สารวัตรทหารและกองกำลังตำรวจปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ได้ทำงานร่วมกัน ในการนำเรือดำน้ำเข้าสู่ฝั่ง ที่หมู่บ้านชาวประมง ปันตา โบนิต้า ใกล้กับเมืองบัวนา เวนทูน่า ที่อยู่ชายฝั่งด้านที่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เจ้าหน้าที่พบว่า เรือดำน้ำลำนี้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเรือกึ่งเรือดำน้ำ ซึ่งต่างจากเรือดำน้ำลำก่อน ๆ ที่เคยยึดได้ในโคลัมเบีย ซึ่งเรือดำน้ำเหล่านี้ สามารถแล่นอยู่ใต้ผิวน้ำได้ตลอดเวลา
หน่วยข่าวกรองของโคลัมเบีย เชื่อว่า เรือลำนี้จะเป็นของกบฎฟาร์ซ ซึ่งพบว่า ภายในมีพื้นที่ ๒๗ ลูกบาศก์เมตร ทำให้สามารถบรรทุกโคเคนได้เป็นจำนวนมากถึง ๑๐ ตัน ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เรือกึ่งเรือดำน้ำลำนี้ อาจเดินทางเป็นระยะทางถึง ๑,๗๗๐ กิโลเมตรโดยไม่ต้องแวะเติมน้ำมันกลางทาง สามารถเดินทางไปถึงอเมริกาและกลับสู่โคลัมเบียได้เลย และอาจมีคนอยู่ในเรือจำนวน ๕ คน
ในปีนี้เพียงปีเดียว หน่วยปราบปรามยาเสพติด สามารถยึดเรือดำน้ำได้ ๗ ลำ และนับตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ เป็นต้นมา มีเรือดำน้ำขนยาเสพติดถูกยึดถึง ๖๖ ลำ หลังจากทางการสืบทราบว่าพวกมันถูกใช้เป็นอุปกรณ์ขนยาของพวกพ่อค้ายาเสพติด ปัจจุบัน โคลัมเบีย ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้ายาเสพติดรายใหญ่ของโลก และพวกพ่อค้ายาก็พยายามหาหนทางในการขนส่งยาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับ
(ที่มา : เว็บไซต์คมชัดลึก)
