วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กำหนดสวดพระอภิธรรมศพ มารดา พลเรือเอก ชาตร์ นาวาวิจิต

ขอเชิญผู้รู้จักคุ้นเคยร่วมฟังสวดพระอภิธรรมศพ นางทองสุข นาวาวิจิต มารดา พลเรือเอก ชาตร์ นาวาวิจิต ข้าราชการบำนาญ ณ ศาลา ๒ วัดมกุฎกษัตริยาราม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ ๒๔ ถึงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๙.๐๐ น. และกำหนดพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๗.๐๐ น. (ที่มา : ศปก.ทร.)

หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี

 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กำหนดจัดพิธีทอดกฐินสามัคคี ประจำปี ๒๕๕๕ ณ วัดแสนตุ้ง ตำบลแสนตุ้ง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด เพื่อสมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ ในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๐.๐๐ น.
ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพในการถวายผ้ากฐิน ตามวัน เวลา และสถานที่หรือบริจาคร่วมการกุศลได้ที่ กองการเงิน กองบัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ๒๐๑๘๐ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๖๑๑๐๐ หรือ ๐๓๘ ๔๓๗ ๗๗๒ หรือบริจาคผ่านธนาคารทหารไทย สาขาสัตหีบ บัญชีออมทรัพย์ชื่อ "เงินกฐิน นย." หมายเลขบัญชี ๓๐๒ - ๒ - ๖๐๘๐๐ - ๘ (ที่มา : นย.)

กองทัพเรือ ขอเชิญชมสารคดีชุด "เรือพระราชพิธี"

กองทัพเรือ ขอเชิญชวนข้าราชการ ทหาร ลูกจ้าง และครอบครัวรับชมสารคดีชุด "เรือพระราชพิธี" ซึ่งจะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ถึงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ระหว่างเวลา ๐๘.๕๕ - ๐๙.๐๐ น. ของทุกวัน เว้นวันหยุด ราชการ
(ที่มา : คณะกรรมการจัดทำสารคดีฯ)

เรือใบฝึก KRI Dewaruci เสร็จสิ้นภารกิจเดินทางรอบโลก

 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เรือใบฝึก KRI Dewaruci ของกองทัพเรืออินโดนีเซีย เสร็จสิ้นภารกิจเดินทางฝึก นักเรียนนายเรือรอบโลก นำโดย นาวาโท Haris Milky Bayuseto ผู้บังคับการ เรือใบฝึก KRI Dewaruci และเดินทางกลับถึงท่าเรือ Koarmatim Ujung เมืองสุราบายา แล้ว ทั้งนี้ เรือ KRI Dewaruci เริ่มออกเดินทางเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นการเดินทางครั้งที่ ๔๔ เป็นระยะทาง ๒๗,๐๐๖ ไมล์ทะเล และหยุดพัก ใน ๒๑ ประเทศ ทั้งในทวีปเอเชีย ทวีปแอฟริกา ทวีปอเมริกา และทวีปยุโรป (ที่มา : ขว.ทร.)

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย จัดงานวันคนพิการ

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดจัดงานวันคนพิการ ครั้งที่ ๔๗ ประจำปี ๒๕๕๕ ณ สวนอัมพร ในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ระหว่างเวลา ๐๘.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. และได้จัดทำผลิตภัณฑ์รูปแบบต่าง ๆ จาก "ดอกแก้วกัลยา" ขึ้นจำหน่ายในโอกาสงานวันคนพิการ เพื่อนำรายได้ไปดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมอาชีพคนพิการในองค์กรคนพิการทั่วประเทศ
ดอกแก้วกัลยาเป็นดอกไม้ประดิษฐ์โดยฝีมือคนพิการ ซึ่ง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามให้ และพระราชทานพระอนุญาตให้ใช้เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของคนพิการทั่วประเทศ โดยผลิตภัณฑ์จากดอกแก้วกัลยาที่จัดทำเพื่อจำหน่ายในปีนี้ มีตั้งแต่ราคา ๒๐ บาท ถึง ๒,๕๐๐ บาท ได้แก่ ดอกเดี่ยว ปากกาแก้วกัลยา ช่อกลัดเสื้อ ช่อกลัดเสื้อพร้อมกล่อง สมุดโน้ตแก้วกัลยา กระเช้าจิ๋ว ตะกร้าเล็ก กระเช้าใหญ่ แจกันแก้ว พานพุ่มเล็ก พานพุ่มใหญ่ ผ้าฝ้ายพิมพ์ลายดอกแก้วกัลยา และผ้าป่านพิมพ์ลายดอกแก้วกัยลา
ขอเชิญชวนผู้สนใจซื้อผลิตภัณฑ์รูปแบบต่าง ๆ จากดอกแก้วกัลยา ได้ที่ สำนักส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคนพิการ สภาสังคมสงเคราะห์ ฯ อาคาร สว. หลังสถานีรถไฟสามเสน ถนนเทอดดำริ เขตดุสิต กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๑ ๕๑๒๕, ๐ ๒๖๖๘ ๓๒๕๕ (ที่มา : สภาสังคมสงเคราะห์ฯ)

