วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ฟิลิปปินส์จัดสรรงบประมาณเพื่อปกป้องแหล่งทรัพยากรในทะเลจีนใต้

เมื่อ ๘ ก.ย.๕๔ มีรายงานว่า ประธานาธิบดีเบนิโญ อาคิโน ของฟิลิปปินส์ อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม ๔,๙๕๐ ล้านเปโซ ให้กับกองทัพฟิลิปปินส์ เพื่อจัดซื้อเรือยนต์เร็ว ๑ ลำ และ ฮ. ๓ เครื่อง สำหรับ ทร. และอีก ๒,๓๐๐ ล้านเปโซ ในการจัดซื้อ ฮ. และปรับปรุงฐานทัพอากาศ สำหรับ ทอ. ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าวจัดสรรจาก Department of Energy for Malampaya Revenue เพื่อใช้ในการรักษาความมั่นคงและปกป้องแหล่งน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติในทะเลจีนใต้ตามโครงการ Malampaya ซึ่งฟิลิปปินส์อ้างกรรมสิทธิ์ โดยเฉพาะที่ Reed Bank และหมู่เกาะ Kalayaan (ที่มา : http://defense-studies.blogspot.com)

รมว.กห.สหรัฐฯ ระบุว่ากลุ่มอัลกออิดะห์อ่อนกำลังลงไปมากในช่วง ๑๐ ปี

เมื่อ ๖ ก.ย.๕๔ นายลีออน พาเน็ตตา รมว.กห.สหรัฐฯ กล่าวว่า กลุ่มก่อการร้ายอัลกอดิดะห์อ่อนกำลังลงไปมากในช่วง ๑๐ ปี นับตั้งแต่ก่อเหตุวินาศกรรมในสหรัฐฯ เมื่อ ๑๑ ก.ย.๔๔ และชาวสหรัฐฯ สามารถภาคภูมิใจได้ว่า สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการกวาดล้างกลุ่มอัลกออิดะห์ โดยขณะนี้ แกนนำระดับสูงของกลุ่มอัลกออิดะห์ ๓ ใน ๔ คนได้เสียชีวิตแล้ว รวมทั้งนายอุซามะห์ บินลาดิน อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ยังมีแผนก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง (ที่มา : สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์)

ชาวเดนมาร์กที่ถูกโจรสลัดจับตัวไปได้รับการปล่อยตัวแล้วหลังจ่ายเงินค่าไถ่

เมื่อ ๗ ก.ย.๕๔ เจ้าหน้าที่เดนมาร์กกล่าวว่า นายแจน ควิตท์ ชาวเดนมาร์กและครอบครัวรวม ๕ คนกับเจ้าหน้าที่ประจำเรืออีก ๒ คนที่ถูกโจรสลัดโซมาเลียจับตัวไป ขณะแล่นเรือใบขนาด ๔๓ ฟุต ชื่อ เอสวาย-ไอเอ็นจี ในบริเวณแหลมฮอร์นของแอฟริกาเมื่อ ก.พ.๕๔ ได้รับการปล่อยตัวและอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว หลังจากมีการจ่ายเงินค่าไถ่เป็นเงิน ๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ที่มา : สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์)

พัทยากำหนดแนวทางการจัดระเบียบเรือท่องเที่ยวบริเวณหาดตาแหวน

พัทยากำหนดแนวทางการจัดระเบียบเรือท่องเที่ยวบริเวณหาดตาแหวน บ้านเกาะล้าน
         นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา ประชุมร่วมกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๖ สาขาพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตัวแทนชุมชนบ้านเกาะล้าน และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือเกี่ยวกับแนวทางการจัดระเบียบเรือท่องเที่ยว บริเวณหาดตาแหวน บ้านเกาะล้าน เพื่อให้มีมาตรการควบคุมที่ชัดเจน
จากการหารือในครั้งนี้ได้มีการพิจารณากำหนดพื้นที่ของกิจกรรมทางน้ำทุกชนิด เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ สะดวกต่อการตรวจสอบและปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด โดยเฉพาะเรื่องของเขตว่ายน้ำหรือเซฟตี้โซน เรื่องของจุดเข้าออกเรือบริเวณชายหาด เรื่องของสถานที่จอดเรือ จุดจำหน่ายตั๋วสำหรับเรือสำราญจำพวกเรือเจ๊ตสกี และป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวสารสำหรับนักท่องเที่ยว โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเป็นหูเป็นตา และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเพื่อให้เกิดศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทางทะเลที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้จัดทำแผนแม่บทและแนวทางการดำเนินการไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนเรือเจ๊ตสกีที่มีปัญหาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปัจจุบันเมืองพัทยาได้ร่วมกับเจ้าท่าทำการลงทะเบียนเรือไว้แล้วอย่างชัดเจน ซึ่งพบว่ามีอยู่ทั้งหมดกว่า ๖๐๐ ลำ โดยเรือเจ๊ตสกีเหล่านี้ที่ผ่านมาตามกฎหมายแล้วจะถือว่าเป็นเรือสำราญการกีฬาที่ไม่สามารถนำมาให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้
นอกจากนี้ เพื่อให้มีกิจกรรมที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเมืองพัทยา จึงมีการเสนอไปยังกรมเจ้าท่าเพื่อเปลี่ยนประเภทของเรือให้สามารถนำมาบริการได้ แต่ก็ต้องมีการควบคุมโดยจำกัดปริมาณและลงทะเบียนเรือที่ชัดเจน โดยจะมีสัญลักษณ์ของเมืองพัทยาในการอนุญาต ซึ่งนอกเหนือจากเรือที่ลงทะเบียนเหล่านี้หากนำมาให้บริการก็จะถือว่ามีความผิด ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นหนทางหนึ่งในการควบคุมปัญหาเรื่องของเรือเจ๊ตสกีได้เป็นอย่างดี (ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์)

