วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะและพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์


พลเรือเอก อมรเทพ ณ บางช้าง ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื่องในวันอาภากร ประจำปี ๒๕๕๖ ณ ฐานทัพเรือกรุงเทพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ น.
         จากนั้น เวลา ๑๐.๒๐ น. ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื่องในวันอาภากร ณ วิหารน้อย วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
         กองทัพเรือ กำหนดให้วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ของทุกปี เป็น "วันอาภากร" เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึง พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ได้ทรงวางรากฐานการบริหารงานของกองทัพเรือ ระเบียบ วิธีปฏิบัติต่าง ๆ ภายในกองทัพเรือ จนทำให้กองทัพเรือไทยมีความทันสมัย มีมาตรฐานและเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยะประเทศมาตราบจนทุกวันนี้
         วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๖๖ เป็นวันสิ้นพระชนม์ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรสองค์ที่ ๒๘ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ เจ้าจอมมารดาโหมด พระองค์ทรงเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะเหล่าทหารเรือ ซึ่งเทิดทูนยกย่อง และขนานพระนามว่า "องค์บิดาของทหารเรือไทย" ที่พระองค์ได้ทรงวางรากฐานและเสริมสร้างการทหารเรือไทยให้มีความทันสมัยและเข้มแข็งทัดเทียมกับอารยประเทศ หลังจากที่ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรืออังกฤษ และเดินทางกลับสู่สยาม เมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๓
        ตลอดระยะเวลาที่ทรงรับราชการในกระทรวงทหารเรือ พระองค์ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะพัฒนาและสร้างความมั่นคงเข้มแข็งให้แก่ ราชนาวีไทยในทุก ๆ ด้าน ทรงปลูกฝังจิตวิญญาณและวิชาชีพทหารเรือแก่คนไทย เพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการทหารเรือตามแบบตะวันตก โดยไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างชาติเหมือนที่เป็นมาในอดีต พระองค์ทรงนำเรือหลวงใกุฎราชกุมารเดินทางไปอวดธงสยามในน่านน้ำต่างประเทศ ด้วยกำลังพลที่เป็นคนไทยล้วน ๆ เป็นครั้งแรก เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๐ อันแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในด้านการทหารเรือของพระองค์อย่างแท้จริง
        นอกจากนี้ ยังทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านการแพทย์แผนโบราณ โดยทรงให้การรักษาผู้เจ็บป่วยในระหว่างที่ทรงลาออกจากกระทรวงทหารเรือชั่ว ระยะหนึ่ง พระองค์ทรงกลับเข้ารับราชการอีกครั้งหนึ่งเมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๐ ในตำแหน่งจเรทหารเรือและเสนาธิการทหารเรือ ตามลำดับ ในขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ พระองค์ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักยุทธศาสตร์ด้วยทรงขอพระราชทาน พื้นที่สัตหีบซึ่งมีชัยภูมิเหมาะสมเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ อีกทั้งยังทรงมีพระดำริให้จัดตั้งกำลังอากาศนาวี เพื่อให้มีนาวิกานุภาพที่สมบูรณ์และเข้มแข็ง ซึ่งกรุณาคุณของพระองค์ยังคงดำรงอยู่มาถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับบทเพลงทหารเรือที่ได้ทรงนิพนธ์ไว้ อาทิ เพลงเดินหน้า เพลงดอกประดู่ และเพลงดาบของชาติ ซึ่งยังคงถูกขับขานเพื่อปลุกจิตวิญญาณและความสามัคคีของเหล่าทหารเรือให้ เป็นหนึ่งเดียว ในการอุทิศตนเพื่อปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติและราชนาวีอย่างเต็มกำลังความ สามารถ
        เนื่องในวันอาภากรในปีนี้ กองทัพเรือขอน้อมรำลึกถึงกรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ และขอเทิดพระเกียรติคุณ พร้อมทั้งน้อมจิตอธิฐานอัญเชิญดวงพระวิญญาณของพระองค์ ทรงสถิตเป็นมิ่งมงคลและมิ่งขวัญแก่กำลังพลของกองทัพเรือทุกนาย ซึ่งมุ่งมั่นที่จะอุทิศตนในการสืบสานพระปณิธานของพระองค์ ด้วยการปฏิบัติหน้าที่ทหารเรืออย่างเต็มกำลังความสามารถ นำความเจริญรุ่งโรจน์เจริญก้าวหน้ามาสู่กองทัพเรือ ดำรงไว้ซึ่งภารกิจในการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้มั่นคงสืบไป (ที่มา : สลก.ทร.)