วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมนำ
มาปฏิบัติ
มีอยู่สี่ประการ ประการแรกคือ การรักษาสัจ
ความจริงใจต่อตัวเองที่จะประพฤติปฏิบัติ
แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม ประการที่สองคือ
การรู้จักข่มใจตนเอง
ฝึกใจตนเองให้ประพฤติอยู่ในความสัจ ความดีนั้น
ประการที่สามคือ
การอดทน อดกลั้น และอดออม
ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด
ประการที่สี่คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต
และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง
คุณธรรมสี่ประการนี้
ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้วจะช่วยให้
ประเทศชาติบังเกิดความสุข
ความร่มเย็น
และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์"
พิธีเปิดการประชุมสัมมนาผู้เกษียณอายุราชการและการขอรับสิทธิกำลังพลที่จะเกษียณอายุพื้นที่กรุงเทพมหานครปริมณฑล และภาคใต้
วันนี้ (๓ มิถุนายน
๒๕๕๘) เวลา ๐๙.๐๐ น. พลเรือตรี อรรถพร บรมสุข ผู้อำนวยการสำนักบริการและสิทธิกำลังพล
เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาผู้เกษียณอายุราชการและดำเนินการขอรับสิทธิกำลังพลให้แก่ข้าราชการที่จะเกษียณอายุ
ใน ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ สำหรับผู้ที่สังกัดหน่วยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ปริมณฑล และภาคใต้ ณ อาคาร นันทอุทยานสโมสร ชั้น ๒ ฐานทัพเรือกรุงเทพ
ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
กรมกำลังพลทหารเรือ จัดการประชุมสัมมนาผู้เกษียณอายุราชการและดำเนินการขอรับสิทธิกำลังพลให้แก่ข้าราชการที่จะเกษียณอายุ ใน ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ที่สังกัดหน่วยในพื้นที่ภาคตะวันออก พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคใต้ โดยจัดให้มีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิกำลังพลในหัวข้อต่าง ๆ โดยวิทยากรจากกรมการเงินทหารเรือ บรรยายเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญ, กรมแพทย์ทหารเรือ บรรยายเกี่ยวกับการเสริมสร้างสุขภาพในผู้สูงอายุ และกรมสวัสดิการทหารเรือ บรรยายเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์เงินฌาปนกิจและสิทธิทหารผ่านศึก (ที่มา : กพ.ทร.)
กรมกำลังพลทหารเรือ จัดการประชุมสัมมนาผู้เกษียณอายุราชการและดำเนินการขอรับสิทธิกำลังพลให้แก่ข้าราชการที่จะเกษียณอายุ ใน ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ที่สังกัดหน่วยในพื้นที่ภาคตะวันออก พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคใต้ โดยจัดให้มีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิกำลังพลในหัวข้อต่าง ๆ โดยวิทยากรจากกรมการเงินทหารเรือ บรรยายเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญ, กรมแพทย์ทหารเรือ บรรยายเกี่ยวกับการเสริมสร้างสุขภาพในผู้สูงอายุ และกรมสวัสดิการทหารเรือ บรรยายเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์เงินฌาปนกิจและสิทธิทหารผ่านศึก (ที่มา : กพ.ทร.)
บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม เรื่อง "ชาวนากับก้อนหิน"
กองอนุศาสนาจารย์
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรม
ในการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท
สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง "ชาวนากับก้อนหิน"
มีเรื่องเล่าว่า ขณะที่ชาวนาคนหนึ่งกำลังตัดฟืนอยู่ที่หลังเขา เขาได้พบทางเล็ก ๆ สายหนึ่งโดยบังเอิญ ด้วยความสงสัยเขาจึงได้เดินเลาะไปตามทางนั้น ซึ่งคดเคี้ยวไปมาจนถึงยอดเขา เป็นที่ราบโล่ง ทุ่งหญ้าเขียวขจี มีดอกไม้ป่าบานสะพรั่งอยู่เต็มไปหมด บรรยากาศสงบสงัดและทัศนียภาพงดงามยิ่งนัก เขาเดินต่อไปได้อีกครู่หนึ่งก็พบสระน้ำแห่งหนึ่ง น้ำใสจนสามารถมองเห็นปลาว่ายไปมาได้อย่างชัดเจน ที่ริมสระมีหินหลากสีสันจำนวนมากส่งประกายระยิบระยับ งดงาม ชาวนาคนนั้นเคยได้ยินคนเล่าถึงเรื่องอัญมณี แต่ไม่รู้จริง ๆ ว่าอัญมณีที่ว่านั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร เขาคาดคะเนว่า หินที่งดงามเหล่านี้คงจะเป็นอัญมณีเป็นแน่ ในที่สุดก็เลือกเอาหินที่สวยที่สุดก้อนหนึ่งนำกลับบ้าน วันรุ่งขึ้น เขาได้นำหินก้อนนั้นไปให้เจ้าของร้านอัญมณีดู เจ้าของร้านอัญมณีพินิจพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้ว บอกเขาว่า "นี่เป็นอัญมณีที่ล้ำค่าหายากชนิดหนึ่ง แกขายให้ฉันก็แล้วกันฉันให้ราคา ๑ หมื่นเหรียญ" ชาวนาได้ยินคำพูดนั้นแล้วตอบว่า "ตอนนี้ฉันยังไม่ขายหรอก พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีกทีก็แล้วกัน" พอกลับถึงบ้านก็ชักชวนญาติพี่น้องขึ้นเขาไปขนก้อนหินลงมาได้มา ๒ กระสอบใหญ่ แล้วเข้าไปในเมืองด้วยกระหยิ่มใจว่าคราวนี้จะต้องร่ำรวยมหาศาล แต่พอเจ้าของร้านอัญมณีเห็นหินเหล่านั้นกลับยิ้มอย่างเย็นชา พลางบอกกับเขาว่า "หิน ๒ กระสอบใหญ่นี้ ฉันให้ราคา ๑ เหรียญ เอาไหม"
จากเรื่องเล่านี้ทำให้ได้แง่คิดทางธรรมว่า "สิ่งดีที่มากเกินก็อาจทำให้ดูด้อยค่า" เพราะโดยทั่วไปคนเรามักตัดสินใจให้ค่านิยมเรื่องต่าง ๆ ด้วยองค์ประกอบสำคัญ ๒ ประการ คือ ด้วยเหตุผลและด้วยอารมณ์ ตัวอย่างเช่น อาหารแม้มีสารอาหารครบถ้วนบริบูรณ์ แต่ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ค่อยมีใครอยากรับประทาน ตรงกันข้าม อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการพอประมาณ แต่มีรสชาติอร่อย ผู้คนกลับนิยมชมชอบ เป็นต้นเมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว ในการติดต่อสัมพันธ์กับคนทั้งหลาย เราจึงต้องคำนึงถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายหนึ่งให้มาก ๆ เช่นกัน จะคิดแต่เพียงว่าเราเป็นฝ่ายถูก เพียงเท่านั้นไม่ได้ต้องมีศิลปะในการนำเสนอ รู้จังหวะจะโคน รู้กาลเทศะ บางครั้งเรื่องดี ๆ แต่เสนอมากไป พูดมากไป อาจถูกแปลเจตนาผิด หวังดีเลยกลายเป็นประสงค์ร้าย หรือถูกมองเป็นของไร้ค่าไปเหมือนเรื่องชาวนากับก้อนหินนี้ก็เป็นได้ (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)
