จากที่ทางการพม่าประกาศเพิ่มค่าปรับเรือประมงไทยที่เข้าไปเขตสัมปทานในน่านน้ำของประเทศพม่า จากเดิมปรับวันละ ๔๐๐ เหรียญสหรัฐ เพิ่มเป็น ๘๐๐ เหรียญสหรัฐ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และอาจทำให้เรือประมงหันมาลักลอบทำประมงและรุกล้ำน่านน้ำในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ทางสมาคมประมงระนองได้ประชุมหารือกับ ๓ บริษัทผู้ได้รับสัมปทานการทำประมงในน่านน้ำพม่า รวมทั้งศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย - พม่า ได้ข้อสรุปเพื่อเรียกร้องไปยังทางการพม่า ๔ ข้อ คือ
๑. ประกาศดังกล่าวควรใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป เพื่อสามารถแจ้งให้ เจ้าของเรือทราบ รวมทั้งจัดการทำงานในทะเลระวังไม่ให้เกินกว่าวันที่ระบุในใบอนุญาต
๒. อัตราค่าปรับวันที่เกินระยะ ๑ - ๕ วัน ควรเท่ากับ ๔๐๐ เหรียญสหรัฐ เป็นอัตราเดิม เพราะบางครั้งทางเรือมีความจำเป็น เช่น เครื่องยนต์ขัดข้อง สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เสบียงยังเหลือ ได้ปลายังไม่เต็มลำ เป็นต้น
๓. การคำนวณค่าปรับควรคำนวณเป็นขั้นบันได คือ ถ้าเกิน ๘ วัน วันที่ ๑ - ๕ วัน คิดวันละ ๔๐๐ เหรียญสหรัฐ วันที่ ๖ - ๘ คิด ๘๐๐ เหรียญต่อวัน ไม่ใช้คิดคำนวณ ๘๐๐ เหรียญต่อวัน
๔. ในระหว่างวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ซึ่งที่มีผลย้อนหลังจากประกาศ จนถึงวันที่ ๑ สิงหาคม ควรคิดค่าปรับที่ ๔๐๐ เหรียญสหรัฐต่อวัน
สำหรับใบอนุญาตใหม่จะมีให้เลือกทำ ๒ แบบ คือ ๓๐ วัน และ ๔๐ วัน แต่ไม่มี ๓๕ วัน ถ้าทำ ๔๐ วัน ถือว่ามากเกินไป ได้เสนอไปยังอธิบดีกรมประมงไทยเพื่อประสานความร่วมมือไปยังอธิบดี กรมประมงพม่าด้วยแล้วเพื่อมิให้ปัญหาเกิดการบานปลาย ซึ่งปัจจุบันมีเรือประมงไทยเข้าไปสัมปทานในน่านน้ำพม่าผ่านทาง ๓ บริษัทประมาณ ๑๒๐ ลำ (ที่มา : เว็บไซต์ข่าวสด)
