วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

คณะกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองประจำการกองทัพเรือ

คณะกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองประจำการกองทัพเรือ เปิดฝึกอบรมหลักสูตรอาชีพทหารกองประจำการ รุ่นที่ ๒/๕๔
       วันนี้ (๒๐ มกราคม ๒๕๕๔)พลเรือโท ผสมทรัพย์ เกื้อหนุน ประธานคณะกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองประจำการกองทัพเรือ (คพท.) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรอาชีพทหารกองประจำการ รุ่นที่ ๒/๕๔ ณ สโมสรสัญญาบัตร ฐานทัพเรือสัตหีบ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการนอกกองทัพเรือ ได้แก่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จังหวัดระยอง สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ภาค ๓ ชลบุรี กรมเจ้าท่า และสมาคมเจ้าของเรือไทย ร่วมในพิธี ฯ
        คณะกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองประจำการกองทัพเรือ (คพท.) เปิดการฝึกอบรมหลักสูตรอาชีพทหารกองประจำการ รุ่นที่ ๒/๕๔ ในสาขาอาชีพต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความชำนาญงาน และทักษะในวิชาชีพ เพื่อสร้างโอกาสการมีงานทำ และคุณภาพชีวิตให้แก่ทหารกองประจำการ ในสภาวะปัจจุบันที่ประชาชนขาดแคลนรายได้ เนื่องจากประสบปัญหาการว่างงานเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพ สร้างเสริมรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว และเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ
       กองทัพเรือ ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนด้วยดีตลอดมาจาก กรมเจ้าท่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ภาค ๓ ชลบุรี ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดระยอง และสมาคม เจ้าของเรือไทย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกองทัพเรือที่ได้ดำเนินการจัดให้มีการฝึกอาชีพ ซึ่งเมื่อจบการฝึกอบรมแล้ว จะได้รับวุฒิบัตรเพื่อใช้ประกอบในการสมัครงาน (ที่มา : คพท.)

แจ้งผู้ที่จะครบเกษียณอายุราชการใน ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔

 แจ้งผู้ที่จะครบเกษียณอายุราชการใน ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ นำประวัติไปตรวจสอบความถูกต้อง ภายใน ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
       ตามที่ กรมกำลังพลทหารเรือ จัดให้มีการประชุมชี้แจงแก่ผู้ที่ครบเกษียณ อายุราชการเป็นประจำทุกปี นั้น ปรากฏว่าประวัติรับราชการ (เล่มต้นสังกัด) บางนาย มีข้อมูลคลาดเคลื่อนกับประวัติ ฯ เล่มที่ กรมกำลังพลทหารเรือ เก็บรักษาไว้ ดังนั้น เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแก้ไข กรมกำลังพลทหารเรือ จึงขอแจ้งให้ผู้ที่จะครบเกษียณอายุราชการ ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ นำประวัติรับราชการ (เล่มต้นสังกัด) ไปตรวจสอบความถูกต้องด้วยตนเอง ได้ที่ แผนกทะเบียนและประวัติ กองทะเบียนพล กรมกำลังพลทหารเรือ ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ หากพ้นกำหนดในช่วงวันดังกล่าวจะถือว่าประวัติ ฯ เล่มที่ กรมกำลังพลทหารเรือ ถูกต้อง
      สำหรับเอกสารที่เกี่ยวข้องประกอบการตรวจสอบ ได้แก่ ประวัติรับราชการ (เล่มต้นสังกัด), สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน ๑ ฉบับ, รูปถ่ายสีหรือขาวดำ ขนาด ๓ x ๔ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป, บัญชี ราชการทวีคูณ (ถ้ามี), สำเนาหลักฐานการแก้ไขชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี), สำเนาหลักฐานการแก้ไข วัน เดือน ปีเกิด (ถ้ามี) และสำเนาหลักฐานการแก้ไข วัน เดือน ปีที่ขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ "สด.๓" (ถ้ามี)
        สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองทะเบียนพล กรมกำลังพลทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๔๖๙๕ (ที่มา : กพ.ทร.)

ขอเชิญเสนอผลงานเพื่อขอรับรางวัลจากสภาวิจัยแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๔

ขอเชิญเสนอผลงานเพื่อขอรับรางวัลจากสภาวิจัยแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๔
       สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ ขอเชิญผู้ที่มีผลงานวิจัยเสนอผลงานเพื่อขอรับประกาศเกียรติคุณเป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๔ รางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ : รางวัลผลงานวิจัย ประจำปี ๒๕๕๔ และรางวัลสภาวิจัย แห่งชาติ : รางวัลวิทยานิพนธ์ ประจำปี ๒๕๕๔ โดยให้เสนอผลงาน ฯ ผ่านผู้บังคับบัญชาตามผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นถึง สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ ภายในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สอบถามรายละเอียดการเสนอผลงานวิจัย ฯ ได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๗๙ ๒๒๘๘ หรือ ๐ ๒๕๖๑ ๒๔๔๕ หรือดูได้ที่ www.nrct.go.th (ที่มา : สวพ.ทร.) 