มีเรื่องเล่าว่า ขณะที่ชาวนาคนหนึ่งกำลังตัดฟืนอยู่ที่หลังเขา เขาได้พบทางเล็ก ๆ สายหนึ่งโดยบังเอิญ ด้วยความสงสัยเขาจึงได้เดินเลาะไปตามทางนั้น ซึ่งคดเคี้ยวไปมาจนถึงยอดเขา เป็นที่ราบโล่ง ทุ่งหญ้าเขียวขจี มีดอกไม้ป่าบานสะพรั่งอยู่เต็มไปหมด บรรยากาศสงบสงัดและทัศนียภาพงดงามยิ่งนัก เขาเดินต่อไปได้อีกครู่หนึ่งก็พบสระน้ำแห่งหนึ่ง น้ำใสจนสามารถมองเห็นปลาว่ายไปมาได้อย่างชัดเจน ที่ริมสระมีหินหลากสีสันจำนวนมากส่งประกายระยิบระยับ งดงาม ชาวนาคนนั้นเคยได้ยินคนเล่าถึงเรื่องอัญมณี แต่ไม่รู้จริง ๆ ว่าอัญมณีที่ว่านั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร เขาคาดคะเนว่า หินที่งดงามเหล่านี้คงจะเป็นอัญมณีเป็นแน่ ในที่สุดก็เลือกเอาหินที่สวยที่สุดก้อนหนึ่งนำกลับบ้าน วันรุ่งขึ้น เขาได้นำหินก้อนนั้นไปให้เจ้าของร้านอัญมณีดู เจ้าของร้านอัญมณีพินิจพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้ว บอกเขาว่า "นี่เป็นอัญมณีที่ล้ำค่าหายากชนิดหนึ่ง แกขายให้ฉันก็แล้วกันฉันให้ราคา ๑ หมื่นเหรียญ" ชาวนาได้ยินคำพูดนั้นแล้วตอบว่า "ตอนนี้ฉันยังไม่ขายหรอก พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีกทีก็แล้วกัน" พอกลับถึงบ้านก็ชักชวนญาติพี่น้องขึ้นเขาไปขนก้อนหินลงมาได้มา ๒ กระสอบใหญ่ แล้วเข้าไปในเมืองด้วยกระหยิ่มใจว่าคราวนี้จะต้องร่ำรวยมหาศาล แต่พอเจ้าของร้านอัญมณีเห็นหินเหล่านั้นกลับยิ้มอย่างเย็นชา พลางบอกกับเขาว่า "หิน ๒ กระสอบใหญ่นี้ ฉันให้ราคา ๑ เหรียญ เอาไหม"
จากเรื่องเล่านี้ทำให้ได้แง่คิดทางธรรมว่า "สิ่งดีที่มากเกินก็อาจทำให้ดูด้อยค่า" เพราะโดยทั่วไปคนเรามักตัดสินใจให้ค่านิยมเรื่องต่าง ๆ ด้วยองค์ประกอบสำคัญ ๒ ประการ คือ ด้วยเหตุผลและด้วยอารมณ์ ตัวอย่างเช่น อาหารแม้มีสารอาหารครบถ้วนบริบูรณ์ แต่ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ค่อยมีใครอยากรับประทาน ตรงกันข้าม อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการพอประมาณ แต่มีรสชาติอร่อย ผู้คนกลับนิยมชมชอบ เป็นต้นเมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว ในการติดต่อสัมพันธ์กับคนทั้งหลาย เราจึงต้องคำนึงถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายหนึ่งให้มาก ๆ เช่นกัน จะคิดแต่เพียงว่าเราเป็นฝ่ายถูก เพียงเท่านั้นไม่ได้ต้องมีศิลปะในการนำเสนอ รู้จังหวะจะโคน รู้กาลเทศะ บางครั้งเรื่องดี ๆ แต่เสนอมากไป พูดมากไป อาจถูกแปลเจตนาผิด หวังดีเลยกลายเป็นประสงค์ร้าย หรือถูกมองเป็นของไร้ค่าไปเหมือนเรื่องชาวนากับก้อนหินนี้ก็เป็นได้ (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)
ขอเชิญร่วมบริจาคเงินสมทบทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละในจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่รับผิดชอบกองทัพเรือ
กองทัพเรือ
ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละใน
จังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่รับผิดชอบกองทัพเรือ
ในกิจกรรมคอนเสิร์ต "Giving Love Giving Life 2" ณ
หอประชุมกองทัพเรือ
แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๒๕
มีนาคม
๒๕๕๘ โดยบริจาคได้ที่ กรมการเงินทหารเรือ
กองบัญชาการกองทัพเรือ
แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕
๔๘๘๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๔๗๕ ๕๕๕๗
หรือโอนเงินเข้าธนาคารทหารไทย
จำกัด (มหาชน) สาขา กองบัญชาการกองทัพเรือ ชื่อบัญชี
"Giving
Love Giving Life 2" หมายเลขบัญชี ๑๑๕ - ๒ - ๑๙๙๙๙ - ๖
และขอความกรุณาส่งสำเนาใบโอนเงิน
พร้อมหนังสือแสดงความจำนงบริจาคไปยังหมายเลขโทรสาร ๐
๒๔๗๕ ๕๕๕๗
เขียนชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ
(ที่มา : กพร.ทร.)
