"ความเพียรนั้นคือไม่ท้อถอยในการฝึกตนเอง
ไม่ท้อถอยในการแผ่ความรู้ ไม่ท้อถอยในการช่วยผู้อื่น วินัยก็คือระเบียบที่มีอยู่ในใจของตัวเอง
เพื่อที่จะเลือกเฟ้นวิชาการมาใช้ในที่ ๆ เหมาะสม ที่ถูกต้อง และวินัยคือควบคุมตัวเองให้อยู่ในร่องในรอย
ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง
พระบรมราโชวาท
พระราชทานแก่คณะครูฝึกตำรวจตระเวนชายแดน ณ ศาลาเริง พระราชวังไกลกังวล
วันพุธที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๑๘
วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557
การประชุมเตรียมการจัดการประชุมเพื่อชี้แจงแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล และรับการตรวจความพร้อม
วันนี้ (๒๔ ธันวาคม
๒๕๕๗) เวลา ๐๙.๐๐ น. พลเรือโท ลือชัย รุดดิษฐ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ
ตรวจความพร้อม หลังการประชุมเตรียมการขั้นสุดท้าย ซักซ้อมการปฏิบัติ
ของการประชุมเพื่อชี้แจงแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล (พุทธศักราช
๒๕๕๘ - ๒๕๖๔) ที่กองทัพเรือจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ฯ ในวันที่
๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร (ที่มา : ยก.ทร.)
หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ และเปิดสายด่วน ๑๖๙๖ เพื่อประสานขอความช่วยเหลือ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
เมื่อวันที่
๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง
และดินโคลนถล่ม ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส
จังหวัดตรัง และ จังหวัดสตูล ขอให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยดังกล่าวใช้ความระมัดระวังในการสัญจรและเดินทาง
ขณะนี้กองทัพเรือ โดย นาวาเอก นพดล ฐิตวัฒนะสกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ พร้อมกำลังพล ลงพื้นที่ เข้าเยี่ยม ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยทุกหลังแล้ว ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวอย่าได้ตื่นตระหนก นาวิกโยธินพร้อมช่วยเหลือท่านในทันที หากประสบเหตุใดๆ ให้แจ้งไปยังสายด่วนกองทัพเรือ ๑๖๙๖ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง กองทัพเรือจะประสานหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ เข้าช่วยเหลือท่านทันที (ที่มา : กพร.ทร.)
ขณะนี้กองทัพเรือ โดย นาวาเอก นพดล ฐิตวัฒนะสกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ พร้อมกำลังพล ลงพื้นที่ เข้าเยี่ยม ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยทุกหลังแล้ว ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวอย่าได้ตื่นตระหนก นาวิกโยธินพร้อมช่วยเหลือท่านในทันที หากประสบเหตุใดๆ ให้แจ้งไปยังสายด่วนกองทัพเรือ ๑๖๙๖ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง กองทัพเรือจะประสานหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ เข้าช่วยเหลือท่านทันที (ที่มา : กพร.ทร.)
กองเรือเฉพาะกิจผสมที่ ๑๕๑ พร้อมปฏิบัติภารกิจดูแลความปลอดภัยเรือไทยและเรือบริษัทไทยทุกพื้นที่ทุกเวลา ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
กองเรือเฉพาะกิจผสมที่
๑๕๑ (Combined Tash Force 151) นำโดย
กองทัพเรือไทยปฏิบัติภารกิจปราบปรามโจรสลัดและเฝ้าตรวจสถานการณ์ความปลอดภัย
ทางทะเลในพื้นที่
High Rish Area - HRA และ Internationally Recommended
Transit
Corridor - IRTC
ในฐานะผู้บัญชาการกองเรือเฉพาะกิจควบคุมเรือรบและอากาศยานจากประเทศต่าง
ๆ พร้อมปฏิบัติการในพื้นที่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เรือสินค้า
เรือน้ำมัน
เรือประมงสัญชาติไทยหรือเรือของบริษัทไทยที่เดินเรือในพื้นที่
High Rish Area (ตั้งแต่คลองสุเอช อ่าวเปอร์เซีย
จนถึงแลต 10S
ลอง 78E) สามารถติดต่อนายทหารเวรกองเรือเฉพาะกิจผสมที่
๑๕๑ ได้ที่หมายเลข
+๙๗๓ ๑๗๘๕ ๖๙๒๙ เพื่อดำรงการสื่อสารและแจ้งเหตุโจรสลัด
การปล้นเรือ
รวมทั้งเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ได้ทุกวัน ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
กองทัพเรือไทย
ดูแลความปลอดภัยของเรือไทยและเรือบริษัทไทย ทุกพื้นที่
ทุกเวลา
(ที่มา : ศปก.ทร.)
