วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สายตาสั้น-เป็นต้อหิน ปิดไฟเล่นสมาร์ทโฟน-ดูทีวีเสี่ยงตาบอด

จักษุแพทย์เตือนคนเป็นต้อหิน - ต้อหินเฉียบพลัน - สายตาสั้นเกิน ๖๐๐ อย่าปิดไฟเล่นสมาร์ทโฟน - ดูทีวี เหตุเสี่ยงทำให้ตาบอด เหตุทำให้ม่านตาขยาย จนความดันในลูกตาพุ่งสูง ส่วนคนปกติทำพฤติกรรมเดียวกันเกิดต้อหินแทน
          นายแพทย์ ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า คนทั่วไปที่มีอายุ ๔๐ ปีขึ้นไป จะมีโอกาสเป็นโรคต้อหินประมาณร้อยละ ๑ ส่วนคนที่มีอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นโรคต้อหินร้อยละ ๒ ทั้งสองกลุ่มนี้จึงมีความเสี่ยงสูงในการเป็นต้อหินหากมีตัวกระตุ้น โดยเฉพาะการเล่นโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือดูโทรทัศน์มาก ๆ เพราะเมื่อใช้สายตามากเข้า บางคนดูแบบข้ามคืนไม่หลับไม่นอน ก็จะทำให้เกิดต้อหินได้ ทั้งสองกลุ่มจึงไม่ควรใช้สายตาเช่นนี้มากเกินไป อีกประเด็นที่น่าห่วง คือ การปิดไฟขณะเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือดูโทรทัศน์ ในกลุ่มที่เป็นต้อหิน ต้อหินเฉียบพลัน หรือคนที่มีสายตาสั้นตั้งแต่ ๖๐๐ ขึ้นไป จะมีโอกาสทำให้ตาบอดได้
         นายแพทย์ ฐาปนวงศ์ กล่าวว่า โดยธรรมชาติผู้เป็นต้อหิน หรือต้อหินแบบเฉียบพลัน จะมีช่องหน้าม่านตาแคบ เมื่ออยู่ในที่มืดม่านตาจะขยาย และไปขวางกั้นทางเดินน้ำลูกตา ทำให้เกิดม่านตาขยายและบล็อก จนทำให้เกิดความดันในลูกตาสูงชั่วคราว จึงทำให้มีอาการปวดตา หากปล่อยไว้นานๆ อาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดและฝ่อได้จากความดันลูกตาสูง ดังนั้น หากเป็นต้อหินแล้วยังมีพฤติกรรมการเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือดูโทรทัศน์โดยไม่เปิดไฟก็ยิ่งมีโอกาส ที่จะทำให้ตาบอดได้ เพราะฉะนั้น ควรเปิดไฟทุกครั้งที่เล่นโทรศัพท์มือถือหรือ ดูโทรทัศน์ จะได้มีแสงสว่างอื่นมาช่วยด้วยไม่ให้แจงจากหน้าจอจ้าจนเกินไป และตาจะได้ไม่ต้องเพ่งมาก เพราะถ้าเพ่งแล้วม่านตาจะขยายมาก (ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์)

ขอเชิญร่วมแข่งขันเดิน - วิ่งการกุศล กรมอู่ทหารเรือมินิมาราธอน ครั้งที่ ๑ ใน ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

กรมอู่ทหารเรือ กำหนดจัดการแข่งขันเดิน - วิ่งการกุศล กรมอู่ทหารเรือมินิมาราธอน ครั้งที่ ๑ ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาเงินรายได้เพื่อใช้ในการบูรณปฏิสังขรณ์พระ อุโบสถวัดวงศมูลวิหาร (โบราณสถาน) จัดหาเครื่องมือพิเศษสำหรับใช้ในการดูแลรักษาพระอุโบสถวัดวงศมูลวิหาร และส่งเสริมให้เยาวชนร่วมกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และศาสนา รวมทั้งเพื่อให้เกิดความสามัคคีของคนในชาติ ทุกเพศ ทุกวัย และสร้างทัศนคติที่ดีต่อสถาบันหลักของชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นการรณรงค์ให้เยาวชนได้ออกกำลังกาย โดยการมอบทุนการศึกษาจำนวน ๒๐ ทุน (ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท)
        ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันเดิน - วิ่งการกุศล กรมอู่ทหารเรือมินิมาราธอน ครั้งที่ ๑ ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตั้งแต่ เวลา ๐๔.๓๐ น. - ๐๕.๑๕ น. สามารถสมัครด้วยตนเองได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ที่ กรมอู่ทหารเรือ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๑๘๒, ๐ ๒๔๗๕ ๔๑๘๗ หรือสมัครทางอินเทอร์เน็ต www.navaldockyardminimarathon2014.com หรือที่หน้างานในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๓๐ น. - ๑๘.๐๐ น. หรือโดยการโอนเงินผ่านธนาคารกสิกรไทย เลขที่ ๐๖๗ - ๒ - ๙๖๔๕๖ - ๓ ชื่อบัญชี กรมอู่ทหารเรือมินิมาราธอน หลังจากการโอนเงินแล้วกรุณาส่งเอกสารการสมัครและสำเนาสลิปโอนเงินทาง E-mail : navaldockyardminimarathon2014@gmail.com หรือทางหมายเลขโทรสาร ๐ ๒๔๗๕ ๔๑๖๐ (ที่มา : อร.)

กองทัพเรือ จัดกิจกรรมเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยากับโครงการ Clean up the world ใน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

กองทัพเรือ จัดโครงการ "ร่วมใจทำไทยให้สะอาด" ประจำปี ๒๕๕๗ โดยจัดกิจกรรมเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อสนับสนุนโครงการ Clean up the world ร่วมกับกรุงเทพมหานคร กรมเจ้าท่า สมาคมสร้างสรรค์ไทย (ตาวิเศษ) สถาบันการศึกษา และชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง ณ บริเวณลานจอดรถราชนาวีสโมสร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๐๘.๐๐ น. - ๑๑.๐๐ น.
        กองทัพเรือสนับสนุนสมาคมสร้างสรรค์ไทย (ตาวิเศษ) จัดกิจกรรมร่วมใจไทยทำไทยให้สะอาด โดยจัดให้มีการเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษาและอนุรักษ์แม่น้ำ พร้อมกับเชิญชวนให้ประชาชนงดการทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำ ลำคลอง และจัดกิจกรรมเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา และให้สอดคล้องกับพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ในการให้คนไทยช่วยกันดูแล ปกป้อง รักษา แม่น้ำสายต่าง ๆ โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่บริเวณท่าเรือสะพานพุทธ จนถึงท่าเทียบเรือสะพานปิ่นเกล้า โดยจะมีพิธีเปิดกิจกรรม ณ บริเวณลานจอดรถราชนาวีสโมสร ในการนี้ จึงมีความจำเป็นต้องงดจอดรถบริเวณลานจอดรถราชนาวีสโมสร ในวัน และเวลาดังกล่าว (ที่มา : กพร.ทร.)

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


"การทำงานใหญ่ ๆ ทุกอย่างต้องการเวลามากกว่าจะทำสำเร็จ ผู้ที่เริ่มโครงการอาจไม่ทันทำให้สำเร็จโดยตลอดด้วยตนเองก็ได้ ต้องมีผู้อื่นรับทำต่อไป ดังนั้นไม่ควรยกเอาเรื่องใครเป็นผู้ริเริ่มงาน ใครเป็นผู้รับช่วงงานขึ้นเป็นข้อสำคัญนัก จะต้องถือผลสำเร็จที่จะเกิดจากงานเป็นใหญ่"
         พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยศิลปากร ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๔