เมื่อวันที่
๒ เมษายน ๒๕๕๗ มีรายงานว่า เรือพิฆาต USS John S. McCain และเรือกู้ภัย
USNS Safeguard ของสหรัฐฯ จะเยือนท่าเรือดานัง ของเวียดนามระหว่างวันที่
๗ - ๑๒ เมษายน ๒๕๕๗ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ พร้อมกับเข้าร่วม
กิจกรรมด้านสาธารณสุข การฝึกดำน้ำ และการฝึกอบรมด้านการค้นหาและช่วยเหลือกับกองทัพเรือเวียดนาม
(ที่มา : ขว.ทร.)
วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557
กรมช่างโยธาทหารเรือ รับสมัครบุคคลพลเรือนเพื่อสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ
กรมช่างโยธาทหารเรือ
มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลพลเรือนเพื่อสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป
กลุ่มงานเทคนิคทั่วไป ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ จำนวน ๑๔ อัตรา ได้แก่
ตำแหน่งช่างสี ๒ อัตรา, ช่างไม้ ๑ อัตรา, ช่างท่อ ๒ อัตรา, ช่างโลหะ
๑ อัตรา, ช่างไฟฟ้า ๔ อัตรา, ช่างสำรวจ ๑ อัตรา, ช่างประปา ๒ อัตรา
และช่างซ่อมเครื่องปรับอากาศและทำความเย็น ๑ อัตรา โดยมีค่าตอบแทนเดือนละ
๑๑,๒๘๐ บาท เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเดือนละ ๑,๐๐๕ บาท ระยะเวลาการจ้างตั้งแต่วันที่ลงคำสั่งจ้างถึงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ และจ้างต่อเนื่องตามผลการปฏิบัติงานในวันที่ ๑
ตุลาคม ของปีงบประมาณถัดไป
คุณสมบัติของผู้สมัคร รับเพศชายหรือหญิง มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ กรณีชายต้องผ่านการตรวจเลือกทหารกองประจำการ คุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค หรืออนุปริญญาหลักสูตร ๒ ปี ต่อจากประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าหรือประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรืออนุปริญญาหลักสูตร ๓ ปี ต่อจากประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าในระดับเดียวกันในสาขา วิชาที่เหมาะสมกับลักษณะงานที่ปฏิบัติ
หลักฐานการสมัคร ประกอบด้วย รูปถ่ายหน้าตรง, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร, สำเนาหนังสือสำคัญแบบ สด.๘, สำเนาหนังสือแสดงผลการศึกษาที่แสดงว่าเป็น ผู้มีคุณวุฒิการศึกษาตรงกับตำแหน่งที่สมัคร จำนวน ๒ ฉบับ, ใบรับรองแพทย์จากดรงพยาบาลของรัฐบาล, สำเนาหลักฐานอื่น ๆ เช่น ใบสำคัญการสมรส และหนังสือรับรองการผ่านงาน (ถ้ามี)
ผู้ที่ประสงค์จะสมัครสามารถขอใบสมัครและยื่นด้วยตนเอง ที่ แผนกแรงงาน กองกำลังพลและธุรการ กองบังคับการ กรมช่างโยธาทหารเรือ ถนนวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑๐.๐๐ น. - ๑๕.๐๐ น. ในวันราชการ สอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๕๕๓๙ (ที่มา : ชย.ทร.)
คุณสมบัติของผู้สมัคร รับเพศชายหรือหญิง มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ กรณีชายต้องผ่านการตรวจเลือกทหารกองประจำการ คุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค หรืออนุปริญญาหลักสูตร ๒ ปี ต่อจากประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าหรือประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรืออนุปริญญาหลักสูตร ๓ ปี ต่อจากประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าในระดับเดียวกันในสาขา วิชาที่เหมาะสมกับลักษณะงานที่ปฏิบัติ
หลักฐานการสมัคร ประกอบด้วย รูปถ่ายหน้าตรง, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร, สำเนาหนังสือสำคัญแบบ สด.๘, สำเนาหนังสือแสดงผลการศึกษาที่แสดงว่าเป็น ผู้มีคุณวุฒิการศึกษาตรงกับตำแหน่งที่สมัคร จำนวน ๒ ฉบับ, ใบรับรองแพทย์จากดรงพยาบาลของรัฐบาล, สำเนาหลักฐานอื่น ๆ เช่น ใบสำคัญการสมรส และหนังสือรับรองการผ่านงาน (ถ้ามี)
ผู้ที่ประสงค์จะสมัครสามารถขอใบสมัครและยื่นด้วยตนเอง ที่ แผนกแรงงาน กองกำลังพลและธุรการ กองบังคับการ กรมช่างโยธาทหารเรือ ถนนวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑๐.๐๐ น. - ๑๕.๐๐ น. ในวันราชการ สอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๕๕๓๙ (ที่มา : ชย.ทร.)
สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ เปิดสอบเลื่อนฐานะนายทหารประทวน ๒ อัตรา
สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
จะดำเนินการสอบเลื่อนฐานะนายทหารประทวน ประจำปี ๒๕๕๗ เพื่อบรรจุในตำแหน่งอัตราที่สูงขึ้นสายวิทยาการ
กรมสารบรรณทหารเรือ กลุ่มงานอื่น ๆ จำนวน ๒ อัตรา ได้แก่ ประจำแผนกเลขานุการ
กองเลขานุการ อัตราเรือเอก และ เจ้าหน้าที่ประจำสัมพันธ์ แผนกประชาสนเทศ
กองประชาสัมพันธ์
ผู้ที่ประสงค์สมัครสอบในอัตราที่เปิดสอบ กรุณาเสนอรายงานผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น โดยเขียนใบสมัครด้วยลายมือตัวบรรจง พร้อมระบุตำแหน่งอัตราที่สมัครสอบ ส่งถึงสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ภายในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗ สอบถามรายละเอียดได้ที่ แผนกธุรการ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๕๐๘๙ ตำราและรายละเอียดวิชา สามารถดูได้ที่ เว็บไซต์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ http://www.sctr.navy.mi.th (ที่มา : สลก.ทร.)
ผู้ที่ประสงค์สมัครสอบในอัตราที่เปิดสอบ กรุณาเสนอรายงานผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น โดยเขียนใบสมัครด้วยลายมือตัวบรรจง พร้อมระบุตำแหน่งอัตราที่สมัครสอบ ส่งถึงสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ภายในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗ สอบถามรายละเอียดได้ที่ แผนกธุรการ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ หมายเลขโทรศัพท์ภายใน ๕๕๐๘๙ ตำราและรายละเอียดวิชา สามารถดูได้ที่ เว็บไซต์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ http://www.sctr.navy.mi.th (ที่มา : สลก.ทร.)
กองทัพเรือ สนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำแก่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย เพื่อแก้ปัญหาน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา
พลเรือตรี
กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า
กองทัพเรือ ได้รับการประสานงานจากคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย
(กบอ.) ในการขอรับการสนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำ
ด้วยปัจจุบันสถานการณ์ในแม่น้ำเจ้าพระยาประสบปัญหาน้ำเค็มลุกล้ำ ทำให้ค่าความเค็มบางช่วงมีค่าเกินค่ามาตรฐาน ไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคและใช้ในการเกษตรได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบดังกล่าว รวมทั้งลดปริมาณการใช้น้ำต้นทุนจากเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลจึงมีนโยบายในการแก้ปัญหา โดย กบอ.ได้ขอรับการสนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำจากกองทัพเรือ จำนวน ๓๐ เครื่อง เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองผ่านคลองมหาสวัสดิ์ให้ไหลผ่านลงสู่คลองบางกอกน้อย เพื่อเจือจางน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา
กองทัพเรือ โดย กรมอู่ทหารเรือ ได้ให้การสนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน ๓๐ เครื่อง โดยจะนำไปติดตั้งบริเวณคลองต่าง ๆ จำนวน ๓ จุด ได้แก่ คลองมหาสวัสดิ์ บริเวณถนนราชพฤกษ์ จำนวน ๑๐ เครื่อง คลองบางกอกน้อย บริเวณถนนบรมราชชนนี จำนวน ๑๐ เครื่อง และคลองบางกอกน้อย บริเวณถนนอรุณอมรินทร์ จำนวน ๑๐ เครื่อง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการติดตั้ง โดยมีระยะเวลาปฏิบัติการตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗
ทั้งนี้ เครื่องผลักดันน้ำในส่วนของกองทัพเรือมีจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๐ เครื่อง และพร้อมให้การสนับสนุนเพิ่มเติม หากได้รับการร้องขอ (ที่มา : สลก.ทร.)
