วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

ชีวิตกับดวงอาทิตย์

บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม ปีที่ 29 ฉบับที่ 39 วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน 2553 จัดทำโดย กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ

เสนาธิการทหารเรือ ให้การรับรองผู้ช่วยทูตทหารเยอรมนี ประจำกรุงเทพมหานคร เข้าเยี่ยมคำนับ เพื่ออำลา

        วันนี้ (๒๗ กันยายน ๒๕๕๓) เวลา ๑๐.๐๐ น. พลเรือเอก รพล คำคล้าย เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะผู้แทน ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้การรับรอง พันเอก Peter Gehrhardt ผู้ช่วยทูตทหารเยอรมนี ประจำกรุงเทพ ฯ เข้าเยี่ยมคำนับ เพื่ออำลา ในโอกาสที่ครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย และแนะนำ พันเอก Peter Pauels ผู้ช่วยทูตทหารเยอรมนี ประจำกรุงเทพ ฯ คนใหม่ ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม กรุงเทพมหานคร (ที่มา : ขว.ทร.)

กองทัพเรือและสโมสรลูกเสือสมุทร เตรียมจัดงานชุมนุมลูกเสือ เนตรนารีเหล่าสมุทร ครั้งที่ ๑๔ ต้นเดือนตุลาคม

       กองทัพเรือและสโมสร ลูกเสือสมุทร ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมลูกเสือ เนตรนารีเหล่าสมุทร ครั้งที่ ๑๔ ขึ้น เพื่อรวมพลัง รวมใจ ผู้บังคับบัญชาและลูกเสือ เนตรนารีเหล่าสมุทร เทิดพระเกียรติในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครบ ๖๐ ปี ระหว่าง วันที่ ๑ ถึงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ กองพันต่อสู้อากาศยานที่ ๑๒ ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และโรงเรียนชลกันยานุกูล แสนสุข ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี โดยจะมีลูกเสือ เนตรนารีจากสถานศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศเข้าร่วมงานชุมนุม ฯ
        โครงการงานชุมนุมลูกเสือ เนตรนารีเหล่าสมุทร ที่จัดขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงครบรอบปีที่ ๖๐ แห่งการบรมราชาภิเษก และเพื่อปลูกฝังเยาวชนของชาติให้มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม เสริมสร้างความมีระเบียบวินัย ความอดทน การดำรงชีวิตตามแนวคิดของหลักเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมการทำกิจกรรมร่วมกัน การอยู่ร่วมกันฉันท์พี่น้อง เสริมสร้างมิตรภาพ ภราดรภาพ ก่อให้เกิดความเข้าใจอันดีในมวลหมู่ลูกเสือเหล่าสมุทรด้วยกัน
        ขอเชิญสถานศึกษาที่ประสงค์จะส่งลูกเสือ เนตรนารี เข้าร่วมงานชุมนุม สามารถแจ้งความจำนง พร้อมค่าธรรมเนียม คนละ ๓๕๐ บาท โดยธนาณัติ สั่งจ่าย ปณ. บางกระบือ ๑๐๓๑๐ ในนาม นายวิทธยา บริบูรณ์ทรัพย์ นายกสโมสรลูกเสือสมุทร ส่งไปที่ สมโมสรลูกเสือสมุทร สำนักงานโรงเรียนโยธินบูรณะ ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๑ ๒๘๐๗ (ที่มา : สโมสรลูกเสือสมุทร สำนักงานโรงเรียนโยธินบูรณะ)

กรมประมงทดลองเลี้ยงปลาซ่อนทะเลในกระชังสำเร็จ แต่ยังไม่ส่งเสริมให้เกษตรเลี้ยงเป็นอาชีพ

