วันนี้ (๑๙ พฤษภาคม
๒๕๕๘) เวลา ๐๘.๑๕ น. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ
เป็นประธานในพิธีบวงสรวง พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ พระอนุสาวรีย์
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
เนื่องในวันอาภากร ประจำปี ๒๕๕๘ ณ หน้าอาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ
พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมีหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือพื้นที่กรุงเทพมหานคร
สมาคมภริยาทหารเรือ องค์กรภาครัฐ เอกชน และราชสกุลอาภากร เข้าร่วมพิธี
จากนั้น
เวลา ๑๐.๒๐ น. พลเรือเอก พจนา เผือกผ่อง รองผู้บัญชาการทหารเรือ
เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ณ วิหารน้อย วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
กรุงเทพมหานคร โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่กองทัพเรือ ผู้แทนราชสกุลอาภากร
ผู้แทนสมาคมภริยาทหารเรือ เข้าร่วมพิธี
วันที่
๑๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๖๖ เป็นวันสิ้นพระชนม์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้ทรงเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย
โดยเฉพาะเหล่าทหารเรือ ซึ่งเทิดทูนยกย่องและขนานพระนามว่า "องค์บิดาของทหารเรือไทย"
ทั้งนี้ ด้วยทรงวางรากฐานการทหารเรือให้มีความเข้มแข็งมั่นคงตราบเท่าทุกวันนี้
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์
ประสูติเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๒๓
ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และ เจ้าจอมมารดาโหมด ภายหลังเหตุการณ์รัตนโกสินทรศก ๑๑๒
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติ
วงศ์
เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ
ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงศึกษาอยู่นั้น
ได้มีพระวิริยะอุตสาหะจนผลการศึกษาปรากฏอยู่ในขั้นดีเยี่ยม
หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาได้เสด็จกลับเข้ารับราชการในกรมทหารเรือ
ด้วยพระปรีชาสามารถในการรับราชการจนปรากฏความชอบ
ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นตามลำดับ
ในพุทธศักราช ๒๔๔๘ ขณะทรงดำรงตำแหน่ง
รองผู้บัญชาการกรมทหารเรือ
ผู้บัญชาการกรมเรือกลและป้อม
และทำการในหน้าที่เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ
ได้ทรงปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาและระบบการปกครองของโรงเรียนนายเรือให้ทหาร
เรือมีความรู้ความชำนาญ
สามารถเป็นผู้บังคับบัญชาและเป็นครูได้เป็นผลสำเร็จ
ไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างประเทศเหมือนที่แล้วมา
ในพุทธศักราช ๒๔๖๒
ทรงเป็นผู้มีส่วนสำคัญยิ่งในการจัดหาเรือพระร่วงไว้ใช้ในราชการ
และทรงเป็นผู้บังคับการเรือลำดังกล่าวที่มีชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นลูก
เรือ
นำเรือพระร่วงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศอังกฤษกลับสู่พระนครด้วย
พระองค์เอง
นับเป็นนายทหารเรือไทยคนแรกที่ได้นำเรือรบเดินทางไกลมาจากต่างประเทศ
นอกจากพระปรีชาสามารถด้านการทหารเรือแล้ว
ทรงมุ่งมั่นศึกษาเกี่ยวกับวิชาแพทย์แผนโบราณจากตำราไทย ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้โดยมิได้ทรงเลือกชั้นวรรณะเป็นจำนวนมาก
จนพระเกียรติคุณในนาม "หมอพร" ขจรขจายไปในทุกชนชั้น
อีกทั้งยังทรงเป็นจิตรกรเขียนภาพที่งามวิจิตร ดังปรากฏภาพฝีพระหัตถ์ที่ผนังโบสถ์วัดปากคลองมะขามเฒ่า
จังหวัดชัยนาท ซึ่งยังคงปรากฏอยู่ตรวจจนทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังทรงมีพระปรีชาสามารถทางดนตรี
โดยได้ทรงพระนิพนธ์เพลงทหารเรือ เช่น เพลง "ฮะเบสสมอ"
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "ดอกประดู่" เพลง "เกิดมาทั้งที"
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "เดินหน้า" และเพลง "ดาบของชาติ"
ซึ่งเพลงเหล่านี้มีเนื้อหาของบทเพลงปลุกใจให้เข้มแข็งในยามทุกข์
ก่อให้เกิดความรู้สึกรักแผ่นดิน รักหน้าที่ รักเกียรติ และเกิดความมุมานะ
ยอมสละได้แม้ชีวิตเพื่อชาติ ถือได้ว่าเป็นมรดกที่ฝังแน่นในใจทหารเรือทุกนายตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
กองทัพเรือ
ได้กำหนดให้กำลังพลแต่งกายเครื่องแบบหมายเลข ๒ และแถวทหารรับฟังคำประกาศพระเกียรติคุณ
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ที่พระองค์ท่านได้ทรงวางรากฐานการทหารเรือให้มีความเข้มแข็งมั่นคงตราบเท่าทุกวันนี้
(ที่มา : สลก.ทร.)