วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"ความสามัคคีนั้นเป็นการที่ทุกคนเห็นใจกัน ซึ่งกันและกัน และพร้อมเพรียง ก็หมายความว่า ไม่ได้ทำคนละทีสองที แต่ทำพร้อมพัน ความสามัคคีและความพร้อมเพรียงนี้มีผลต่อเนื่องอีกอย่างหนึ่ง อีกต่อไปว่า ทำให้ทุกคนมีความเข้มแข็ง แข็งแรง ซึ่งจะนำมาสู่ความสุขของแต่ละคน เพราะว่า คนเรามีทั้งสุข ทั้งทุกข์ เมื่อมีความสุขก็อยากให้คนอื่นมีความสุขด้วย ทำให้ความสุขของตัวใหญ่หลวงขึ้น เมื่อมีความทุกข์มีคนอื่นมาช่วยก็ทำให้ความทุกข์น้อยลง ฉะนั้น ความสามัคคีและความพร้อมเพรียงนั้น จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ"
        พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน จังหวัดนครศรีธรรมราช ณ สนามกีฬาชาติตระการโกศล วันอังคารที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๒๑

รัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยร่วมส่งน้ำใจไมตรี สู่พี่น้องชาวเนปาลผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว โดยสามารถบริจาคเงินผ่าน บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล การบริจาคได้สิทธิลดหย่อนภาษี

ตามที่ได้มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้ง ใหญ่ในประเทศเนปาล ทำให้ประชาชนชาวเนปาลได้รับความเดือดร้อนสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็น อย่างมาก จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยมีความประสงค์ ที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว โดยมีการเปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อรวบรวมส่งไปช่วยเหลือ และบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชนชาวเนปาลนั้น การบริจาคช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวผู้บริจาคสามารถนำเงินหรือมูลค่าทรัพย์สิน บริจาคไปหักเป็นค่าลดหย่อน หรือหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
         ๑. ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้เฉพาะการบริจาคเป็นเงิน ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชี เพื่อช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยของหน่วยงานราชการที่เปิดรับบริจาคเป็นการเฉพาะ เช่น บัญชี "หัวใจไทย ส่งไปเนปาล" ธนาคาร กรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล ของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หมายเลขบัญชี ๐๖๗ - ๐ - ๑๐๓๓๐ - ๖ เป็นต้น หรือผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เช่น สถานีโทรทัศน์ หรือมูลนิธิของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น ผู้บริจาคสามารถนำเงินบริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ตามจริง (รวมกับเงินบริจาคอื่นๆ ด้วย) แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ แล้ว โดยใช้หนังสือสำคัญการรับเงินบริจาคที่ส่วนราชการ หรือนิติบุคคลที่เป็นตัวแทนรับบริจาคออกให้ หรือใบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือสลิปของธนาคาร เพื่อเป็นหลักฐานในการนำไปหักลดหย่อนต่อไป
        ๒. ผู้บริจาคที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักรายจ่ายได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ ๒ ของกำไรสุทธิในปีที่บริจาค นอกจากนี้ กรณีการบริจาคทรัพย์สินหรือสินค้าดังกล่าว ถือเป็นเหตุอันสมควรที่ไม่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม
        ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่รับบริจาคเงินหรือ ทรัพย์สินต้องนำเงินและทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคมาทั้งจำนวนนั้น ไปบริจาคให้แก่หน่วยงานของส่วนราชการไทยเท่านั้น เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและหน่วยงานราชการนั้น จะต้องออกหนังสือสำคัญหรือหลักฐานที่แสดงว่าได้รับการบริจาคโดยมียอดเงิน หรือทรัพย์สินที่เป็นยอดรวมทั้งสิ้นตรงกับยอดที่รับบริจาคมาทั้งจำนวน
        กรณีนี้ ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดาและผู้บริจาคที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล จึงจะได้รับสิทธินำยอดเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายได้ แต่หากตัวแทนรับบริจาคนำไปมอบให้แก่ ผู้ประสบภัยโดยตรง ผู้บริจาคจะไม่ได้รับสิทธิในการหักลดหย่อนแต่อย่างใด (ที่มา : กรมสรรพากร)

บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม เรื่อง "น้ำผึ้งหยดเดียว"

กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรม ในการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง "น้ำผึ้งหยดเดียว"
        มีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่ง หาบน้ำผึ้งที่ใส่หม้อดินไปขายในตลาด มีคนเดินมาชนหาบของเขา น้ำผึ้งจึงกระฉอกหกลงที่ถนน พวกแมลงหวี่ได้กลิ่นน้ำผึ้งจึงบินมาตอม ฝ่ายแมวเห็นแมลงหวี่จับกลุ่มกินน้ำผึ้งก็ออกมาไล่ตะปบแมลงหวี่ ส่วนสุนัขที่อยู่บ้านถัดไปเห็นแมวอยู่ที่ถนน จึงวิ่งออกจากบ้านมาไล่กัดแมว แมวรีบหนีเข้าบ้าน สุนัขก็ไล่เห่าแมวไปจนถึงบ้าน เจ้าของแมวเห็นสุนัขของคนข้างบ้านมาไล่กัดแมว จึงคว้าไม้ไล่ตีสุนัขด้วยความโมโห สุนัขวิ่งไปทางตลาดเพื่อไปหาเจ้าของที่ขายของอยู่ในตลาด เจ้าของสุนัขเห็นเจ้าของแมวไล่ตีสุนัขของตนมา จึงออกมาต่อว่า ในที่สุดก็ทำให้ทะเลาะกัน อันเนื่องมาแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากน้ำผึ้งหยดเดียวแท้ ๆ
        จากเรื่องดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นบางครั้งมาจากต้นตอเพียงเล็กน้อย แต่สามารถลุกลามใหญ่โตขึ้นได้ เพราะคู่กรณีหรือผู้เกี่ยวข้องไม่ยอมมาพบมาพูดคุยกัน ไม่ยอมมาไกล่เกลี่ยเพื่อให้เรื่องยุติโดยเร็ว หรือบางครั้งมัวแต่พูดจาตอบโต้ท้าทาย เรื่องจึงบานปลายลุกลามใหญ่โต กลายเป็นข้อพิพาทที่หาทางยุติไม่ได้ วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดนั้น พุทธศาสนาสอนให้ลดทิฐิมานะแล้วหาทางประนีประนอมกัน และตกลงกันในทางที่เหมาะที่ควร จึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
         ผู้ที่มองข้ามความสำคัญในข้อนี้ ต้องพบกับความวิบัติมามากต่อมากแล้ว อาทิ เด็ก ๆ เล่นกันแล้วทะเลาะกัน เป็นชนวนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน คนบ้านชิดติดกันต้องมาทะเลาะกันเพียงแค่กิ่งมะม่วงยื่นเข้าไปในเขตบ้านกัน และประเทศต่าง ๆ ต้องวุ่นวายเกิดความโกลาหล เกิดปะทะกันรุนแรง เสียหายไปทุกส่วนอยู่บ่อย ๆ เป็นต้น ก็เพราะเรื่องแบบน้ำผึ้งหยดเดียวนี่เอง ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในสังคม จึงไม่มีวิธีใดดีเท่ากับการหันหน้ามาพูดคุยกันด้วยจิตอันประกอบด้วยเมตตา หากทำได้เช่นนี้ เหตุการณ์ลักษณะน้ำผึ้งหยดเดียวก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)

กองทัพเรือจัดหมู่เรือเข้าร่วมงานแสดงนิทรรศการทางเรือและการบินนานาชาติ International Maritime Defence Exhibition ASIA 2015 ระหว่าง ๑๑ - ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘

กองทัพเรือ โดย กองเรือยุทธการ จัดหมู่เรือร่วมงานแสดงนิทรรศการทางเรือและการบินนานาชาติ International Maritime Defence Exhibition ASIA 2015 (หมู่เรือ IMDEX ASEA 2015) ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ฐานทัพเรือชางงี สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมี นาวาเอก วราห์ แทนขำ รองผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ ๑ กองเรือยุทธการ เป็นผู้บังคับหมู่เรือ
         การจัดหมู่เรือเดินทางไปร่วมงานแสดงนิทรรศการทางเรือและการบินนานา ชาติ International Maritime Defence Exhibition ASIA 2015 ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ประกอบด้วย เรือหลวงกระบี่ และเรือ ต.๑๑๓ นอกจากจะเป็นไปตามคำเชิญของกองทัพเรือสิงคโปร์แล้ว ยังมีการฝึกร่วมระหว่างกำลังทางเรือของชาติต่าง ๆ ที่เข้าร่วมงาน นับเป็นโอกาสที่กำลังทางเรือของกองทัพเรือได้เข้าร่วมในกิจกรรมระดับนานา ชาติ รวมทั้งเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมืออันดีระหว่างกองทัพเรือกับ กองทัพเรือสิงคโปร์ และกองทัพเรือประเทศต่าง ๆ ที่ส่งกำลังเข้าร่วมงาน ฯ อีกทั้งเป็นโอกาสอันดีที่กำลังพลกองทัพเรือจะได้รับประสบการณ์ในการเดินทาง ในน่านน้ำต่างประเทศ และการปฏิบัติงานร่วมกับกองทัพเรือมิตรประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับการปฏิบัติงานในอนาคต
        สำหรับการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ ๗ จากการจัดงาน ฯ จำนวน ๘ ครั้ง นับเป็นการจัดกำลังทางเรือเข้าร่วมกิจกรรมที่สำคัญที่มีการดำเนินการมาอย่าง ต่อเนื่อง โดยกองทัพเรือได้จัดเรือหลวงกระบี่เข้าร่วมงาน เพื่อแสดงขีดความสามารถของกองทัพเรือในการต่อเรือขนาดใหญ่ใช้งานได้เอง และเข้าร่วมฝึกผสม 5th WMSX ในคราวเดียวกัน (ที่มา : ยก.ทร.)

กองทัพเรือเข้าร่วมประชุมเตรียมการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมด้านยุทธการไทย - อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๗

 กองทัพเรือ จัดกำลังพลเข้าร่วมประชุมเตรียมการจัดการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมด้านยุทธการไทย - อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๗ (The 7th Joint Coordinated Operations and Exercises Sub - Committee JCOESC VII) ร่วมกับฝ่ายอินโดนีเซีย ณ จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยมี พลโท วัลลภ รักเสนาะ เจ้ากรมยุทธการทหาร และเจ้ากรมยุทธการทหารอินโดนีเซีย เป็นประธานร่วม
        การประชุมในครั้งนี้ เป็นการเตรียมการด้านความร่วมมือระดับเหล่าทัพ กับเหล่าทัพ ในด้านต่าง ๆ เช่น การฝึก การประชุม การแลกเปลี่ยนการเยือน การปฏิบัติการร่วม ความตกลงต่าง ๆ และกิจกรรมอื่น ๆ รวมทั้งการลาดตระเวนร่วมทางทะเลไทย - อินโดนีเซีย เป็นต้น (ที่มา : สนผ.ยก.ทร.)