กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
ได้จัดทำบทความทางศีลธรรมและวัฒนธรรมเกี่ยวกับเรื่อง "ปีชง"
เพื่อให้สอดรับกับเทศกาลขึ้นปีใหม่ คำหนึ่งที่เรามักได้ยินคุ้นหู คือคำว่า "ปีชง"
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า "ชง" ไว้อีกนัยหนึ่งว่า งง, ชะงัก,
ประหม่า ดังนั้น ปีชงจึงอาจหมายถึงปีที่มีความงุนงง สะดุด ชะงัก ประหม่า หวาดหวั่น
มีเคราะห์ เป็นต้น มีคติความเชื่อมาจากโหราศาสตร์ว่า คนที่เกิดปีชงในแต่ละปีนั้น
จะประสบกับปัญหา ความเดือดร้อน วุ่นวายต่าง ๆ ทั้งนี้
เพราะเชื่อว่าอิทธิพลของดวงดาวโคจรมาปะทะหรือครอบงำคนเกิดปีชงนั้น ๆ
หมอดูทั้งหลายจึงแนะนำว่า ในช่วงปีใหม่หรือตรุษจีนของแต่ละปี
คนที่เกิดปีชงควรหาโอกาสไปไหว้เทพเจ้า หรือทำบุญ ๙ วัด
ตามความสะดวกที่จะสามารถทำได้
และหาวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังที่เป็นสิริมงคลมาเสริมดวงชะตาให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
ปลอดภัยไปตลอดปี
ความเชื่อดังกล่าวเป็นเรื่องกุศโลบาย คือ อุบายอย่างชาญฉลาดที่ต้องการแนะนำมนุษย์ด้วยกันว่า เมื่อถึงคราวปีใหม่หรือบางช่วงเวลาที่ผ่านไปของชีวิต ให้เริ่มต้นฉุกคิดหรือนึกถึงบุญกุศล หรือคุณงามความดีต่าง ๆ ที่จะเป็นสิ่งส่งเสริมหรือสนับสนุนชีวิตให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะบางทีก็ห่างเหินสิ่งเหล่านั้นมานานเป็นเวลาแรมเดือนแรมปี และให้รู้จักดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท หรือไม่หลงมัวเมาในชีวิต จนลืมนึกถึงวันเวลาแห่งการทำคุณงามความดีต่าง ๆ ซึ่งก็สอดคล้องกับหลักพระพุทธศาสนาที่สอนไว้ว่า ประโยชน์คือความดีงามต่าง ๆ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอยู่ในตัวเอง คือ ทำดีเมื่อไร สิ่งที่เป็นคุณงามความดี เป็นมงคลชีวิตก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของดวงดาวแต่อย่างใด กล่าวคือ ดวงดาวต่าง ๆ ไม่สามารถจะดลบันดาลดีชั่วให้มนุษย์ได้ มนุษย์จะโชคดีมีสุขหรือประสบเคราะห์กรรมความเดือดร้อนต่าง ๆ ก็ล้วนเกิดมาจากกรรมหรือการกระทำของมนุษย์เอง
ดังนั้น การจะไหว้เทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ หรือทำบุญ ๙ วัด ตามโอกาสนั้น จะด้วยมีความเชื่อเรื่องปีชงหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะใครก็ตาม หากดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ด้วยการทำดีหนีชั่ว บูชาสิ่งที่ควรเคารพบูชา เป็นต้น สิ่งที่ดีงามและความสุขสวัสดีทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้นในชีวิตของบุคคลนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย โดยไม่จำกัดกาลเวลาหรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงดาวใด ๆ เลย (ที่มา : ยศ.ทร.)
ความเชื่อดังกล่าวเป็นเรื่องกุศโลบาย คือ อุบายอย่างชาญฉลาดที่ต้องการแนะนำมนุษย์ด้วยกันว่า เมื่อถึงคราวปีใหม่หรือบางช่วงเวลาที่ผ่านไปของชีวิต ให้เริ่มต้นฉุกคิดหรือนึกถึงบุญกุศล หรือคุณงามความดีต่าง ๆ ที่จะเป็นสิ่งส่งเสริมหรือสนับสนุนชีวิตให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะบางทีก็ห่างเหินสิ่งเหล่านั้นมานานเป็นเวลาแรมเดือนแรมปี และให้รู้จักดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท หรือไม่หลงมัวเมาในชีวิต จนลืมนึกถึงวันเวลาแห่งการทำคุณงามความดีต่าง ๆ ซึ่งก็สอดคล้องกับหลักพระพุทธศาสนาที่สอนไว้ว่า ประโยชน์คือความดีงามต่าง ๆ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอยู่ในตัวเอง คือ ทำดีเมื่อไร สิ่งที่เป็นคุณงามความดี เป็นมงคลชีวิตก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของดวงดาวแต่อย่างใด กล่าวคือ ดวงดาวต่าง ๆ ไม่สามารถจะดลบันดาลดีชั่วให้มนุษย์ได้ มนุษย์จะโชคดีมีสุขหรือประสบเคราะห์กรรมความเดือดร้อนต่าง ๆ ก็ล้วนเกิดมาจากกรรมหรือการกระทำของมนุษย์เอง
ดังนั้น การจะไหว้เทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ หรือทำบุญ ๙ วัด ตามโอกาสนั้น จะด้วยมีความเชื่อเรื่องปีชงหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะใครก็ตาม หากดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ด้วยการทำดีหนีชั่ว บูชาสิ่งที่ควรเคารพบูชา เป็นต้น สิ่งที่ดีงามและความสุขสวัสดีทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้นในชีวิตของบุคคลนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย โดยไม่จำกัดกาลเวลาหรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงดาวใด ๆ เลย (ที่มา : ยศ.ทร.)