วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 "วิถีทางดำเนินของบ้านเมืองและ ประชาชนโดยทั่วไป มีความเปลี่ยนแปลงมาตลอดเนื่องจากความวิปริตผันแปรของวิถีแห่งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และอื่น ๆ ของโลก ยากยิ่งที่เราจะหลีกเลี่ยงให้พ้นได้ จึงต้องระมัดระวัง ประคับประคองตัวเรามากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการเป็นอยู่โดยประหยัดเพื่อที่จะอยู่ให้รอดและก้าวต่อไปได้ โดยสวัสดี"
         พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๑

ผู้บัญชาการทหารเรือ รับเยี่ยมคำนับจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำประเทศไทย

วันนี้ (๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) เวลา ๑๐.๐๐ น. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ รับเยี่ยมคำนับจาก ฯพณฯ นาง จอสลิน เอส บาทูน - การ์เชีย (Mrs.Jocelym S.Batoon-Garcia) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐ ฟิลิปปินส์ เพื่ออำลาในโอกาสที่พ้นวาระการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
        การที่ผู้บัญชาการทหารเรือรับเยี่ยมคำนับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐ ฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความมีน้ำใจไมตรี และกระชับความสัมพันธ์อันดี ระหว่างกองทัพเรือกับสถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น (ที่มา : ขว.ทร.)

รองผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็นประธานปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

วันนี้ (๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) เวลา ๑๐.๐๐ น. พลเรือตรี สิริบุญ สุคนธมาน รองผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็นประธานเปิดกรวยดอกไม้สด กล่าวถวายราชสดุดี และกล่าวเปิดกิจกรรมปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ ๖๐ พรรษา ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณสนามหน้าโรงเรียนวัดเสม็ดงาม และพื้นที่ปลูกป่าชายเลน หมู่ ๑๐ ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี โดยมีนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และผู้มีเกียรติ ลงนามถวายพระพร และร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลน
        กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ขึ้น เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งปลูกจิตสำนึกให้แก่เยาวชนและประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการดูแล และอนุรักษ์ป่าชายเลนให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ (ที่มา : กปช.จต.)

คณะเจ้าหน้าที่ กรมยุทธการทหารเรือ ต้อนรับกองทัพเรืออินโดนีเซียเดินทางมาร่วมเปิดประชุม Navy to Navy Talks ครั้งที่ ๖

วันนี้ (๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) เวลา ๑๓.๑๐ น. คณะเจ้าหน้าที่ กรมยุทธการทหารเรือ ให้การรับรองคณะผู้แทนกองทัพเรืออินโดนีเซีย ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุม Navy to Navy Talks ครั้งที่ ๖ ณ ห้องรับรองพิเศษ สนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
          การประชุม Navy to Navy Talks ระหว่างกองทัพเรือ - กองทัพเรืออินโดนีเซีย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้แทนกองทัพเรือของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือในเรื่องความมั่นคงทางทะเล การแลกเปลี่ยนและขยายความร่วมมือในด้านต่าง ๆ และเรื่องอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกัน โดยกำหนดให้จัดการประชุมทุก ๆ สองปี สลับกันเป็นเจ้าภาพ สำหรับการประชุมในครั้งนี้ กองทัพเรือเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยฝ่ายกองทัพเรือมี พลเรือตรี นิกิตติ์ ฑีร์ฆะยศ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนกองทัพเรือ และฝ่ายกองทัพเรืออินโดนีเซียมี พลเรือตรี Arie H.Sembiring ผู้ช่วยเสนาธิการทหารเรืออินโดนีเซียฝ่ายยุทธการ เป็นหัวหน้าคณะ (ที่มา : ยก.ทร.)