๒๔ กันยายน วันมหิดล

           เนื่องในวันมหิดล กองทัพเรือ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศถวายแด่ จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ผู้ทรงเป็น "พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย" และ "เจ้าฟ้าทหารเรือ" ในวันที่ ๒๔ กันยายน ขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม เขต บางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โดยมีการประกอบพิธีถวายเครื่องสังเวย ณ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพิธีสงฆ์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน เนื่องจากพระดำรินานาประการที่ทรงมอบไว้แก่ราชนาวีไทย นับเป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาที่หาค่ามิได้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น ต้นแบบทางความคิดของทหารเรือไทยในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง ที่ช่วยสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่กิจการราชนาวีไทย
เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๔๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระยศ จอมพลเรือ ถวายแด่ นายนาวาเอก สมเด็จพระมหิตลา ธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องจากได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจที่สำคัญ โดยทรงร่างโครงการสร้างกองเรือรบ หรือโครงการสร้างกำลังทางเรือจนบังเกิดผล สามารถช่วยป้องกันปากแม่น้ำและขัดขวางการปฏิบัติการของข้าศึกตามชายฝั่งได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งต่อมากองทัพเรือได้จัดตั้งฐานทัพและสถานีทหารเรือขึ้น อีกทั้งยังได้ทรงถวายบันทึกรายงานความเห็นเรื่องการนำเรือดำน้ำมาใช้ปฏิบัติงาน แด่นายพลเรือโท กรมหมื่นสิงหวิกรมเกรียงไกร เสนาธิการทหารเรือสมัยนั้น อันเป็นประโยชน์ต่อกองทัพเรือจนเป็นที่ประจักษ์สืบมาจนถึงปัจจุบัน (ที่มา : กพ.ทร.)

กองทัพเรือกำหนดจัดงานพิธีอำลาชีวิตการรับราชการของผู้ครบเกษียณอายุราชการ

กองทัพเรือกำหนดจัดงานพิธีอำลาชีวิตการรับราชการของผู้ครบเกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ใน ๒๙ กันยายน นี้
           กองทัพเรือ กำหนดจัดงานพิธีอำลาชีวิตการรับราชการของผู้ครบเกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ และผู้ที่ขอลาออกจากราชการตามโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดของกระทรวงกลาโหม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ในวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๔ ณ หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนคุณงามความดีของผู้ครบเกษียณอายุราชการที่ได้อุทิศกำลังกายกำลังใจปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังสติปัญญาและความสามารถ เป็นผลให้กองทัพเรือมีความเจริญก้าวหน้าและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สำหรับในปีนี้มีผู้ครบเกษียณอายุราชการ ๔๘๒ นาย และผู้ที่ขอลาออก ฯ จำนวน ๔๖๖ นาย รวมจำนวน ๙๔๘ นาย
(ที่มา : กพ.ทร.)

คณะกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองประจำการกองทัพเรือ

คณะกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองประจำการกองทัพเรือ เยี่ยมชมการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน
         คณะกรรมการพัฒนาอาชีพทหารกองประจำการกองทัพเรือ จะเดินทางไปเยี่ยมชมการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ของทหารกองประจำการที่เข้าอบรมหลักสูตรสาขาช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ช่างเชื่อมอาร์คโลหะด้วยมือ และการควบคุมรถฟอร์คลิฟอย่างปลอดภัยและถูกวิธี ที่ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จังหวัดระยอง ในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔
การอบรมหลักสูตรอาชีพในสาขาต่าง ๆ ให้แก่ทหารกองประจำการก่อนปลดประจำการ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้และฝึกทักษะฝีมือประสบการณ์จากการฝึกอบรม สร้างโอกาสการมีงานทำที่ได้มาตรฐานเพื่อไปประกอบอาชีพตามความถนัดหลังจากปลดประจำการไปแล้ว ทั้งนี้ ผู้ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพในภูมิลำเนาของตนสามารถติดต่อกับสำนักจัดหางานจังหวัด (ที่มา : คพท.)