วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"ทุกวันนี้ ประเทศไทยยังมีทรัพยากรพร้อมมูล ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรบุคคล ซึ่งเราสามารถนำมาใช้เสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ และเสถียรภาพอันถาวรของบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ข้อสำคัญ เราต้องรู้จักใช้ทรัพยากรนั้นอย่างฉลาด คือไม่นำมาทุ่มเทใช้ให้เปลืองไปโดยไร้ประโยชน์ หรือได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า หากแต่การระมัดระวังใช้ด้วยความประหยัดรอบคอบ ประกอบด้วย ความคิดพิจารณาตามหลักวิชา เหตุผล และความถูกต้องเหมาะสม โดยมุ่งถึงประโยชน์แท้จริงที่จะเกิดแก่ประเทศชาติ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันยืนยาว"
          พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๒๙

กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ต้อนรับ ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ ๕ กองทัพบกราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์

วันนี้ (๗ มกราคม ๒๕๕๗) เวลา ๐๙.๐๐ น. พลเรือโท สมศักดิ์ พยัคคง ที่ปรึกษากองทัพเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ วางพวงมาลาในนามของกองทัพเรือถวายราชสักการะพระบวรราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ประจำปี ๒๕๕๘ ณ พระบวรราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โดยมีข้าราชการของหน่วยในพื้นที่กรุงเทพ ฯ เข้าร่วมพิธี (ที่มา : พร.)

กิจการกีฬา ฐานทัพเรือกรุงเทพ บริการรถจักรยานแก่กำลังพลเพื่อออกกำลังกาย ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

กิจการกีฬา ฐานทัพเรือกรุงเทพ ได้จัดรถจักรยานไว้สำหรับบริการกำลังพลกองทัพเรือ ออกกำลังกายโดยการปั่นจักรยาน เพื่อเสริมสร้างสุขภาพภายในพื้นที่วังนันทอุทยาน โดยเตรียมรถจักรยาน จำนวน ๑๐ คัน ไว้คอยให้บริการ คิดค่าบริการชั่วโมงแรก ๒๐ บาท ชั่วโมงต่อไป ๑๐ บาท หลักฐานการเช่ารถใช้บัตรประจำตัวข้าราชการ ลูกจ้างกองทัพเรือ หรือบัตรประจำตัวประชาชน
          ขอเชิญชวนข้าราชการ และลูกจ้าง ปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพดี ชีวิตเป็นสุข กับ กิจการกีฬา ฐานทัพเรือกรุงเทพ ติดต่อขอใช้บริการรถจักรยานได้ที่ สนามไดร์ฟกอล์ฟ ฐานทัพเรือกรุงเทพ ระหว่างเวลา ๐๖.๐๐ น. - ๒๐.๐๐ น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ (ที่มา : ฐท.กท.)

บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม เรื่อง "ธรรมะในงาน"

กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ จัดทำ บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรมในการ ดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความ ไม่ประมาท สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง "ธรรมะในงาน"
        คำว่า งาน ในความหมายที่เข้าใจง่ายที่สุดคือ "การทำหน้าที่ของชีวิต" ดังจะเห็นได้จากในแต่ละวัน ชีวิตคนเราจะเกี่ยวข้องกับการทำงาน หรืออยู่ในโลกของการทำงานเกือบ ๒๔ ชั่วโมง คนที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน มีทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ ได้รับการยกย่องจากผู้คนทั้งในระดับสังคม ประเทศ หรือระดับโลก ก็ล้วนแต่เกิดจากการทำงานทั้งสิ้น ซึ่งสอดรับกับคำกล่าวที่ว่า "คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน" ส่วนคำว่า ธรรมะ ในความหมายที่ใกล้ตัว และเกี่ยวเนื่องกับงาน ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ ที่ทุกคนต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามกฎธรรมชาติ ทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการของเขา เพื่อความมีชีวิตอยู่อย่างผาสุก ทั้งโดยส่วนตัวและส่วนรวมหรือทั้งโลก
         ความหมายโดยรวม งานกับธรรมะ ทำหน้าที่คาบเกี่ยวกัน งานก็คือธรรมะ ธรรมะก็คืองาน แต่ถ้าแยกพิจารณา งาน คือ การทำหน้าที่ของชีวิต ซึ่งดำเนินไปตามกลไกหรือกฎเกณฑ์ตามธรรมชาติ ในขณะที่ธรรมะ เป็นตัวกำกับควบคุมงาน คือ การทำหน้าที่ของชีวิต ให้เป็นไปโดยถูกต้อง สมบูรณ์เรียบร้อยอีกชั้นหนึ่ง ทั้งยังช่วยส่งเสริมให้การทำงานสัมฤทธิ์ผล เกิดประโยชน์และความสุขมากที่สุด โดยสรุปธรรมะในงาน ก็คือ การทำหน้าที่ของชีวิตให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเกิดสัมฤทธิผลมากที่สุด นั่นเอง
         การทำงานของคนทุกเพศทุกวัยในทุกระดับจะสำคัญหรือไม่ก็ตาม ล้วนนับเนื่องในการทำหน้าที่ของชีวิตทั้งสิ้น เปรียบเสมือนเป็นชิ้นส่วนฟันเฟืองที่จะช่วยกันขับเคลื่อนโลกให้หมุนไปตาม กลไกธรรมชาติ แต่จะสำเร็จหรือล้มเหลว มีผลดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่า ใส่ธรรมะลงไปในงานหรือไม่ ถ้าใส่ธรรมะในงาน ใช้ธรรมะเป็นเครื่องมือยกระดับการทำงานให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นอกจากธรรมะจะช่วยกำกับควบคุมให้การทำงานถูกต้อง สำเร็จ สมบูรณ์แล้ว ยังช่วยคุ้มครองรักษาไม่ให้ผู้ทำงานเกิดทุกข์ โทษ ภัย ไปพร้อมกันอีกด้วย
         เกี่ยวกับเรื่องนี้มีพุทธภาษิตรองรับสนับสนุนว่า "อะธัมโม จะ วินาโส ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง แปลความว่า การทำหน้าที่โดยไม่ถูกต้องนับเป็นความพินาศเอง การทำหน้าที่โดยถูกต้องนั่นแหละย่อมรักษาผู้ทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ" และสอดรับกับที่รัชกาลที่ ๕ ทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทโคลงไว้ว่า "สุจริตคือ เกราะบัง ศาสตรพ้อง" นั่นเอง (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)

กรมการขนส่งทางบก ขยายอายุใบอนุญาตขับรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ชนิดชั่วคราว จาก ๑ ปี เป็น ๒ ปี อัตราค่าธรรมเนียมเท่าเดิม

กรมการขนส่งทางบก ปรับปรุงขยายอายุใบอนุญาตชนิดชั่วคราว จากเดิมมีอายุเพียง ๑ ปี ปรับเพิ่มให้มีอายุ ๒ ปี มีผลบังคับใช้กับใบอนุญาตขับรถที่ขอรับตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
        ปัจจุบันใบอนุญาตขับรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ชนิดชั่วคราวมีอายุ เพียง ๑ ปี และเมื่อครบกำหนดผู้ได้รับใบอนุญาตจะต้องดำเนินการขอเปลี่ยนเป็นใบอนุญาตขับ รถส่วนบุคคลซึ่งมีอายุ ๕ ปี ทันทีแม้จะกำหนดให้สามารถขอเปลี่ยนชนิดใบอนุญาตได้ก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ ๖๐ วัน แต่ยังคงพบปัญหาผู้ได้รับใบอนุญาตบางรายไม่สามารถมาดำเนินการเปลี่ยนได้ทัน ภายในเวลาที่กำหนด ทำให้ไม่สามารถขับรถได้ตามกฎหมาย ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น กรมการขนส่งทางบกจึงได้ปรับปรุงขยายอายุใบอนุญาตชนิดชั่วคราว ประกอบด้วย ใบอนุญาตรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลชั่วคราว และรถจักรยานยนต์ชั่วคราว จากเดิมซึ่งมีอายุเพียง ๑ ปี ปรับเพิ่มให้มีอายุ ๒ ปี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้กับใบอนุญาตขับรถที่ขอรับตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป โดยมีอัตราค่าธรรมเนียมฉบับละ ๑๐๐ บาท ค่าคำขอ ๕ บาท เท่ากับอัตราเดิม ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราวที่มีอายุ ๒ ปี สามารถดำเนินการขอเปลี่ยนชนิดใบอนุญาตเป็นใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลที่มีอายุ ๕ ปี ได้ นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราวครบ ๑ ปี
         สำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวก่อนวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีอายุใบอนุญาต ๑ ปี ยังคงต้องติดต่อขอเปลี่ยนเป็นอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (อายุ ๕ ปี) ภายในกำหนดเดิม คือ เมื่อครบ ๑ ปี หรือก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ ๖๐ วัน
          การปรับเพิ่มอายุใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราว จะเป็นการเพิ่มประโยชน์และขยายโอกาสให้ผู้ได้รับใบอนุญาตให้มีเวลาในการดำเนินการขอเปลี่ยนชนิดใบอนุญาตมากขึ้น และมีระยะเวลาในการดำเนินการขอเปลี่ยนชนิดใบอนุญาตนานถึง ๑ ปี โดยจัดเก็บอัตราค่าธรรมเนียมเท่าอัตราเดิม ๑๐๕ บาท หากประสงค์ขอรับเป็นบัตรพลาสติก (สมาร์ทการ์ด) จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่ม ๑๐๐ บาท ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ได้ทันทีในประเทศสมาชิกอาเซียน ๑๐ ประเทศ รวมถึงเกณฑ์การทดสอบต่าง ๆ ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานเดิมของกรมการขนส่งทางบก (ที่มา : กรมการขนส่งทางบก)

