วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ รับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗ ทางอินเตอร์เน็ต

 วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ เปิดรับสมัครและสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือนเข้าศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗ ระยะเวลาการศึกษา ๔ ปี โดยเมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหิดล และมีสิทธิสอบเพื่อรับใบอนุญาต เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ สาขาการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จากสภาการพยาบาล โดยผู้สมัครจะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย สายวิทย์ - คณิต หรือกำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เป็นสตรีโสด อายุระหว่าง ๑๗ - ๒๐ ปี มีสัญชาติไทยโดยกำหนด สุขภาพแข็งแรง น้ำหนักไม่น้อยกว่า ๔๕ กิโลกรัม แต่ไม่เกิน ๖๕ กิโลกรัม ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า ๑๕๕ เซนติเมตร BMI ไม่เกิน ๒๕ กิโลกรัม และไม่เป็นโรคที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร หรือไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
          กำหนดรับสมัครทางอินเตอร์เน็ต www.rtncn.ac.th, www.navy.mi.th, www.nmd.go.th ตั้งแต่บัดนี้ ถึง ๑๘ เมษายน ๒๕๕๗ และกำหนดส่งหลักฐานการสมัครทางไปรษณีย์ภายใน ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (ที่มา : วพร.ทร.)

ขอเชิญร่วมชมการแข่งขันมวยการกุศล "THAI FIGHT จักรีนฤเบศร" เพื่อหารายได้เข้ากองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละในจังหวัดชายแดนภาคใต้

 กองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละใน จังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่รับผิดชอบกองทัพเรือ จัดการแข่งขันมวยการกุศล "THAI FIGHT จักรีนฤเบศร" ณ บริเวณท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ ในวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑๗.๓๐ น. - ๒๐.๐๐ น. ทั้งนี้ เพื่อเผยแพร่ศิลปะมวลไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลกและหารายได้เข้า "กองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละในจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่รับผิดชอบ กองทัพเรือ"้
        ขอเชิญผู้ที่สนใจร่วมชมการแข่งขันมวยการกุศล "THAI FIGHT จักรีนฤเบศร" ได้ตามวัน เวลาและสถานที่ดังกล่าว หรือประสงค์ร่วมบริจาคเงินเพื่อกุศล สามารถบริจาคได้ที่ กรมการเงินทหารเรือ กองบัญชาการกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๕๕๑ หรือโอนเงินเข้าธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขา กองบัญชาการกองงทัพเรือ บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี Thai Fight จักรีนฤเบศร เลขที่บัญชี ๑๑๕-๒๑๗๐๘๗-๒ และให้สำเนาใบโอนเงินไปที่โทรสารหมายเลข ๐ ๒๔๗๕ ๕๕๕๗ และธนาณัติสั่งจ่าย กรมการเงินทหารเรือ ปณ.บางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ๑๐๖๐๐ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๖๐ (ที่มา : กพร.ทร.)

พิธีรับมอบเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุด เรือ ต.๑๑๑ ณ ท่าเรือแหลมเทียน