       อธิบดีกรมประมง ระบุ การทดลองเลี้ยงปลาช่อนทะเลอันดามันประสบความสำเร็จ แต่ยังไม่สามารถ ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงเป็นอาชีพได้เหตุต้นทุนการเลี้ยงสูงและตลาดยังรู้จักไม่แพร่หลาย
       โครงการนำร่องการเลี้ยงปลาช่อนในกระชังขนาดใหญ่บริเวณรอยต่อจังหวัด ภูเก็ตและจังหวัอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เป็นโครงการที่ทางรัฐบาลนอร์เวย์ได้ให้ความช่วยเหลือประเทศไทยภายใต้ โครงการความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยสึนามิและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ โดยการสนับสนุนทั้งเรื่องของอุปกรณ์และผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้ความรู้ในการ ทดลองเลี้ยงปลาครั้งแรก จำนวน ๒๐,๐๐๐ ตัว เมื่อปี ๒๕๔๙ ซึ่งผลการทดลองพบว่า การเลี้ยงประสบความสำเร็จได้ปลาช่อนทะเลที่มีคุณภาพดีกว่าการเลี้ยงปลาช่อน ทะเลที่เลี้ยงบริเวณชายฝั่ง และเหมาะที่จะนำปลาช่อนทะเลไปทำเป็นปลาดิบ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการทดลองเลี้ยงรุ่นที่ ๓ โดยรุ่นแรกส่งขายไปยังตลาดยุโรป และรุ่นที่ ๒ ได้ส่งขายไปแล้วเช่นกัน
       สำหรับการเลี้ยงปลาช่อนทะเลในทะเลลึกนั้นพบว่าสามารถเลี้ยงได้ตัวโต ซึ่งอาหารที่ให้กินนั้นเป็นอาหารสำเร็จรูปใช้เวลาเลี้ยงประมาณ ๗ - ๘ เดือน ได้ปลาช่อนทะเลขนาดประมาณ ๓ - ๔ กิโลกรัม แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ตลาดปลาช่อนทะเลยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักยังต้องทำ เรื่องตลาดอีกมาก รวมทั้งต้นทุนในการเลี้ยงสูงมากและการเลี้ยงจะให้ได้ปลามีคุณภาพดีเป็นที่ ต้องการของตลาดระดับบนจะต้องเลี้ยงในทะเลลึก
       จากปัญหาดังกล่าวส่งผลให้การส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงปลาช่อนทะเลใน ทะเลลึกยังไม่สามารถดำเนินการได้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทดลองและการหาตลาดเพื่อรองรับผลผลิต หากทางกรมประมงเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงอย่างจริงจัง รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการศึกษาทดลองเรื่องของอาหารและลดต้นทุนการเลี้ยงปลา ช่อนทะเลให้ถูกลง ซึ่งถ้าสามารถเจาะตลาดได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายและลดต้นทุนการผลิตลงได้การ เลี้ยงปลาช่อนทะเลถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่น่าส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงเพื่อ จำหน่าย
(ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์)

สถาบันวิจัย ฯ จ้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำรวจแนวปะการังฟอกขาวทั่วประเทศ

       สถาบัน วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเล ได้ลงนามว่าจ้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์สำรวจพื้นที่แนวปะการังฟอกขาวนอก เขตอุทยานทั่วประเทศด้วยวงเงิน ๑.๕ ล้านบาท ระยะเวลาในการดำเนินการ ๓๐๐ วัน ซึ่งเป็นการสำรวจแนวปะการังอย่างละเอียด เพื่อทราบจำนวนปะการังที่ตายจากการฟอกขาวและเพื่อหาแนวทางในการฟื้นฟูแนว ปะการังที่ได้รับความเสียหาย
       นอกจากที่ทางสถาบันวิจัย ฯ จะว่าจ้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทำการสำรวจแนวปะการังแล้ว ในส่วนของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหาการฟอกขาวในแนวปะการังขึ้นมา เพื่อร่วมกับติดตามและตรวจสอบสถานการณ์การเกิดปะการังฟอกขาวในทะเล โดยมีรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นประธาน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนร่วมเป็นคณะกรรมการ (ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์)

นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงยกเลิกเดินเรือไปที่หมู่เกาะที่เป็นปัญหาจีน - ญี่ปุ่น

          บรรษัทกระจายเสียงของญี่ปุ่น (เอ็นเอชเค) รายงานว่า นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงซึ่งอ้างอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือหมู่เกาะเซนกากุ ได้ยกเลิกแผนการแล่นเรือไปยังหมู่เกาะที่เป็นกรณีพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่น แห่งนี้แล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่การเดินเรือของฮ่องกงสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว
       เจ้าหน้าที่ฮ่องกงพยายามผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ยู่ใกล้จีนและ เป็นพื้นที่ข้อพิพาททางทะเลระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลี ใต้ (ที่มา : สำนักข่าวไทย)