กองทัพเรือ จัดงานแถลงข่าวการจัดงานพระราชพิธีฯ

วันนี้ (๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เวลา ๑๔.๐๐ น. พลเรือเอก สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานแถลงข่าวการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยมี พลเรือโท พจนา เผือกผ่อง ประธานกรรมการเตรียมการจัดงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ฯ และรองเสนาธิการทหารเรือ เป็นผู้ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องชมวัง อาคารราชนาวิกสภา หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ภายในงานจัดให้มีการแสดงสาธิตการเห่เรือและนิทรรศการภาพถ่ายการเตรียมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ฯ ทั้งนี้ เพื่อให้สื่อมวลชนได้รับทราบรายละเอียดและนำไปประชาสัมพันธ์การจัดงานพระราชพิธี ฯ ให้แพร่หลายสู่ประชาชนต่อไป
ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กองทัพเรือรับผิดชอบการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ นับเป็นครั้ง ๑๖ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งกองทัพเรือได้จัดเตรียมเรือพระราชพิธี จำนวน ๕๒ ลำ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่ง ๔ ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เรือรูปสัตว์ จำนวน ๑๒ ลำ พร้อมด้วยเรือพระราชพิธีอื่น ๆ อีก จำนวน ๓๙ ลำ โดยใช้กำลังพลจากหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือเป็นฝีพายประจำเรือพระราชพิธีและกำลังพลในส่วนอื่น ๆ จำนวน ๒,๓๑๑ นาย
การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ ได้มีการประพันธ์กาพย์เห่เรือขึ้นมาใหม่ ชื่อว่า กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ประพันธ์โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย ข้าราชการบำนาญ สังกัดกองทัพเรือ มีทั้งสิ้น ๓ บท ได้แก่ บรรสรรเสริญพระบารมี บทชมเมือง และบทชมเรือขบวน โดยมี นาวาโท ณัฐวัฎ อร่ามเกลื้อ เป็นพนักงานเห่
ในส่วนของการเตรียมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ได้ใช้ระยะเวลาในการเตรียมการนานกว่า ๙ เดือน เพื่อทำการฝึกซ้อมฝีพาย โดยช่วงปลายเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นการซ้อมย่อยเป็นรูปขบวนในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สะพานพระราม ๘ ถึง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ส่วนการซ้อมใหญ่เสมือนจริงจะมีขึ้นในวันที่ ๒ และวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยเรือจะเริ่มตั้งขบวนที่บริเวณสะพานพระราม ๘ เวลา ๑๕.๐๐ น. และจะเคลื่อนขบวนมาถึงท่าเรือวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น. ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถรับชมการฝึกซ้อมได้บริเวณพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีจุดหลัก ๆ ที่สามารถรับชม ได้แก่ สวนหลวงพระราม ๘ (เชิงสะพานพระราม ๘ ฝั่งธนบุรี) สวนสันติชัยปราการ (ถนนพระอาทิตย์) สถานีรถไฟธนบุรี (เดิม) และสวนนาคราภิรมย์ (ท่าเตียน) (ที่มา : สลก.ทร.)

พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเรือเอก ชุมพล ปัจจุสานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ วางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันปิยมหาราช ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๔.๐๐ น. โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการกองทัพเรือ และประชาชน เข้าร่วมพิธี ทั้งนี้ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงปกครองอาณาประชาราษฎร์ให้ร่มเย็นเป็นสุข ทั้งยังทรงสนพระทัยในวิทยาการแขนงต่าง ๆ เพื่อนำมาพัฒนาประเทศวันนี้
วันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ ๒๓ ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระปิยมหาราช" ซึ่งมีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน" ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ ๒๓ ตุลาคม เป็น "วันปิยมหาราช" โดยหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งราชการและภาคเอกชนจะพร้อมใจกันประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีการจัดเป็นส่วนกลางที่พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลานพระราชวังดุสิต
สำหรับพื้นที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า นับเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นใน รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อป้องกันการรุกรานจากเรือรบของต่างชาติ โดยงบประมาณในการสร้างนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเงินงบประมาณรายได้ของแผ่นดิน และ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐ ชั่ง เพื่อสมทบการก่อสร้าง ซึ่งในเวลาต่อมา ป้อมพระจุลจอมเกล้าได้มีบทบาทสำคัญในการปกป้องรักษาและอธิปไตยของประเทศจากเหตุการณ์ ร.ศ.๑๑๒ ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๕ กองทัพเรือและภาคเอกชน ได้ร่วมกันดำเนินการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณด้านหน้าป้อมพระจุลจอมเกล้า เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณและพระกรุณาธิคุณ โดยพระบรมรูปที่จัดสร้างฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมพลเรือสวมพระมาลา มีขนาดสูง ๔.๒๐ เมตร หรือ ๒ เท่าครึ่งของพระองค์จริง ส่วนฐานของพระบรมรูปมีขนาด ๙๓๕ ตารางเมตร ใต้ฐานของพระบรมรูปได้จัดเป็นห้องโถงไว้ภายในเพื่ออำนวยประโยชน์สำหรับกิจการต่าง ๆ ของกองทัพเรือ และจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลจอมเกล้า โดยเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๓๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ (ที่มา : สลก.ทร.)