วันนี้ (๒๘ มีนาคม ๒๕๕๗) เวลา ๑๐.๐๙ น. พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีรับมอบเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุด เรือ ต.๑๑๑ ตามโครงการจัดหาเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ ณ ท่าเรือหมายเลข ๕ (LST Ramp) ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก พิจารณ์ ธีรเนตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ, พลเรือโท พัลลภ ตมิศานนท์ ประธานกรรมการร่วมกองทัพเรือ-บริษัทมาร์ซัน จำกัด และรองเสนาธิการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทมาร์ซัน จำกัด ให้การต้อนรับ
         พิธีรับมอบเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุดเรือ ต.๑๑๑ ประกอบด้วย ในช่วงเช้าประกอบพิธีสักการะพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ และพิธีสงฆ์ จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือขึ้นแท่นรับมอบเรือ ฯ มี ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารบริษัท มาร์ซัน จำกัด กล่าวรายงานมอบเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุดเรือ ต.๑๑๑ และผู้บัญชาการทหารเรือมอบเอกสารการส่งมอบเรือ ฯ ให้แก่ พลเรือเอก พิจารณ์ ธีรเนตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เพื่อส่งมอบเรือให้ พลเรือตรี สายันต์ ประสงค์สำเร็จ ผู้บัญชาการกองเรือยามฝั่ง กองเรือยุทธการ ต่อไป
         กองทัพเรือได้ดำเนินโครงการจัดหาเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ จำนวน ๓ ลำ พร้อมระบบสื่อสาร อาวุธ ระบบอื่น ๆ รวมทั้งการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการลาดตระเวน ป้องกันการแทรกซึมในทะเล คุ้มครองเรือประมงและเรือพาณิชย์ ป้องกันและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยและทะเล อันดามัน รักษากฎหมายในทะเลตามอำนาจหน้าที่ที่กองทัพเรือได้รับมอบหมาย และการถวายความปลอดภัยแด่พระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลและชายฝั่ง โดยกองทัพเรือได้ว่าจ้างบริษัท มาร์ซัน จำกัด เป็นผู้ออกแบบและต่อเรือ ซึ่งเรือทั้ง ๓ ลำ ตั้งชื่อว่า "เรือ ต.๑๑๑", "เรือ ต.๑๑๒" และ "เรือ ต.๑๑๓"
           ลักษณะของเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือมีความยาวตลอดลำ ๓๖ เมตร, ความกว้างกลางลำ ๗.๖๐ เมตร, ความลึกกลางน้ำ (Molded Depth) ๓.๖๐ เมตร, เรือกินน้ำลึกเต็มที่ไม่เกิน (Molded Draught) ๑.๗๐ เมตร, ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่น้อยกว่า ๓๖,๐๐๐ ลิตร, ความจุถังน้ำจืด ไม่น้อยกว่า ๕,๖๐๐ ลิตร, มีถังน้ำจืดสำรองความจุ ไม่น้อยกว่า ๘,๐๐๐ ลิตร และมีระวางขับน้ำเต็มที่ ประมาณ ๑๕๐ ตัน
          ขีดความสามารถทั่วไปของเรือดังกล่าวมีความเร็วสูงสุดต่อเนื่องที่ ระวางขับน้ำเต็มที่ไม่ต่ำกว่า ๒๗ นอต, ระยะปฏิบัติการที่ความเร็วเดินทางมัธยัสถ์ ๑๕ นอต ไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ ไมล์ทะเล, สามารถปฏิบัติการในสภาวะทะเลได้ถึง Sea State 5 (ความสูงคลื่น ๒.๕ - ๔ เมตร), สามารถปฏิบัติภารกิจได้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน, ปฏิบัติการทางเรือได้อย่างต่อเนื่องในทะเลได้ไม่น้อยกว่า ๑๐ วัน และสามารถตรวจจับ ติดตาม และพิสูจน์ทราบเป้าผิวน้ำ ได้ด้วยระบบตรวจการณ์ของเรือ นอกจากนี้ สามารถ หยุดยั้ง ขัดขวาง เรือผิวน้ำ และป้องกันตนเองจากข้าศึกได้ตามสมรรถนะของอาวุธประจำเรือ, ตรวจสอบเรือต้องสงสัย ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย, ลาดตระเวนป้องกันการแทรกซึมและคุ้มครองเรือประมงและทรัพยากรธรรมชาติ, เข้าถึงพื้นที่ปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว
           เรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ นอกจากจะมีขีดความสามารถทั่วไปแล้ว ยังมีขีดความสามารถในการสนับสนุนการขนส่งทางธุรการชุดปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเรือยางท้องไฟเบอร์กลาสความเร็วสูง (RIB) อย่างน้อย ๑ ชุด ปฏิบัติการพิเศษ, ลำเลียงอุปกรณ์สนับสนุนหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินและหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตามพื้นที่ชายฝั่งและเกาะต่าง ๆ ลำเลียงอุปกรณ์ปรับความดันบรรยากาศของกองทัพเรือ สนับสนุนการปฏิบัติการด้านการแพทย์ให้กับกองเรือในทะเลตามขีดความสามารถของเรือ และสามารถบรรทุกและรองรับตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน ขนาด ๒๐ ฟุต จำนวน ๒ ตู้ พร้อมกับบรรทุกถังน้ำมันแบบยางขนาด ๕๐๐ แกลลอน จำนวน ๑ ถัง (ที่มา : สยป.ทร.)

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 "การรู้จักประมาณตน ได้แก่ การรู้จักและยอมรับว่าตนเองมีภูมิปัญญาและความสามารถด้านไหน เพียงใด และควรจะทำงานด้านไหน อย่างไร การรู้จักประมาณตนนี้ จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ได้ถูกต้อง เหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวายศึษาหาความรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้ยิ่งสูงขึ้น"
         พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๑