กรมการขนส่งทางบก ตั้งหน่วยตรวจสอบมาตรค่าโดยสารและติดสติ๊กเกอร์รถแท็กซี่ก่อนใช้ค่าโดยสารใหม่
กรมการขนส่งทางบก เริ่มให้รถแท็กซี่ที่ผ่านการตรวจมาตรฐานคุณภาพทยอยเข้าปรับจูนมิเตอร์ค่าโดยสารใหม่
พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ตั้งหน่วยตรวจสอบมาตรค่าโดยสารและติดสติ๊กเกอร์ก่อนใช้ค่าโดยสารใหม่
ข้อความว่า "ผ่านการตรวจยกระดับและปรับจูนมิเตอร์" ที่ระบุหมายเลขทะเบียนรถ
เพื่อนำไปติดที่กระจกหน้ารถบริเวณมุมบนด้านซ้าย ก่อนนำรถออกให้บริการในอัตราค่าโดยสารใหม่ระยะที่
๑ ตั้งแต่วันนี้ (๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗) ถึงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ โดยไม่เว้นวันหยุดเสาร์
- อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. - ๑๘.๐๐ น. ณ ที่ทำการบริษัทผู้ผลิตหรือจำหน่ายมาตรค่าโดยสาร
และอาคารคลังสินค้า ๓ ท่าอากาศยานดอนเมือง
สำหรับอัตราค่าโดยสารใหม่ในระยะที่ ๑ นั้น ระยะทาง ๑ กิโลเมตร แรก ๓๕ บาท เท่าเดิม ระยะทางกิโลเมตรที่ ๑ - ๑๐ กิโลเมตรละ ๕.๕๐ บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมกิโลเมตรละ ๕๐ สตางค์ กิโลเมตรที่ ๑๐ - ๒๐ กิโลเมตรละ ๖.๕๐ บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมกิโลเมตรละ ๑ บาท กิโลเมตรที่ ๒๐ - ๔๐ กิโลเมตรละ ๗.๕๐ บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมกิโลเมตรละ ๑.๕๐ บาท กิโลเมตรที่ ๔๐ - ๖๐ กิโลเมตรละ ๘ บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมกิโลเมตรละ ๑.๕๐ บาท เพิ่มจากเดิมกิโลเมตรละ ๒ บาท แต่หากกรณีรถไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้เกินกว่า ๖ กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตรานาทีละ ๒ บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมนาทีละ ๕๐ สตางค์ สำหรับกรณีการเรียกรถแท็กซี่ผ่านศูนย์บริการสื่อสารของผู้รับจ้างให้เรียก เก็บค่าจ้างเพิ่มขึ้นจากที่แสดงไว้ในมาตรค่าโดยสารอีก ๒๐ บาท ซึ่งเป็นอัตราเดิม ส่วนการเรียกรถแท็กซี่จากท่าอากาศยานดอนเมืองหรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ณ จุดที่จัดไว้เฉพาะสามารถเรียกเก็บค่าโดยสารเพิ่มขึ้นจากที่แสดงไว้ในมาตรค่า โดยสารอีก ๕๐ บาท เป็นอัตราเดิม
หากพบเห็นแท็กซี่มีพฤติกรรมปฏิเสธผู้โดยสาร ขับรถประมาท พูดจาไม่สุภาพ สามารถแจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ สายด่วน ๑๕๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง (ที่มา : ขสมก.)
สำหรับอัตราค่าโดยสารใหม่ในระยะที่ ๑ นั้น ระยะทาง ๑ กิโลเมตร แรก ๓๕ บาท เท่าเดิม ระยะทางกิโลเมตรที่ ๑ - ๑๐ กิโลเมตรละ ๕.๕๐ บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมกิโลเมตรละ ๕๐ สตางค์ กิโลเมตรที่ ๑๐ - ๒๐ กิโลเมตรละ ๖.๕๐ บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมกิโลเมตรละ ๑ บาท กิโลเมตรที่ ๒๐ - ๔๐ กิโลเมตรละ ๗.๕๐ บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมกิโลเมตรละ ๑.๕๐ บาท กิโลเมตรที่ ๔๐ - ๖๐ กิโลเมตรละ ๘ บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมกิโลเมตรละ ๑.๕๐ บาท เพิ่มจากเดิมกิโลเมตรละ ๒ บาท แต่หากกรณีรถไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้เกินกว่า ๖ กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตรานาทีละ ๒ บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมนาทีละ ๕๐ สตางค์ สำหรับกรณีการเรียกรถแท็กซี่ผ่านศูนย์บริการสื่อสารของผู้รับจ้างให้เรียก เก็บค่าจ้างเพิ่มขึ้นจากที่แสดงไว้ในมาตรค่าโดยสารอีก ๒๐ บาท ซึ่งเป็นอัตราเดิม ส่วนการเรียกรถแท็กซี่จากท่าอากาศยานดอนเมืองหรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ณ จุดที่จัดไว้เฉพาะสามารถเรียกเก็บค่าโดยสารเพิ่มขึ้นจากที่แสดงไว้ในมาตรค่า โดยสารอีก ๕๐ บาท เป็นอัตราเดิม
หากพบเห็นแท็กซี่มีพฤติกรรมปฏิเสธผู้โดยสาร ขับรถประมาท พูดจาไม่สุภาพ สามารถแจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ สายด่วน ๑๕๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง (ที่มา : ขสมก.)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)