัติการร่วมกัน ระหว่างกองทัพเรือและกองทัพเรือสิงคโปร์ ซึ่งการจัดกำลังเข้าร่วมฝึกเป็นไปตามนโยบายของกองทัพเรือ โดยจะทำการฝึกปีเว้นปีผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ สำหรับการฝึกผสมในครั้งนี้ มี กองทัพเรือสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ แบ่งการฝึกเป็น ๓ ห้วง โดยกำหนดพิธีเปิดและการฝึกในท่า ที่ ฐานทัพเรือชางงี สาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๑ ถึง ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และการฝึกในทะเลพื้นที่ฝึก บริเวณช่องแคบมะละกาและทะเลอันดามัน ระหว่างวันที่ ๖ ถึง ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และปิดท้ายด้วยการสรุปผลการฝึก และพิธีปิดการฝึก ณ กองบัญชาการทัพเรือที่ ๓ จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ ๑๑ ถึง ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
สำหรับกำลังที่เข้าร่วมการฝึก ฝ่ายไทย ประกอบด้วย   เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงสายบุรี เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ จำนวน ๒ ลำ และเครื่องบินลาดตระเวน จำนวน ๑ ลำ มี นาวาเอก ประสาทพร สาทรสวัสดิ์  เสนาธิการกองเรือฟริเกตที่ ๒ กองเรือยุทธการ เป็นผู้บังคับหมู่เรือฝึก ส่วนกำลังฝ่ายกองทัพเรือสิงคโปร์ ประกอบด้วย เรือ RSB INTREPID, RSS VIGOUR, RSB ARCHER (เรือดำน้ำ) และ เฮลิคอปเตอร์ S-708 SEA HAWK จำนวน ๑ ลำ (ที่มา : กฟก.๒ กร.)
- See more at: http://www.sctr.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/3441#sthash.z0U8DXMT.dpuf

ขอเชิญชมการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีก ๒๐๑๕ ระหว่าง ทีมราชนาวี เอฟซี กับ เชียงราย ยูไนเต็ด ใน ๒๘ ตุลาคม นี้

กองทัพเรือ ขอเชิญชมและร่วมเป็นกำลังใจให้แก่นักกีฬาฟุตบอลทีมราชนาวีในการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีก ๒๐๑๕ นัดที่ ๒๘ ระหว่างทีมราชนาวี เอฟซี พบกับ ทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ณ สนามยูไนเต็ด สเตเดี้ยม จังหวัดเชียงราย ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.๐๐ น. (ที่มา : สโมสรฟุตบอลราชนาวี)

บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม เรื่อง “ยันต์กันผี”

กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรมในการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง “ยันต์กันผี” มีความเชื่อกันว่า ผีเป็นสิ่งที่ลึกลับ มองไม่เห็นตัว มีทั้งดีและร้าย อาจให้คุณหรือโทษแก่คนได้ และโดยปริยาย ผี หมายถึง สิ่งที่ไม่ดี หรือสิ่งที่ให้โทษแก่ผู้เกี่ยวข้อง เหตุนั้นในหมู่คนที่เชื่อเรื่องผี จึงนิยมนำแผ่นผ้าลงอักขระภาษาขอมไปติดไว้เหนือประตูทางเข้าบ้านเรือน เพื่อใช้เป็นยันต์กันผี มิให้เข้าไปทำร้ายคนในบ้าน ผีตามความเชื่อจะมีจริงหรือไม่ คงหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ยาก แต่ที่ยืนยันได้อย่างแน่นอน ก็คือ ผีโดยปริยายที่หมายถึงสิ่งที่ไม่ดีหรือสิ่งที่ให้โทษแก่ผู้เกี่ยวข้อง เป็นผีในชีวิตจริง ซึ่งในปัจจุบันมีมาก เช่น บุหรี่ เป็นต้น ที่ทำให้คนสูบได้รับพิษ คนใกล้ชิดได้รับภัย ข้อนี้พิสูจน์ได้ไม่ยากนัก เพราะมีหลักฐานที่เป็นหลักคำสอนในทางศาสนาที่สอนว่าสิ่งเสพติดให้โทษเป็นอบายมุข เป็นหนทางนำชีวิตไปสู่ความเสื่อม หลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่า สูบบุหรี่เป็นสาเหตุแห่งโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เช่น ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง หลอดลมอักเสบ แก่เร็ว ผิวหนังเหี่ยวย่น เป็นต้น และหลักฐานรายงานจากองค์การอนามัยโลกที่เคยระบุว่า ปัจจุบันมีประชากรโลกเสียชีวิตจากบุหรี่ปีละ ๕ ล้านคน หรือคิดเฉลี่ยเสียชีวิต ๑ คน ในทุก ๆ ๖ วินาที  ดังนั้น ในช่วงเวลา ๒ นาที ที่รับฟังบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเรื่องนี้จบลง มีผู้เสียชีวิตจากพิษภัยบุหรี่จำนวนไม่น้อยกว่า ๒๐ คน ปัจจุบันรัฐบาลได้ตระหนักในพิษภัยของผีชนิดนี้มากขึ้น มีการออกกฎหมายกำหนดสถานที่ห้ามสูบบุหรี่ไว้อย่างชัดเจน มีการนำสติ๊กเกอร์ห้ามสูบบุหรี่ไปติดไว้ตามประตูที่ทำงานบ้าง สาธารณสถานต่าง ๆ บ้าง เพื่อเป็นการห้ามสูบบุหรี่ในที่นั้น ๆ หรือบอกใบ้ให้รู้ว่า ที่นั้น ๆ เป็นเขตปลอดบุหรี่ ซึ่งถ้าพิจารณาในแนวคิดทางธรรมแล้ว สติ๊กเกอร์ห้ามสูบบุหรี่ ก็คล้าย ๆ กับยันต์กันผีที่ช่วยป้องกันโทษซึ่งมิใช่เฉพาะแก่ผู้สูบเท่านั้น แต่แก่คนรอบข้างเขาด้วย  อย่างไรก็ตาม สติ๊กเกอร์ดังกล่าว อาจไม่มีผลถ้าคนคิดจะสูบเสียอย่าง เว้นแต่ว่าจะติดให้หนักแน่นที่ใจคนสูบเท่านั้น จึงจะเห็นผลได้อย่างแท้จริง (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)

แนวทางการหลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉินตามหลักปฏิบัติสากล

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ย้ำเตือนสำหรับแนวทางการหลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉินตามหลักปฏิบัติสากล ดังนี้ - เมื่อประชาชนเห็นสัญญาณไฟและได้ยินเสียงสัญญาณไซเรนก็มักจะตกใจและทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นก่อนอื่นผู้ขับขี่ควรตั้งสติ  - พยายามมองกระจกหลังเพื่อกะระยะของรถพยาบาลที่วิ่งมา - เมื่อพิจารณาปริมาณรถทั้งซ้ายและขวาที่อยู่ใกล้แล้วพบว่าไม่มีอันตรายและเราสามารถเบี่ยงชิดซ้ายได้ ให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วรถและเบี่ยงซ้ายเพื่อหลีกทางให้รถพยาบาลทันที - หากไม่สามารถหลีกทางได้ด้วยเพราะสภาพรถที่หนาแน่นและมีอันตรายก็ให้หยุดหรือชะลอรถเพื่อให้รถพยาบาลหาทางวิ่งผ่านเราไปให้ได้ - เมื่อรถพยาบาลวิ่งผ่านไปแล้วห้ามขับตามเด็ดขาด - กรณีรถติดและรถพยาบาลอยู่ด้านหลังพอดีให้พิจารณาว่าควรชิดซ้ายหรือชิดขวาดี ถ้าไม่มีใครหลีกทางให้ ให้ผู้ขับขี่เลือกว่าจะหลบทางไหนและเปิดไฟเลี้ยว เพื่อให้สัญญาณให้รถพยาบาล ได้แซงผ่านไปได้สะดวก การหลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉินเป็นความดีง่าย ๆ ที่เราสามารถทำร่วมกันได้ ดังนั้น หากเราเห็นรถพยาบาลขอทางมาควรรีบหลีกทางให้  เพราะวันหนึ่งคนที่อยู่บนรถคันนั้นอาจเป็นญาติหรือคนรู้จักเราก็ได้ (ที่มา : สพฉ.)
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ย้ำเตือนสำหรับแนวทางการหลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉินตามหลักปฏิบัติสากล ดังนี้
- เมื่อประชาชนเห็นสัญญาณไฟและได้ยินเสียงสัญญาณไซเรนก็มักจะตกใจและทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นก่อนอื่นผู้ขับขี่ควรตั้งสติ 
- พยายามมองกระจกหลังเพื่อกะระยะของรถพยาบาลที่วิ่งมา
- เมื่อ พิจารณาปริมาณรถทั้งซ้ายและขวาที่อยู่ใกล้แล้วพบว่าไม่มีอันตรายและเรา สามารถเบี่ยงชิดซ้ายได้ ให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วรถและเบี่ยงซ้ายเพื่อหลีกทางให้รถพยาบาลทันที
- หากไม่สามารถหลีกทางได้ด้วยเพราะสภาพรถที่หนาแน่นและมีอันตรายก็ให้หยุดหรือชะลอรถเพื่อให้รถพยาบาลหาทางวิ่งผ่านเราไปให้ได้
- เมื่อรถพยาบาลวิ่งผ่านไปแล้วห้ามขับตามเด็ดขาด
- กรณีรถ ติดและรถพยาบาลอยู่ด้านหลังพอดีให้พิจารณาว่าควรชิดซ้ายหรือชิดขวาดี ถ้าไม่มีใครหลีกทางให้ ให้ผู้ขับขี่เลือกว่าจะหลบทางไหนและเปิดไฟเลี้ยว เพื่อให้สัญญาณให้รถพยาบาล ได้แซงผ่านไปได้สะดวก
การหลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉินเป็นความดีง่าย ๆ ที่เราสามารถทำร่วมกันได้ ดังนั้น หากเราเห็นรถพยาบาลขอทางมาควรรีบหลีกทางให้  เพราะวันหนึ่งคนที่อยู่บนรถคันนั้นอาจเป็นญาติหรือคนรู้จักเราก็ได้
(ที่มา : สพฉ.)
- See more at: http://www.sctr.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/3444#sthash.Rcn4k9gS.dpuf

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



เห็นอยู่ทั่วกันแล้วว่า ทหารนั้นมีความสำคัญแก่ชาติบ้านเมืองเพียงไร นอกจากหน้าที่โดยตรงที่จะต้องคุ้มครองป้องกันชาติบ้านเมืองจากศัตรูที่จะมี มาได้โดยพลันทันทีทุกเมื่อแล้ว กิจการที่ฝ่ายทหารดำเนินอยู่ ก็มีส่วนช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองแก่ประเทศชาติอยู่เป็นอันมาก เช่น การฝึกอบรมผู้ที่เป็นทหาร ก็เป็นการฝึกอบรมพลเมืองส่วนหนึ่งให้มีความรู้ความสามารถในหน้าที่ รู้จักรักษาระเบียบวินัยเป็นพลเมืองดีนั่นเอง นอกจากนี้ในงานอื่นอีกหลายด้านของทหารเอง ก็มีส่วนเกี่ยวพันเสริมสร้างเศรษฐกิจและความเจริญของชาติอยู่ไม่น้อย จึงหวังว่าในงานต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าได้มีการร่วมมือร่วมแรงประสานงานกันกับทุกฝ่ายให้มากแล้ว ก็ย่อมจะเป็นผลดีแก่ชาติบ้านเมืองยิ่งขึ้น”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ทหารรักษาพระองค์ ในพิธีตรวจพลสวนสนามเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา วันจันทร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๐๕

รองเสนาธิการทหารเรือ ต้อนรับคณะนักศึกษาหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ ๕๘ ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมกิจการกองทัพเรือ



วันนี้ (๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) เวลา ๑๐.๓๐ น. พลเรือโท พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะผู้แทนกองทัพเรือ ให้การต้อนรับคณะนักศึกษาหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ ๕๘ ในโอกาสเดินทางมาเยี่ยมชมกิจการของกองทัพเรือ และรับฟังการบรรยายสรุปภารกิจของกองทัพเรือ ณ ห้องเจ้าพระยา ชั้น ๒ หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานครโดยมี พลเรือตรี ภราดร  พวงแก้ว  ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ ให้การรับรองการเยี่ยมชมกิจการกองทัพเรือของคณะนักศึกษาหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราช อาณาจักรและรับฟังการบรรยายสรุปในครั้งนี้  เพื่อรับทราบภารกิจการจัดและบทบาทหน้าที่ของกองทัพเรือในการรักษาความมั่น คงแห่งชาติ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่กองทัพเรือจะได้นำเสนอข้อมูลที่สำคัญและเป็น ประโยชน์ให้แก่นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นข้าราชการและภาคเอกชนที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของประเทศได้รับทราบ  อันจะเป็นประโยชน์ในการประสานการปฏิบัติงานต่อไปในอนาคต (ที่มา : ยก.ทร.)

โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า แจ้ง งดรับผู้ป่วยฝากครรภ์ใหม่ ใน ๑๙ ตุลาคม ศกนี้



โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ของดรับผู้ป่วยฝากครรภ์ใหม่ในวันจันทร์ที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘  เนื่องจากแพทย์ไปราชการจำนวนมาก  กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม ขอแจ้งให้ประชาชนทั่วไปและผู้ที่ประสงค์จะฝากครรภ์ทราบโดยทั่วกัน
สอบถามข้อมูลได้ที่ กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๒๖๔๖ (ที่มา : กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม)

ขอเชิญชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาครัฐ ตรวจสอบรายชื่อการได้รับเงินช่วยเหลือทางเว็บไซต์ของกรมประมง และยื่นหลักฐานได้ที่ ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ทั้ง ๒๘ ศูนย์

กอง ทัพเรือ โดย ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ขอเชิญพี่น้องชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิด กฎหมาย ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์ในการได้รับเงินช่วยเหลือ ทางเว็บไซต์ กรมประมง และยื่นหลักฐานได้ที่ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก ประจำพื้นที่ (ศูนย์ PIPO) ในจังหวัดที่จดทะเบียนเรือ และใบอาชญาบัตร โดยนำหลักฐานประกอบด้วย
๑. บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา
๒. ทะเบียนเรือ และใบอนุญาตใช้เรือพร้อมสำเนา

๓. ใบอาชญาบัตรตัวจริง พร้อมสำเนา

๔. สัญญาจ้างงานหรือบัตรสีชมพูลูกจ้าง

๕. ใบเสร็จค่าจอดเรือ (ถ้ามี)

ทั้งนี้ เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ประจำพื้นที่ ทั้ง ๒๘ ศูนย์ (ที่มา : สลก.ทร.)

กอง ทัพเรือ โดย ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ขอเชิญพี่น้องชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิด กฎหมาย ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์ในการได้รับเงินช่วยเหลือ ทางเว็บไซต์ กรมประมง และยื่นหลักฐานได้ที่ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก ประจำพื้นที่ (ศูนย์ PIPO) ในจังหวัดที่จดทะเบียนเรือ และใบอาชญาบัตร โดยนำหลักฐานประกอบด้วย
๑. บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา
๒. ทะเบียนเรือ และใบอนุญาตใช้เรือพร้อมสำเนา
 
๓. ใบอาชญาบัตรตัวจริง พร้อมสำเนา
 
๔. สัญญาจ้างงานหรือบัตรสีชมพูลูกจ้าง
 
๕. ใบเสร็จค่าจอดเรือ (ถ้ามี)
 
ทั้งนี้ เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ประจำพื้นที่ ทั้ง ๒๘ ศูนย์ (ที่มา : สลก.ทร.)
- See more at: http://www.sctr.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/3376#sthash.3PezoGdd.dpuf