การท่าเรือแห่งประเทศไทย เดินหน้ายกระดับท่าเรือกรุงเทพ-แหลมฉบังเทียบเท่าสากล

         การ ท่าเรือแห่งประเทศไทย เดินหน้ายกระดับท่าเรือกรุงเทพฯ - แหลมฉบัง เทียบเท่ามาตรฐานสากล นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวถึงแผนการพัฒนาการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการสานต่อโครงการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือ กรุงเทพฯ และการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ ๓ รองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อสนับสนุนการขนส่งทางน้ำ ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ตามแผนพัฒนาปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ในส่วนของท่าเรือกรุงเทพฯ การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้จัดทำแผนแม่บทการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้เกิด ประโยชน์สูงสุด โดยจะพัฒนาเป็นอาคารศูนย์ธุรกิจพาณิชยนาวี ศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้า ศูนย์บริการการค้าธุรกิจครบวงจร และอาคารสำนักงาน โครงการสนับสนุนการพัฒนาท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Port) เพื่อลดขั้นตอนด้านเอกสาร และพัฒนาระบบการบริการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ประมาณการตู้สินค้าผ่านการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในปีงบประมาณ ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๖.๗๕๕ ล้านทีอียู คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ ๑๑,๑๒๗ ล้านบาท ค่าใช้จ่ายประมาณ ๗,๘๐๔ ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ ๓,๓๒๓ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐
        สำหรับที่ท่าเรือแหลมฉบัง ได้ดำเนินโครงการศึกษา ออกแบบ และก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ ๓ ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อรองรับปริมาณสินค้าที่จะมีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ โดยจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่าง ๆ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการได้ถึง ๒ ล้านทีอียู ต่อปี เพื่อเชื่อมโยงท่าเรือและการขนส่งให้มีความสะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ (ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์)

นักวิชาการประมงทั่วโลกร่วมสัมมนาวางกลยุทธ์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทศวรรษหน้า

          กรม ประมง ร่วมกับ องค์การข่ายงานศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแห่งเอเชียแปซิฟิก (NACA) และองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ (FAO) จัดประชุมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำระดับโลก "Global Conference On Aquaculture 2010" โดยมีนักวิชาการประมงจากทั่วโลกเข้าร่วมสัมมนาเพื่อร่วมกันยกร่างกลยุทธ์ เพื่อการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของโลกสำหรับทศวรรษหน้า
การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นอุตสาหกรรมการผลิตอาหารที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในประเทศแถบเอเชียและอเมริกาใต้ เพิ่มขึ้นกว่า ๑ ใน ๓ นับตั้งแต่ปี ๒๕๔๓ ปัจจุบันกว่าร้อยละ ๔๐ สัตว์น้ำที่บริโภค เช่น ปลา ปู กุ้ง และหอย ได้มาจากการเพาะเลี้ยง จึงทำให้แนวโน้มอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัวอย่าง ต่อเนื่อง ในส่วนของประเทศไทยสามารถผลิตสัตว์น้ำจากการเพาะเลี้ยงอยู่อันดับ ๕ ของโลก อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วโลกยังประสบปัญหาต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม โรคระบาด และภัยธรรมชาติ ดังนั้น เพื่อให้การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืนจึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดกรอบแนว ทางการพัฒนา การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้มีความเหมาะสม ซึ่งการประชุมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโลก จะเป็นเวทีที่จะช่วยผลักดันให้เกิดยุทธศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรม
       สำหรับประเด็นที่จะหารือกันในการประชุมครั้งนี้ มี ๖ ประเด็นหลัก คือ ทรัพยากร การบริการและเทคโนโลยีเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในอนาคต การควบคุมและบริหารจัดการ การคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมโดยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างมีความ รับผิดชอบ การตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและความท้าทาย โดยทำให้ผลผลิตสัตว์น้ำมีความปลอดภัยและมีความหลากหลายเพื่อประโยชน์ของ ผู้บริโภค การพัฒนาความรู้ ข้อมูล งานวิจัย การส่งเสริม การสื่อสาร และการเพิ่มความสำคัญของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่อความมั่นคงอาหาร ขจัดความยากจน และการพัฒนาชนบท โดยเป้าหมายที่สำคัญของการประชุมครั้งนี้คือ การร่วมกันยกร่างกลยุทธ์ เพื่อการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของโลกสำหรับทศวรรษหน้า (ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์)

