วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กองทัพเรือจัดพิธีเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือพระราชพิธี

วันนี้ (๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เวลา ๐๘.๒๙ น. พลเรือเอก สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือพระที่นั่ง ณ อู่หมายเลข ๒ อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เพื่ออัญเชิญเข้าร่วมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินโดยขบวน พยุหยาตราทางชลมารคเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
        งานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ในครั้งนี้ ใช้เรือพระราชพิธี จำนวน ๕๒ ลำ และกำลังพลจากหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือเป็นกำลังพลและ
ฝีพายประจำเรือพระราชพิธี จำนวน ๒,๒๐๐ นาย รูปกระบวนเรือจัดเป็น ๕ ริ้ว ประกอบด้วย เรือพระที่นั่ง ๔ ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ เรือพระที่นั่ง อนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เรือรูปสัตว์ ๘ ลำ ได้แก่ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรือกระบี่ ราญรอนราพณ์ เรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง เรือครุฑเหินเห็จ เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรืออสุรวายุภักษ์ เรืออสุรปักษี เรือดั้ง ๒๒ ลำ และเรืออื่น ๆ อีก ๑๘ ลำ ซึ่งการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ ๑๗ ที่จัดขึ้นในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีการประพันธ์กาพย์เห่เรือขึ้นมาใหม่ ชื่อ กาพย์เห่เรือเฉลิมพระชนมพรรษา๘๕ พรรษา ประพันธ์โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย มี นาวาโท ณัฐวัฎ อร่ามเกลื้อ เป็นพนักงานเห่
        พิธีเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือ เป็นพิธีที่ชาวเรือมีความเชื่อกันมาแต่โบราณว่า เรือทุกลำมีแม่ย่านางเรือสิงห์สถิตอยู่คอยปกปักรักษาคุ้มครองป้องกันอันตราย ทั้งปวงที่จะเกิดแก่เรือ ก่อนออกเรือทุกครั้ง หรือการนำเรือไปใช้งานจึงมักกระทำพิธีเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือ หรือบูชาแม่ย่านางเรือก่อน เพื่อความเป็นสิริมงคลเป็นขวัญกำลังใจแก่กำลังพลประจำเรือ ถือเป็นประเพณีอย่างหนึ่งที่ยึดถือปฏิบัติกันต่อเนื่องมา (ที่มา : สลก.ทร.)