วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

พิธีต้อนรับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดเดินทางกลับถึงประเทศไทย

พิธีต้อนรับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดเดินทางกลับถึงประเทศไทย
       วันนี้ (๒๐ มกราคม ๒๕๕๔) เวลา ๐๘.๐๐ น. พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีต้อนรับ เรือหลวงสิมิลัน เรือหลวงปัตตานี พร้อมกำลังพลของหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดที่เดินทางกลับจากการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อ่าวเอเดนและชายฝั่งโซมาเลีย เมืองซาลาล่าห์ รัฐสุลต่านโอมาน ณ ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
       ตามที่กองทัพเรือได้จัด เรือหลวงสิมิลัน เรือหลวงปัตตานี พร้อมเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ เบลล์ ๒๑๒ จำนวน ๒ เครื่อง และชุดปฏิบัติการพิเศษของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ประกอบกำลังเป็นหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดกองทัพเรือ เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อ่าวเอเดนและชายฝั่งโซมาเลีย โดยออกเดินทางจากประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๓ และเดินทางถึงเมืองซาลาล่าห์ รัฐสุลต่าน โอมาน เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๓ จากนั้นได้เริ่มปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวนให้ความคุ้มครอง เรือประมงและเรือสินค้าให้ได้รับความปลอดภัยจากการถูกปล้นจากโจรสลัด ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นมา ซึ่งจากการปฏิบัติภารกิจสามารถให้ความช่วยเหลือเรือประมง เรือสินค้า ตลอดจนลูกเรือที่ถูกโจรสลัดปล้นยึดเรือได้เป็นจำนวนมาก ขณะนี้ เรือหลวงสิมิลันและเรือหลวงปัตตานี ได้เสร็จสิ้นภารกิจและเดินทางออกจากเมืองซาลาล่าห์ รัฐสุลต่านโอมาน เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๘.๐๐ น.
     การจัดหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดไปปฏิบัติงานในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพไทยส่งกำลังออกไปนอกประเทศเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนชาวไทย สร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการธุรกิจพาณิชยนาวีของไทย รวมถึงส่งเสริมศักยภาพ การแข่งขันทางการค้าและเศรษฐกิจกับต่างประเทศ นอกจากนั้น การส่งกำลังเข้าร่วมกับกองกำลังผสมทางเรือของนานาชาติ เป็นการแสดงออกให้ประชาคมโลกเห็นถึงความมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกองกำลังนานาชาติ ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจของผู้ประกอบการและเกิดผลดีกับระบบเศรษฐกิจของไทยในภาพรวม เนื่องจากเส้นทางนี้ ถือเป็นเส้นทางหลักเส้นทางหนึ่งในการนำเข้าและส่งออกสินค้าของไทย ที่มีมูลค่าปีละกว่า ๒ ล้านล้านบาท
       ในระดับนานาชาติ การส่งกำลังไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการภายใต้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ไทยเป็นสมาชิก ซึ่งถือเป็นการแสดงออกถึงการให้ความร่วมมือในการเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเลร่วมกับนานาชาติ อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และสถานการณ์ในปัจจุบัน ดังนั้น การปฏิบัติการครั้งนี้จึงเป็นอีกบทบาทหนึ่งของกองทัพเรือที่สามารถใช้ในการสนับสนุนนโยบายของรัฐให้เป็นรูปธรรม (ที่มา : สลก.ทร.)