เกาหลีใต้กำลังพิจารณาสร้างอุโมงค์ใต้ทะเลไปยังจีนกับญี่ปุ่น

         เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๓ โฆษกกระทรวงกิจการดินแดน การขนส่งและกิจการเดินเรือของเกาหลีใต้ กล่าวว่า เกาหลีใต้พิจารณาสร้างอุโมงค์ใต้ทะเลไปยังจีนกับญี่ปุ่น โดยที่เกาหลีใต้กำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี คาดว่าจะทราบผลในปลายปีนี้ ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ โชชันอิลโบของเกาหลีใต้รายงานว่า ข้อเสนอต่าง ๆ รวมถึงการเชื่อมเส้นทางของเกาหลีเข้ากับเมืองเวยไฮ่ในมณฑลชานตงของจีนมีมูลค่าราว ๑๐๖,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ (ที่มา : ขว.ทร.)

เรือรบสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน เข้าเยี่ยมประเทศไทย

       สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน จะนำเรือรบ ชื่อเรือ PNS SAIF เข้าเยี่ยมประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ โดยจอดเรือเทียบท่าเรือกรุงเทพ ฯ คลองเตย
การเข้าเยี่ยมประเทศไทยของเรือรบสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานในครั้งนี้ เป็นการกระชับความสัมพันธ์และ
เป็นการให้การสนับสนุนแก่มิตรประเทศนอกจากนี้ จะร่วมฝึกผสม PASSEX ในครั้งนี้ด้วย จะทำให้กำลังพลกองทัพเรือได้รับประสบการณ์และการเรียนรู้การปฏิบัติการทาง เรือกับเรือรบต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
(ที่มา : ขว.ทร.)

ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีทำบุญวันมหิดล ประจำปี ๒๕๕๓

        วันนี้ (๒๔ กันยายน ๒๕๕๓) เวลา ๑๐.๒๐ น. พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีทำบุญวันมหิดล ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม เขต บางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โดยมีการประกอบพิธีถวายเครื่องสังเวย ณ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพิธีสงฆ์
        วันที่ ๒๔ กันยายน ของทุกปี เป็นวันสิ้นพระชนม์ของ จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ผู้ทรงเป็น "พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย" และ "เจ้าฟ้าทหารเรือ" และ กองทัพเรือจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศถวายเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน เนื่องจากพระดำรินานาประการที่ทรงมอบไว้แก่ราชนาวีไทย นับเป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาที่หาค่ามิได้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบทางความคิดของทหารเรือไทยในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง ที่ช่วยสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่กิจการราชนาวีไทย โดยในวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๔๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระยศ จอมพลเรือ ถวายแด่ นายนาวาเอก สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องจากได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจที่สำคัญ โดยทรงร่างโครงการสร้างกองเรือรบ หรือโครงการสร้างกำลังทางเรือจนบังเกิดผล สามารถช่วยป้องกันปากแม่น้ำและขัดขวางการปฏิบัติการของข้าศึกตามชายฝั่งได้ อย่างเด็ดขาด ซึ่งต่อมากองทัพเรือได้จัดตั้งฐานทัพและสถานีทหารเรือขึ้น อีกทั้งยังได้ทรงถวายบันทึกรายงานความเห็นเรื่องการนำเรือดำน้ำมาใช้ปฏิบัติ งาน แด่นายพลเรือโท กรมหมื่นสิงหวิกรมเกรียงไกร เสนาธิการทหารเรือสมัยนั้น อันเป็นประโยชน์ต่อกองทัพเรือจนเป็นที่ประจักษ์สืบมาจนถึงปัจจุบัน (ที่มา : กพ.ทร.)

การสมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม จำกัด

      สหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม จำกัด (สอ.วด.) ขอเชิญชวนข้าราชการและลูกจ้างสมัครเข้าเป็นสมาชิก สอ.วด. นอกจากจะได้ออมเงินแล้ว ยังได้รับเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนเมื่อสิ้นรอบปีบัญชี และสวัสดิการอื่นๆ ได้แก่ ทุนการศึกษาบุตรของสมาชิก, เงินสงเคราะห์กรณีเจ็บป่วย ถึงแก่กรรม ประสบอุทกภัย วาตภัย และอัคคีภัย รวมทั้งเงินสงเคราะห์กรณีคู่สมรส บุตร บิดา หรือมารดาของสมาชิกถึงแก่กรรม
       ทั้งนี้ ผู้สมัครเป็นสมาชิกต้องถือหุ้นไม่ต่ำกว่า ๑๐ หุ้น (๑๐๐ บาท) แต่ไม่เกิน ๕๐๐ หุ้น (๕,๐๐๐ บาท) และต้องส่งค่าหุ้นไม่น้อยกว่า ๘๔ เดือน และเมื่อครบ ๖๐๐,๐๐๐ บาท ให้งดการส่งค่าหุ้นได้ โดยสมาชิกสามารถปรับเพิ่มหรือลดค่าหุ้นได้รอบปีบัญชีละ ๑ ครั้ง (๑ มกราคม - ๓๑ ธันวาคม) และสมาชิกไม่สามารถถอนหุ้นบางส่วนได้
       สำหรับสมาชิกที่ลาออกจากการเป็นสมาชิก สอ.วด.ในครั้งแรกและประสงค์จะกลับเข้าเป็นสมาชิกใหม่ได้เมื่อลาออกแล้วไม่น้อยกว่า ๖ เดือน นับแต่วันลาออก ส่วนสมาชิกที่ลาออกจากการเป็นสมาชิก ฯ ครั้งที่ ๒ จะกลับเข้าเป็นสมาชิกได้เมื่อลาออกแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ปี นับแต่วันที่ลาออก (ที่มา : สอ.วด.)

ขอเชิญร่วมบริจาคสมทบทุนจัดสร้างพระราชานุสาวรีย์ ฯ สมเด็จพระบรมราชชนก

         กองทัพเรือ มีโครงการจัดสร้างพระราชานุสาวรีย์ จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ขึ้น ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเทิด พระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงมีต่อราชนาวีและปวงชนชาวไทย และเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจและเคารพสักการะของทหารเรือและประชาชนทั่วไป
        การจัดสร้างพระราชานุสาวรีย์ ฯ สมเด็จพระบรมราชชนก ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ แห่งนี้ มีขนาดความสูง ๓.๙๐ เมตร พระอริยาบททรงยืน จำนวน ๑ องค์ พระรูปจำลองตามแบบพระราชานุสาวรีย์ ขนาดความสูง ๙๙ เซนติเมตร จำนวน ๑ องค์ การดำเนินโครงการ ฯ มีกำหนดแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
        ขอเชิญชวนร่วมบริจาคสมทบทุนการจัดสร้างพระราชานุสาวรีย์ ฯ ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทหารไทย สาขากองบัญชาการกองทัพเรือ ชื่อบัญชี "ทุนจัดสร้าง พระราชานุสาวรีย์ ฯ สมเด็จพระบรมราชชนก" บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี ๑๑๕ - ๒ - ๑๐๕๔๔ - ๙ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองการเงิน กรมอู่ทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๔๑๖๐ (ที่มา : อรม.อร.)

พิธีประดับเครื่องหมายยศและแสดงความยินดีแก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานยศชั้นนายพลเรือ ใน ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓

        กองทัพเรือ จะประกอบพิธีประดับเครื่องหมายยศและแสดงความยินดีให้ผู้ที่ได้รับพระราชทานยศทหารชั้น นายพลเรือ จำนวน ๗๑ นาย ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๓๐ น. โดยมี พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธาน ฯ
       ตามที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานยศทหารชั้นนายพล ในวาระตุลาคม ๒๕๕๓ ให้แก่นายทหารสัญญาบัตรสังกัดกระทรวงกลาโหม จำนวน ๓๖๔ นาย ในจำนวนนี้มีนายทหารสัญญาบัตรสังกัดกองทัพเรือให้ดำรงตำแหน่งภายในกองทัพ เรือซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่กองทัพเรือต้องประกอบพิธีประดับเครื่องหมายยศให้ จำนวน ๗๑ นาย เป็นนายทหารชั้น นายพลเรือที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น จำนวน ๓๔ นาย เป็นนายทหารสัญญาบัตรยศนาวาเอกอัตรา เงินเดือนนาวาเอกพิเศษที่ได้รับพระราชทานยศเป็นนายทหารชั้นนายพลเรือ จำนวน ๓๗ นาย (ที่มา : กพ.ทร.)