ด้วยปัจจุบันสถานการณ์ในแม่น้ำเจ้าพระยาประสบปัญหาน้ำเค็มลุกล้ำ ทำให้ค่าความเค็มบางช่วงมีค่าเกินค่ามาตรฐาน ไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคและใช้ในการเกษตรได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบดังกล่าว รวมทั้งลดปริมาณการใช้น้ำต้นทุนจากเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลจึงมีนโยบายในการแก้ปัญหา โดย กบอ.ได้ขอรับการสนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำจากกองทัพเรือ จำนวน ๓๐ เครื่อง เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองผ่านคลองมหาสวัสดิ์ให้ไหลผ่านลงสู่คลองบางกอกน้อย เพื่อเจือจางน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา
กองทัพเรือ โดย กรมอู่ทหารเรือ ได้ให้การสนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน ๓๐ เครื่อง โดยจะนำไปติดตั้งบริเวณคลองต่าง ๆ จำนวน ๓ จุด ได้แก่ คลองมหาสวัสดิ์ บริเวณถนนราชพฤกษ์ จำนวน ๑๐ เครื่อง คลองบางกอกน้อย บริเวณถนนบรมราชชนนี จำนวน ๑๐ เครื่อง และคลองบางกอกน้อย บริเวณถนนอรุณอมรินทร์ จำนวน ๑๐ เครื่อง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการติดตั้ง โดยมีระยะเวลาปฏิบัติการตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗
ทั้งนี้ เครื่องผลักดันน้ำในส่วนของกองทัพเรือมีจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๐ เครื่อง และพร้อมให้การสนับสนุนเพิ่มเติม หากได้รับการร้องขอ (ที่มา : สลก.ทร.)
พิธีมอบเครื่องหมายแสดงความสามารถของกองทัพเรือให้เป็นกิตติมศักดิ์และเครื่องหมายอภิรักษ์นาวี
วันนี้
(๘ เมษายน ๒๕๕๗) เวลา ๑๔.๐๐ น. พลเรือเอก ณรงค์
พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ
เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องหมายแสดงความสามารถของกองทัพเรือให้เป็น
กิตติมศักดิ์และเครื่องหมายอภิรักษ์นาวีให้แก่บุคคลต่าง
ๆ
ที่ประกอบคุณงามความดีเป็นประโยชน์แก่หน่วยและกองทัพเรือ จำนวน
๑๗๔ ราย ณ ห้องอเนกประสงค์ นันทอุทยานสโมสร
เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
กองทัพเรือได้พิจารณามอบเครื่องหมายแสดงความสามารถของกองทัพเรือ และเครื่องหมายอภิรักษ์นาวีให้แก่บุคคลต่าง ๆ ผู้ประกอบคุณงามความดีและให้ความร่วมมือสนับสนุนกองทัพเรือในการดำเนิน กิจกรรมในโอกาสต่าง ๆ เพื่ออำนวยประโยชน์แก่สาธารณชนและประเทศชาติเป็นอย่างดียิ่งมาโดยตลอด กองทัพเรือจึงมอบเครื่องหมายอันเป็นสัญลักษณ์ที่ข้าราชการกองทัพเรือมีความ ภาคภูมิใจ หากผู้ได้รับพิจารณานำมาประดับเครื่องหมายนี้กับเครื่องแต่งกายที่เหมาะสม แล้ว นับเป็นเกียรติแก่กองทัพเรือเป็นอย่างยิ่ง
(ที่มา : สลก.ทร.)
กองทัพเรือได้พิจารณามอบเครื่องหมายแสดงความสามารถของกองทัพเรือ และเครื่องหมายอภิรักษ์นาวีให้แก่บุคคลต่าง ๆ ผู้ประกอบคุณงามความดีและให้ความร่วมมือสนับสนุนกองทัพเรือในการดำเนิน กิจกรรมในโอกาสต่าง ๆ เพื่ออำนวยประโยชน์แก่สาธารณชนและประเทศชาติเป็นอย่างดียิ่งมาโดยตลอด กองทัพเรือจึงมอบเครื่องหมายอันเป็นสัญลักษณ์ที่ข้าราชการกองทัพเรือมีความ ภาคภูมิใจ หากผู้ได้รับพิจารณานำมาประดับเครื่องหมายนี้กับเครื่องแต่งกายที่เหมาะสม แล้ว นับเป็นเกียรติแก่กองทัพเรือเป็นอย่างยิ่ง
(ที่มา : สลก.ทร.)
ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมงาน "๑๒๗ ปี กลาโหมเทิดราชา รักษ์ราษฎร์ ชาติมั่นคง"
วันนี้ (๘ เมษายน
๒๕๕๔) เวลา ๐๗.๓๐ น. พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ
ร่วมงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ครบรอบ ๑๒๗ ปี ณ ศาลาว่าการกลาโหม
เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยมี พลเรือเอกไกรสร จันทร์สุวานิชย์
ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ และ พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์
เสนาธิการทหารเรือ เข้าร่วมงานฯ
กระทรวงกลาโหม จัดงานครบรอบ ๑๒๗ ปี วันคล้ายวันสถาปนา ประกอบด้วย พิธีสงฆ์ พิธีบวงสรวงปืนใหญ่โบราณ พิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา และพิธีเปิดน้ำพุ ทั้งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่กำลังพล และกิจกรรมอื่น ๆ ประกอบด้วย การบริจาคโลหิต การมอบเงินให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ การถ่ายทอดคำปราศรัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และการเผยแพร่สารคดีภารกิจของกระทรวงกลาโหม ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕
การทหารสมัยใหม่เริ่มมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมรับภัยคุกคามในยุคล่าอาณานิคม และสอดคล้องกับพระราชดำริที่ว่า "ทหารเป็นสถาบันหลักในการปกป้องคุ้มครองความเป็นไทย เอกราชความมั่นคงปลอดภัยของชาติและราษฎร จักต้องมีกำลังทหารที่เข้มแข็ง มีระบบการจัดหน่วย และยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเยี่ยงอารยประเทศ" จึงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้งกรมยุทธนาธิการขึ้น เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๔๓๐ ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ยกกรมยุทธนาธิการขึ้นเป็นกระทรวงยุทธนาธิการ และได้เปลี่ยนเป็นกระทรวงกลาโหม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการแผ่นดินในปี ๒๔๓๕ (ที่มา : ยก.ทร.)
กระทรวงกลาโหม จัดงานครบรอบ ๑๒๗ ปี วันคล้ายวันสถาปนา ประกอบด้วย พิธีสงฆ์ พิธีบวงสรวงปืนใหญ่โบราณ พิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา และพิธีเปิดน้ำพุ ทั้งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่กำลังพล และกิจกรรมอื่น ๆ ประกอบด้วย การบริจาคโลหิต การมอบเงินให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ การถ่ายทอดคำปราศรัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และการเผยแพร่สารคดีภารกิจของกระทรวงกลาโหม ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕
การทหารสมัยใหม่เริ่มมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมรับภัยคุกคามในยุคล่าอาณานิคม และสอดคล้องกับพระราชดำริที่ว่า "ทหารเป็นสถาบันหลักในการปกป้องคุ้มครองความเป็นไทย เอกราชความมั่นคงปลอดภัยของชาติและราษฎร จักต้องมีกำลังทหารที่เข้มแข็ง มีระบบการจัดหน่วย และยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเยี่ยงอารยประเทศ" จึงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้งกรมยุทธนาธิการขึ้น เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๔๓๐ ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ยกกรมยุทธนาธิการขึ้นเป็นกระทรวงยุทธนาธิการ และได้เปลี่ยนเป็นกระทรวงกลาโหม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการแผ่นดินในปี ๒๔๓๕ (ที่มา : ยก.ทร.)
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"วินัยแท้จริงมีอยู่สองอย่าง
อย่างหนึ่งคือวินัยตามที่ทราบกันและถือกัน อันได้แก่ข้อปฏิบัติที่บัญญัติไว้เป็นกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับต่าง
ๆ ให้ถือปฏิบัติ อีกอย่างหนึ่งคือ วินัยของตนเองที่แต่ละคนจะต้องบัญญัติขึ้นสำหรับควบคุมบังคับให้มีความจริงใจ
และให้ประพฤติปฏิบัติตามความจริงใจนั้นอย่างมั่นคง มีลักษณะเป็นสัจจาธิษฐาน
หรือการตั้งสัตย์สัญญาให้แก่ตัว วินัยอย่างนี้จัดเป็นตัววินัยแท้
เพราะให้ผลจริงและแน่นอนยิ่งกว่าวินัยที่เป็นบทบัญญัติ"
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ ๒๕ มีนาคม ๒๕๒๔
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ ๒๕ มีนาคม ๒๕๒๔
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)