แจ้งให้ผู้จองสิทธิโครงการบ้านสวัสดิการกองทัพเรือพื้นที่สัตหีบ

แจ้งให้ผู้จองสิทธิโครงการบ้านสวัสดิการกองทัพเรือพื้นที่สัตหีบ รับสัญญาเช่าที่ดิน ได้ตั้งแต่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ที่ กองส่งกำลังบำรุง ฐานทัพเรือสัตหีบ
       คณะทำงานโครงการบ้าน สวัสดิการกองทัพเรือ พื้นที่สัตหีบ แจ้งให้ ผู้จองสิทธิโครงการ ฯ ที่ทำสัญญาเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์แล้ว ให้ไปรับสัญญาเช่าที่ดินและลงนามสัญญาจ้างก่อสร้าง ได้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๔ ที่ กองส่งกำลังบำรุง ฐานทัพเรือสัตหีบ โดยนำหลักฐานที่ต้องใช้ ประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือข้าราชการ จำนวน ๒ ชุด และสำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน ๒ ชุด ส่วนผู้จองสิทธิที่ชำระเงินทำสัญญาเช่าที่ดินแล้ว แต่ยังทำสัญญาเช่าไม่เรียบร้อย และผู้ที่จองสิทธิที่ยังไม่ชำระเงินทำสัญญาเช่าที่ดิน ขอให้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ธนารักษ์ ชลบุรี หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๑ ๕๕๒ ๙๓๐๗ ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔
นอกจากนี้ ยังมีบ้านว่างเหลืออยู่ จำนวน ๓๘ หลัง ผู้สนใจสามารถติดต่อจองได้ที่ นาวาโท ชัยณรงค์ เขียวขุนศรี กรมส่งกำลังบำรุง ฐานทัพเรือสัตหีบ หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๗ ๑๔๒ ๒๕๗๖ หรือหมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๗๑๐๔๗ (ที่มา : กบ.ฐท.สส.)

พิธีต้อนรับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดเดินทางกลับถึงประเทศไทย

พิธีต้อนรับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดเดินทางกลับถึงประเทศไทย
       วันนี้ (๒๐ มกราคม ๒๕๕๔) เวลา ๐๘.๐๐ น. พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีต้อนรับ เรือหลวงสิมิลัน เรือหลวงปัตตานี พร้อมกำลังพลของหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดที่เดินทางกลับจากการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อ่าวเอเดนและชายฝั่งโซมาเลีย เมืองซาลาล่าห์ รัฐสุลต่านโอมาน ณ ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
       ตามที่กองทัพเรือได้จัด เรือหลวงสิมิลัน เรือหลวงปัตตานี พร้อมเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ เบลล์ ๒๑๒ จำนวน ๒ เครื่อง และชุดปฏิบัติการพิเศษของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ประกอบกำลังเป็นหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดกองทัพเรือ เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อ่าวเอเดนและชายฝั่งโซมาเลีย โดยออกเดินทางจากประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๓ และเดินทางถึงเมืองซาลาล่าห์ รัฐสุลต่าน โอมาน เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๓ จากนั้นได้เริ่มปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวนให้ความคุ้มครอง เรือประมงและเรือสินค้าให้ได้รับความปลอดภัยจากการถูกปล้นจากโจรสลัด ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นมา ซึ่งจากการปฏิบัติภารกิจสามารถให้ความช่วยเหลือเรือประมง เรือสินค้า ตลอดจนลูกเรือที่ถูกโจรสลัดปล้นยึดเรือได้เป็นจำนวนมาก ขณะนี้ เรือหลวงสิมิลันและเรือหลวงปัตตานี ได้เสร็จสิ้นภารกิจและเดินทางออกจากเมืองซาลาล่าห์ รัฐสุลต่านโอมาน เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๘.๐๐ น.
     การจัดหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดไปปฏิบัติงานในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพไทยส่งกำลังออกไปนอกประเทศเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนชาวไทย สร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการธุรกิจพาณิชยนาวีของไทย รวมถึงส่งเสริมศักยภาพ การแข่งขันทางการค้าและเศรษฐกิจกับต่างประเทศ นอกจากนั้น การส่งกำลังเข้าร่วมกับกองกำลังผสมทางเรือของนานาชาติ เป็นการแสดงออกให้ประชาคมโลกเห็นถึงความมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกองกำลังนานาชาติ ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจของผู้ประกอบการและเกิดผลดีกับระบบเศรษฐกิจของไทยในภาพรวม เนื่องจากเส้นทางนี้ ถือเป็นเส้นทางหลักเส้นทางหนึ่งในการนำเข้าและส่งออกสินค้าของไทย ที่มีมูลค่าปีละกว่า ๒ ล้านล้านบาท
       ในระดับนานาชาติ การส่งกำลังไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการภายใต้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ไทยเป็นสมาชิก ซึ่งถือเป็นการแสดงออกถึงการให้ความร่วมมือในการเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเลร่วมกับนานาชาติ อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และสถานการณ์ในปัจจุบัน ดังนั้น การปฏิบัติการครั้งนี้จึงเป็นอีกบทบาทหนึ่งของกองทัพเรือที่สามารถใช้ในการสนับสนุนนโยบายของรัฐให้เป็นรูปธรรม (ที่มา : สลก.ทร.)

หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ตรวจยึดไม้พยุง จำนวน ๑๙ ท่อน

หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ตรวจยึดไม้พยุง จำนวน ๑๙ ท่อน
       เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๓.๐๐ น. นาวาเอก วิศาล ปัณฑวังกูร เสนาธิการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง แถลงข่าวการตรวจยึดไม้พยุง จำนวน ๑๙ ท่อน ณ กองบังคับการ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง บ้านกกต้อง ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม
       สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๔ เวลา ๒๒.๓๐ น. นาวาเอก ถุงเงิน จงรักชอบผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการลักลอบนำไม้พยุงออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านดอนนางหงส์ ตำบลดอนนางหงส์ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม จึงรายงานให้ พลเรือตรี สรชา ศรประทุม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ทราบ และสั่งการให้ชุดลาดตระเวน สถานีเรือธาตุพนม วางแผนเพื่อดำเนินการต่อผู้กระทำผิดตามอำนาจหน้าที่ เมื่อได้ซักซ้อมแผนการปฏิบัติจนเป็นที่เข้าใจแล้ว จึงออกปฏิบัติตามแผน จนกระทั่งเวลา ๒๓.๓๐ น. ของวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๔ ได้ใช้กล้องส่องกลางคืนตรวจการณ์พบเรือหางยาว (เรือกีบ) จำนวน ๒ ลำ แล่นออกจากฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มุ่งหน้ามาฝั่งไทยบริเวณ บ้านดอนนางหงส์ เมื่อเรือเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว เวลา ๐๐.๒๐ น. ของวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ มีชาย ๔ คน เดินขึ้นมาที่ฝั่งไทย ชุดปฏิบัติการจึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจค้น แต่ชายทั้ง ๔ คน ได้วิ่งลงเรือแล้วแล่นออกไปยังฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจึงตรวจพื้นที่พบไม้พยุง จำนวน ๑๙ ท่อน วางกองอยู่ริมแม่น้ำโขง สอบถามหาเจ้าของและแจ้งผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่หมู่ ๗ ปรากฏว่า ไม่มีผู้ใดแสดงตน จึงนำของกลางไปตรวจสอบที่กองบังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำ แม่น้ำโขง เพื่อตรวจสอบหาเจ้าของที่แท้จริง แต่ไม่มีผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของ จึงนำของกลางทั้งหมดส่ง ด่านศุลกากรนครพนม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป (ที่มา : นรข.) 

ห่วงสัตว์ทะเลหายากอ่าวไทยสูญพันธุ์พบตายแล้ว ๑๐ ตัว

ห่วงสัตว์ทะเลหายากอ่าวไทยสูญพันธุ์พบตายแล้ว ๑๐ ตัว
       นางนิภาวรรณ บุศราวิช ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จังหวัดชุมพร เปิดเผยถึงสถานการณ์สัตว์ทะเลในอ่าวไทยว่าช่วงลมตะวันออกเฉียงเหนือของทุกปี หรือลมว่าว จะพบซากสัตว์ทะเลหายากขึ้นมาเกยตายตามชายหาดเป็นประจำ โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ - มกราคม ๒๕๕๔ พบแล้ว ๑๐ ตัว เป็นโลมาหัวบาตรหลังเรียบและหลังโหนก รวม ๖ ตัว เต่าตนุอีก ๔ ตัว และซากที่พบส่วนหนึ่งจะอยู่ในสภาพเน่าเปื่อย ยากต่อการพิสูจน์หาสาเหตุ ทั้งนี้ หากเทียบกับปีที่แล้วพบซากเต่าและโลมาขึ้นเกยหาดเกือบ ๒๐ ตัว ซึ่งพอจะสรุปสาเหตุเบื้องต้นได้ว่ามาจากการติดอวนของชาวประมง และตายจากการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ทางศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล ฯ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อหาสาเหตุและหาแนวทางแก้ไข โดยมีพื้นที่รับผิดชอบตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี หากผู้ใดพบเห็นซากสัตว์ทะเลหายากเกยหาดขอให้แจ้งมายังศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๖ ๙๖๑ ๗๙๔๑ เพื่อส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ เพราะข้อมูลการตายสัตว์ทะเลเหล่านี้มีความสำคัญมากในการอนุรักษ์ เพื่อสาเหตุการตายที่แท้จริง (ที่มา : สำนักข่าวไทย)

ASEAN เตรียมหารือกับจีนเกี่ยวกับปัญหาการอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้

ASEAN เตรียมหารือกับจีนเกี่ยวกับปัญหาการอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้
      รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ASEAN กำหนดจัดประชุม ASEAN - จีน ที่เมืองคุนหมิง ของจีน ระหว่างวันที่ ๒๓ ถึงวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ เพื่อหารือเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทในการอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ และการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ระหว่างสมาชิก ASEAN และเนื่องจากเป็นการครบรอบ ๒๐ ปี ของการประชุม ASEAN - จีน จึงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ASEAN เดินทางโดยรถยนต์จากเชียงราย ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๔ ไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และต่อไปยังคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ (ที่มา : ขว.ทร.)