วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรม เรื่อง "น้ำผึ้งหยดเดียว"

กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรม ในการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง "น้ำผึ้งหยดเดียว"
        มีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่ง หาบน้ำผึ้งที่ใส่หม้อดินไปขายในตลาด มีคนเดินมาชนหาบของเขา น้ำผึ้งจึงกระฉอกหกลงที่ถนน พวกแมลงหวี่ได้กลิ่นน้ำผึ้งจึงบินมาตอม ฝ่ายแมวเห็นแมลงหวี่จับกลุ่มกินน้ำผึ้งก็ออกมาไล่ตะปบแมลงหวี่ ส่วนสุนัขที่อยู่บ้านถัดไปเห็นแมวอยู่ที่ถนน จึงวิ่งออกจากบ้านมาไล่กัดแมว แมวรีบหนีเข้าบ้าน สุนัขก็ไล่เห่าแมวไปจนถึงบ้าน เจ้าของแมวเห็นสุนัขของคนข้างบ้านมาไล่กัดแมว จึงคว้าไม้ไล่ตีสุนัขด้วยความโมโห สุนัขวิ่งไปทางตลาดเพื่อไปหาเจ้าของที่ขายของอยู่ในตลาด เจ้าของสุนัขเห็นเจ้าของแมวไล่ตีสุนัขของตนมา จึงออกมาต่อว่า ในที่สุดก็ทำให้ทะเลาะกัน อันเนื่องมาแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากน้ำผึ้งหยดเดียวแท้ ๆ
        จากเรื่องดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นบางครั้งมาจากต้นตอเพียงเล็กน้อย แต่สามารถลุกลามใหญ่โตขึ้นได้ เพราะคู่กรณีหรือผู้เกี่ยวข้องไม่ยอมมาพบมาพูดคุยกัน ไม่ยอมมาไกล่เกลี่ยเพื่อให้เรื่องยุติโดยเร็ว หรือบางครั้งมัวแต่พูดจาตอบโต้ท้าทาย เรื่องจึงบานปลายลุกลามใหญ่โต กลายเป็นข้อพิพาทที่หาทางยุติไม่ได้ วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดนั้น พุทธศาสนาสอนให้ลดทิฐิมานะแล้วหาทางประนีประนอมกัน และตกลงกันในทางที่เหมาะที่ควร จึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
         ผู้ที่มองข้ามความสำคัญในข้อนี้ ต้องพบกับความวิบัติมามากต่อมากแล้ว อาทิ เด็ก ๆ เล่นกันแล้วทะเลาะกัน เป็นชนวนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน คนบ้านชิดติดกันต้องมาทะเลาะกันเพียงแค่กิ่งมะม่วงยื่นเข้าไปในเขตบ้านกัน และประเทศต่าง ๆ ต้องวุ่นวายเกิดความโกลาหล เกิดปะทะกันรุนแรง เสียหายไปทุกส่วนอยู่บ่อย ๆ เป็นต้น ก็เพราะเรื่องแบบน้ำผึ้งหยดเดียวนี่เอง ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในสังคม จึงไม่มีวิธีใดดีเท่ากับการหันหน้ามาพูดคุยกันด้วยจิตอันประกอบด้วยเมตตา หากทำได้เช่นนี้ เหตุการณ์ลักษณะน้ำผึ้งหยดเดียวก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน (ที่มา : อศจ.ยศ.ทร.)