กองทัพเรือและกองทัพเรืออินโดนีเซีย ทำการฝึกผสม SEA GARUDA 2015 เพื่อยกระดับความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดี
กองทัพเรือและกองทัพเรืออินโดนีเซีย
ทำการฝึกผสม SEA GARUDA 2015
เป็นการฝึกผสมทางเรือระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรืออินโด
นีเซีย โดยการฝึกผสม SEA GARUDA ระหว่างทั้ง ๒
ประเทศนี้จะมีการผลัดเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพให้มีการฝึกปีเว้นปี
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการยกระดับความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดี
ตลอดจนการปฏิบัติงานของกองทัพเรือทั้งสองฝ่าย
รวมทั้งเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์
ความรู้ความชำนาญ
และพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง
ๆ ร่วมกัน สำหรับในปี ๒๕๕๘ นี้ นับเป็นครั้งที่ ๑๘ ที่มี
กองเรือฟริเกตที่
๑ กองเรือยุทธการ เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบการฝึกมี
พลเรือตรี สานนท์
ผะเอม ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ ๑ กองเรือยุทธการ
เป็นผู้อำนวยการฝึกผสม
SEA GARUDA 2015 และมี นาวาเอก ไพศาล มีศรี
เสนาธิการกองเรือฟริเกตที่
๑ กองเรือยุทธการ เป็นผู้บังคับหมู่เรือฝึกผสม ฯ
โดยมีนายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวนในสังกัดกองเรือยุทธการเข้าร่วมการ
ฝึก
ทำการฝึกในพื้นที่อ่าวไทย ระหว่างวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ถึง ๙
มิถุนายน
๒๕๕๘ รวมระยะเวลาในการฝึก ๑๓ วัน มีหัวข้อการฝึกที่สำคัญ
ประกอบด้วย
การปฏิบัติการรบผิวน้ำ การป้องกันภัยทางอากาศ
การปราบเรือดำน้ำ
การยิงอาวุธประจำเรือ การรับ-ส่งสิ่งของในทะเล
และการฝึกประลองยุทธ์
การจัดกำลังกองทัพเรือไทย ประกอบด้วยเรือและอากาศยาน ได้แก่ เรือหลวงมกุฎราชกุมาร เรือหลวงรัตนโกสินทร์ และเรือหลวงสุโขทัย รวมทั้งอากาศยานอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนกำลังกองทัพเรืออินโดนีเซีย ประกอบด้วย เรือฟริเกต จำนวน ๒ ลำ เรือ KRI USman Harun และ KRi Sultan Hasanudin รวมทั้งอากาศยานอีกจำนวนหนึ่ง
การฝึกผสม SEA GARUDA 2015 ในครั้งนี้ จะทำให้กำลังพลที่เข้าร่วมฝึกทั้งสองประเทศ ได้รับการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ความชำนาญในยุทธวิธี และการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาขีดความสามารถขององค์บุคคล องค์วัตถุ องค์ยุทธวิธี รวมทั้งเป็นการดำรงความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองกำลังทางเรือทั้งสองประเทศที่เข้าร่วมการฝึก ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันของมิตรประเทศทั้งสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะมีพิธีปิดการฝึกวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๔.๐๐ น. บนเรือหลวงมกุฎราชกุมาร (ที่มา : ยก.ทร.)
การจัดกำลังกองทัพเรือไทย ประกอบด้วยเรือและอากาศยาน ได้แก่ เรือหลวงมกุฎราชกุมาร เรือหลวงรัตนโกสินทร์ และเรือหลวงสุโขทัย รวมทั้งอากาศยานอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนกำลังกองทัพเรืออินโดนีเซีย ประกอบด้วย เรือฟริเกต จำนวน ๒ ลำ เรือ KRI USman Harun และ KRi Sultan Hasanudin รวมทั้งอากาศยานอีกจำนวนหนึ่ง
การฝึกผสม SEA GARUDA 2015 ในครั้งนี้ จะทำให้กำลังพลที่เข้าร่วมฝึกทั้งสองประเทศ ได้รับการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ความชำนาญในยุทธวิธี และการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาขีดความสามารถขององค์บุคคล องค์วัตถุ องค์ยุทธวิธี รวมทั้งเป็นการดำรงความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองกำลังทางเรือทั้งสองประเทศที่เข้าร่วมการฝึก ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันของมิตรประเทศทั้งสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะมีพิธีปิดการฝึกวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๔.๐๐ น. บนเรือหลวงมกุฎราชกุมาร (ที่มา : ยก.ทร.)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)