กองอนุ
ศาสนาจารย์
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่ให้กำลังพลได้ทราบถึงหลักธรรม
ในการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท
สำหรับในวันนี้นำเสนอเรื่อง "คนละเรื่องเดียวกัน" ดังนี้
สังคมสมัยก่อนในตอนเช้า
เรามักจะเห็นภาพคุณลุงคุณป้าจะชอบไปนั่งจิบกาแฟกับปาท่องโก๋แถว
ๆ ร้านกาแฟหน้าปากซอยอยู่เสมอ เราเรียกชุมนุมย่อย ๆ นี้ว่า "สภากาแฟ"
กาแฟโบราณนั้นมีเอกลักษณะอยู่อย่างหนึ่งคือจะใส่นมข้นหวานไว้ด้านล่าง
แล้วเทน้ำกาแฟลงไปด้านบน ถ้าใครชอบหวานมากก็ชงนมด้านล่างให้ผสมกับเนื้อกาแฟ
สำหรับคนที่ชอบหวานน้อยก็อาจจะดื่มโดยที่ไม่ต้องคนเลยเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้มีอยู่ว่า
วันหนึ่ง คุณลุงคนหนึ่งก็ไปนั่งจิบกาแฟที่สภากาแฟ พอดีหลานสาวเจ้าของร้านอยู่ในช่วงปิดเทอมจึงมาช่วยยายขายกาแฟ
พอหลานยกกาแฟมาส่งให้ที่โต๊ะ คุณลุงก็พูดขึ้นว่า "นมน้อยจัง"
หลานสาวเกิดอาการเขินอาย ตอบกลับไปด้วยเสียงเบา ๆ ว่า "เพิ่งขึ้นค่ะ"
ยายได้ยินดังนั้นก็ทุบโต๊ะดังปัง แล้วตะโกนสวนไปว่า "เพิ่งขึ้นที่ไหนกัน
ขึ้นมาตั้งสองเดือนแล้ว"
สรุปว่า ลุงพูดถึงนมในแก้วกาแฟ
หลานสาวพูดถึงหน้าอกของตัวเอง ส่วนยายหมายถึงราคานมที่ปรับราคาขึ้น
เรื่องนี้แม้จะเป็นเสพียงเรื่องตลกขบขันที่เล่าต่อ ๆ กันมา แต่ในความตลกขบขันนั้น
ถ้าพิจารณาให้ดีก็จะได้แง่คิดทางธรรมว่า คนเราอาจพูดกันคนละเรื่องทั้ง
ๆ ที่คิดว่ากำลังพูดเรื่องเดียวกันเข้าทำนองว่า คนละมุมมอง คนละข้อคิดเห็น
คนละประเด็นข้อสังเกต แต่เรื่องเดียวกัน ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอาจเกิดจากสภาวะจิตที่ถูกปรุงแต่งขณะนั้น
เช่น คนหนึ่งกำลังพิจารณากาแฟในแก้ว อีกคนหนึ่งกำลังกังวลเรื่องความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตนเอง
และอีกคนหนึ่งกำลังกังวลเรื่องกำไรขาดทุน
ดังนั้น
ความเข้าใจผิดจึงเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้แม้จะกำลังพูดภาษาเดียวกัน
นั่งพูดกันตัวต่อตัว และไม่มีใครมีเจตนาบิดเบือนข้อมูล
เรื่องดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าความเข้าใจกันผิด
เกิดขึ้นได้ง่ายเพียงใด
และหากเกิดความเข้าใจผิดในเรื่องที่สำคัญ
ความเสียหายก็จะมีมากตามไปด้วย
การสื่อสารในองค์กรก็เช่นเดียวกัน หากขาดความระมัดระวัง
ไม่ใช้สติกำกับในเรื่องที่คิด
ในกิจที่กำลังทำ และในคำที่กำลังจะพูด
เราก็จะประสบกับเรื่องราวในลักษณะ
"คนละเรื่องเดียวกัน" ได้อย่างแน่นอน (ที่มา :
อศจ.ยศ.ทร.)