"ในการปฏิบัติทั้งปวง
ทั้งงานที่เป็นภาระทางโลก
ทั้งงานที่เป็นการค้นหาความจริงในทางธรรม
ถ้าบุคคลระมัดระวังตั้งใจปฏิบัติให้เป็นกลาง
โดยใช้กำลังกาย กำลังใจ
และกำลังความเพียรให้พอเหมาะกับงาน
และกระทำโดยถูกต้องเที่ยงตรง
พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะไม่ให้เจือปนด้วยอคติ
ทั้งสามประการแล้ว
บุคคลก็จะได้รับแต่ผลสำเร็จอันเลิศ
ซึ่งประกอบด้วยความสงบ สะอาด
และสว่าง ที่ว่าสว่างนั้น คือ มีปัญญารู้เหตุรู้ผล
รู้ผิดชอบชั่วดีโดยกระจ่างชัด
เพราะมีใจเป็นอิสระพ้นอำนาจครอบงำของอคติ
ที่ว่าสะอาดนั้น คือ
ไม่มีความทุจริตทั้งในกายวาจาใจมาเกลือกกลั้ว
เพราะเห็นจริงชัดในกุศลและอกุศล
ที่ว่าสงบนั้นคือ เมื่อไม่ประพฤติทุจริตทุก ๆ ทางแล้ว
ความเดือดร้อนวุ่นวายจากบาปทุจริตก็ไม่เข้ามาแผ้วพาลคนที่ประพฤติปฏิบัติตน
ปฏิบัติงานเป็นสายกลาง
จึงประสบความสุขความร่วมเย็นแต่ฝ่ายเดียว
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อเชิญไปอ่านในการประชุมสมาคมพุทธศาสนาทั่วราชอาณาจักร
ครั้งที่ ๒๖ ที่จังหวัดนครพนม ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๗ ธันวาคม ๒๕๒๑