วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

รัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยร่วมส่งน้ำใจไมตรี สู่พี่น้องชาวเนปาลผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว โดยสามารถบริจาคเงินผ่าน บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล การบริจาคได้สิทธิลดหย่อนภาษี

ตามที่ได้มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้ง ใหญ่ในประเทศเนปาล ทำให้ประชาชนชาวเนปาลได้รับความเดือดร้อนสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็น อย่างมาก จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยมีความประสงค์ ที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว โดยมีการเปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อรวบรวมส่งไปช่วยเหลือ และบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชนชาวเนปาลนั้น การบริจาคช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวผู้บริจาคสามารถนำเงินหรือมูลค่าทรัพย์สิน บริจาคไปหักเป็นค่าลดหย่อน หรือหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
         ๑. ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้เฉพาะการบริจาคเป็นเงิน ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชี เพื่อช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยของหน่วยงานราชการที่เปิดรับบริจาคเป็นการเฉพาะ เช่น บัญชี "หัวใจไทย ส่งไปเนปาล" ธนาคาร กรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล ของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หมายเลขบัญชี ๐๖๗ - ๐ - ๑๐๓๓๐ - ๖ เป็นต้น หรือผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เช่น สถานีโทรทัศน์ หรือมูลนิธิของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น ผู้บริจาคสามารถนำเงินบริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ตามจริง (รวมกับเงินบริจาคอื่นๆ ด้วย) แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ แล้ว โดยใช้หนังสือสำคัญการรับเงินบริจาคที่ส่วนราชการ หรือนิติบุคคลที่เป็นตัวแทนรับบริจาคออกให้ หรือใบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือสลิปของธนาคาร เพื่อเป็นหลักฐานในการนำไปหักลดหย่อนต่อไป
        ๒. ผู้บริจาคที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักรายจ่ายได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ ๒ ของกำไรสุทธิในปีที่บริจาค นอกจากนี้ กรณีการบริจาคทรัพย์สินหรือสินค้าดังกล่าว ถือเป็นเหตุอันสมควรที่ไม่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม
        ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่รับบริจาคเงินหรือ ทรัพย์สินต้องนำเงินและทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคมาทั้งจำนวนนั้น ไปบริจาคให้แก่หน่วยงานของส่วนราชการไทยเท่านั้น เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและหน่วยงานราชการนั้น จะต้องออกหนังสือสำคัญหรือหลักฐานที่แสดงว่าได้รับการบริจาคโดยมียอดเงิน หรือทรัพย์สินที่เป็นยอดรวมทั้งสิ้นตรงกับยอดที่รับบริจาคมาทั้งจำนวน
        กรณีนี้ ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดาและผู้บริจาคที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล จึงจะได้รับสิทธินำยอดเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายได้ แต่หากตัวแทนรับบริจาคนำไปมอบให้แก่ ผู้ประสบภัยโดยตรง ผู้บริจาคจะไม่ได้รับสิทธิในการหักลดหย่อนแต่อย่างใด (ที่มา : กรมสรรพากร)