กองทัพเรือ ขอเชิญชมการแสดงคอนเสิร์ตการกุศล "Giving Love Giving Life 2"

กองทัพเรือ ขอเชิญชมการแสดงคอนเสิร์ตการกุศล "Giving Love Giving Life 2" รายได้นำเข้าสมทบทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่รับผิดชอบ กองทัพเรือ ในวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ หอประชุมกองทัพเรือ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร คอนเสิร์ตในครั้งนี้มีศิลปินมากมาย เช่น พลเรือโท สรวงสรร พินทุสมิต, เรือตรีสันติ ลุนเผ่, คุณทิพวรรณ ปิ่นภิบาล, คุณจิ๊บ วสุ แสงสิงแก้ว, คุณหรั่ง ร็อคเคสตร้า, คุณเต๋า สมชาย เข็มกลัด, พลพล พลกองเส็ง, คุณบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, คุณป๊อปปี้ K-Otic, คุณหลง ลงลาย และนักร้องจากกองดุริยางค์ทหารเรือ รวมทั้งน้อง ๆ เยาวชนจาก ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมขับร้องในเพลงที่คัดมาพิเศษ
         ผู้ที่มีความประสงค์ในการรับบัตรเข้าชมคอนเสิร์ต จำนวน ๒ ใบ ในกรณีบริจาคตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาท ขึ้นไป, บัตรชมคอนเสิร์ต จำนวน ๒ ใบ พร้อมเหรียญที่ระลึก กรณีบริจาคตั้งแต่ ๕๐,๐๐๐ บาท ขึ้นไป และ บัตรชมคอนเสิร์ต จำนวน ๔ ใบ พร้อมของที่ระลึก กรณีบริจาคตั้งแต่ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ขึ้นไป สามารถติดต่อ ฝ่ายหารายได้ ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๘๑, ๐๒ ๔๗๕ ๔๔๔๕ และ ๐ ๒๘๙๑ ๑๘๒๖ หรือ ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนช่วยเหลือได้ที่ กรมการเงินทหารเรือ กองบัญชาการกองทัพเรือ แขวงวัดอรุณ เขต บางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๘๘๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๔๗๕ ๕๕๕๗ หรือโอนเงินเข้าธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขา กองบัญชาการกองทัพเรือ ชื่อบัญชี "Giving Love Giving Life 2" หมายเลขบัญชี ๑๑๕ - ๒ - ๑๙๙๙๙ - ๖ และขอความกรุณาส่งสำเนาใบโอนเงิน พร้อมหนังสือแสดงความจำนงบริจาคไปยังหมายเลขโทรสาร ๐ ๒๔๗๕ ๕๕๕๗ เขียนชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ (ที่มา : กพร.ทร.)