กรมประมง ประกาศ ๑ เมษายน นี้ นำร่อง...แจ้งเรือประมงเข้า - ออกท่า ๔ จังหวัดภาคใต้ เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม

ตั้งแต่วันที่ ๑ ถึง ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ กรมประมงทดลองการใช้ระบบควบคุมการแจ้งเข้า - ออกเรือประมง (Port in - Port out) ใน ๔ จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสงขลา และ จังหวัดภูเก็ต ขอความร่วมมือเรือประมง ขนาด ๓๐ ตันกรอส ขึ้นไป ปฏิบัติตามแนวทางการควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมงเพื่อช่วยขจัดการทำประมง IUU
         วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ กรมประมงจะดีเดย์เริ่มทดลองใช้ระบบควบคุมการแจ้งเข้า - ออกของเรือประมง (Port in - Port out) สำหรับเรือประมงที่มีขนาด ๓๐ ตันกรอส ขึ้นไป ก่อนจะออกไปทำการประมง และกลับเข้าเทียบท่า ต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า - ออกของเรือประมงที่กำหนด เพื่อตรวจสอบข้อมูลการทำประมง อาทิ ตรวจสอบเครื่องมือทำการประมง ว่าถูกต้องตามใบอนุญาตหรือไม่ ชนิดสัตว์น้ำที่จับได้มาสอดคล้องกับประเภท ชนิด เครื่องมือหรือไม่ ท่าเรือที่เข้า-ออก ทะเบียนเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ ชื่อเรือประมง เครื่องมือและอุปกรณ์ประจำเรือ บุคคลทำการประมงประจำเรือ (กัปตัน เจ้าของเรือ แรงงานบนเรือ) มีรายชื่อ จำนวนแรงงานถูกต้องตามข้อเท็จจริงหรือไม่ และสัญญาจ้างแรงงานประมง รวมถึงบุคคลต่างด้าวที่เป็นลูกเรือ ต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานคนต่างด้าวด้วย ฯลฯ
         ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า - ออกเรือประมง ตั้งอยู่ที่สถานีวิทยุประมงชายฝั่งของกรมประมง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้ท่าเทียบเรือ จำนวน ๒๖ ศูนย์ ครอบคลุมท่าเทียบเรือ ๒๙๒ แห่ง ทั้งนี้ ในครั้งแรกจะทดลองนำร่องการปฏิบัติงานในพื้นที่ ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสงขลา และจังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ ๑ - ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ โดยการปฏิบัติงานในพื้นที่ครั้งนี้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง อาทิ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ฯลฯ และหลังจากนี้จะมีการนำผลการทดลองการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง มาประชุมวิเคราะห์ออกกฎหมายลำดับรองเพื่อดำเนินการบังคับ
          สำหรับแนวทางการดำเนินการ ประกอบด้วย ๓ ขั้นตอน ดังนี้
           ขั้นที่ ๑ เรือประมงกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มให้ครบถ้วน เพื่อนำไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ท่าเรือ แพปลา ก่อนที่จะออกเรือ ๖ ชั่วโมง หรือภายใน ๓ ชั่วโมง หลังจอดเรือเสร็จ
           ขั้นที่ ๒ เจ้าหน้าที่ท่าเรือ/แพปลา ส่งโทรสาร หรือ Line ภาพถ่ายแบบฟอร์ม รายงานการเข้า - ออก Port in - Port out (PIPO) ที่เรือประมงกรอกไว้ ส่งให้เจ้าหน้าที่ศูนย์รายงานการเข้า - ออกเรือประมง Port in - Port out (PIPO) ที่คุมท่าเรือนั้น ๆ
           ขั้นที่ ๓ เจ้าหน้าที่ศูนย์รายงานเข้า - ออกเรือประมง Port in - Port out (PIPO) ตรวจสอบความสมบูรณ์ ความถูกต้องของข้อมูล แล้วบันทึกลงในระบบ Fishing info ของกรมประมง
         เมื่ออยู่ในทะเล เรือประมงต้องเปิดระบบติดตามเรือ หรือระบบ VMS (Vessel Monitoring System) ซึ่งในขณะนี้กรมเจ้าท่ากำลังดำเนินการติดให้กับเรือประมงต่าง ๆ เพื่อให้ศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต ๑ - ๓ สามารถติดตามเรือประมงต่าง ๆ ได้จากระบบ Fishing info และระบบติดตามเรือ หรือ VMS (Vessel Monitoring System) ผ่าน ศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
         ดังนั้น จึงขอความร่วมมือชาวประมงในพื้นที่ ทดลองนำร่องการปฏิบัติการในครั้งนี้ตามกำหนดการ และสถานที่ดังกล่าว เพื่อเป็นการแสดงถึงการให้ความร่วมมือของชาวประมงไทยในการขจัดการ ทำประมง IUU
(ที่มา : กรมประมง)