พิธีอำลาชีวิตการรับราชการของผู้ครบเกษียณอายุ ประจำปี ๒๕๕๓ ใน ๓๐ กันยายน

       กองทัพเรือ กำหนดจัดงานพิธีอำลาชีวิตการรับราชการให้แก่ผู้ครบเกษียณอายุ ประจำปี ๒๕๕๓ และผู้ที่ขอลาออกจากราชการตามโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดของกระทรวงกลาโหม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๘.๓๐ น. ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนคุณงามความดีของผู้ครบเกษียณอายุราชการที่ได้อุทิศกำลังกายกำลัง ใจปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังสติปัญญาและความสามารถ เป็นผลให้กองทัพเรือมีความเจริญก้าวหน้าและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สำหรับในปีนี้มีผู้ครบเกษียณอายุราชการ ๔๒๘ นาย และผู้ที่ขอลาออก ฯ จำนวน ๔๒๘ นาย รวมจำนวน ๘๕๖ นาย
       ในโอกาสนี้ กรมการขนส่งทหารเรือ ได้จัดรถยนต์โดยสารและเรือเวรข้ามฟากบริการรับ - ส่ง ให้แก่ผู้เกษียณอายุราชการและผู้ร่วมพิธี ฯ ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ ดังนี้
       - รถยนต์โดยสารขนาดเล็ก ปรับอากาศ จำนวน ๓ คัน รับ - ส่งนายทหารสัญญาบัตรชั้นนายพลเรือที่ครบเกษียณอายุ ฯ และนายพลเรือที่ไปร่วมพิธี ฯ ออกจาก กองบัญชาการกองทัพเรือ ไปยัง หอประชุมกองทัพเรือ เวลา ๑๕.๐๐ น.
       - รถยนต์โดยสารขนาดกลาง ปรับอากาศ จำนวน ๑ คัน รับ - ส่งผู้เกษียณอายุ ฯ ออกจากอาคารพักส่วนกลางกองทัพเรือบางนา ไปยัง หอประชุมกองทัพเรือ เวลา ๑๑.๐๐ น.
       - รถยนต์โดยสารขนาดเล็ก ปรับอากาศ จำนวน ๑ คัน รับ - ส่งผู้เกษียณอายุ ฯ ออกจากอาคารพักอาศัยส่วนกลางกองทัพเรือทุ่งมหาเมฆ ไปยัง หอประชุมกองทัพเรือ เวลา ๑๑.๐๐ น.
       - รถยนต์โดยสารขนาดกลาง ปรับอากาศ จำนวน ๑ คัน รับ - ส่งผู้เกษียณอายุ ฯ ออกจาก อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ เวลา ๑๐.๓๐ น. ไปยัง อาคารพักอาศัยส่วนกลางกองทัพเรือสุขสวัสดิ์ โดยจอดรับที่หน้าซอยสุขสวัสดิ์ ๒๖ ไปยังหอประชุมกองทัพเรือ
       - เรือเวรข้ามฟาก จำนวน ๑ ลำ รับ - ส่งผู้เกษียณอายุ ฯ จากท่าราชนาวีสโมสร - ท่านิเวศน์วรดิฐ - หอประชุมกองทัพเรือ ระหว่างเวลา ๑๑.๐๐ น. - ๑๙.๐๐ น.
       ขอเชิญผู้ที่ครบเกษียณอายุราชการ ประจำปี ๒๕๕๓ และผู้ที่ขอลาออกตามโครงการ ฯ เข้าร่วมพิธี ฯ ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว
(ที่มา : กพ.ทร. และ ขส.ทร.)