จากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นในน่านน้ำไทยว่าเป็นผลมาจากอุณหภูมิในน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งสูงกว่า ๓๐ องศาเซลเซียส และเป็นจุดที่กระตุ้นให้เกิดการฟอกขาวของปะการัง โดยพบว่าสภาวะฟอกขาวของปะการังในน่านน้ำไทย ได้เกิดขึ้นกับแนวปะการังทั้งฝั่งอันดามัน มีพื้นที่ ๗๙ ตารางกิโลเมตร และอ่าวไทยมีพื้นที่แนวปะการัง ๗๕ ตารางกิโลเมตร มีการฟอกขาวของปะการังเกิดขึ้นมากกว่าร้อยละ ๗๐ นับว่าปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๓ นี้ เป็นสภาวะที่รุนแรงที่สุดและเป็นวิกฤตการณ์ที่น่าวิตกอย่างยิ่งสำหรับท้องทะเลไทย ขณะนี้ปะการังได้หยุดฟอกขาวแล้ว
สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กำลังเร่งสำรวจว่าการฟอกขาวที่เกิดขึ้นทำให้แนวปะการังเสียหายไปจำนวนเท่าไหร่ และส่วน ที่เหลือมีการฟื้นตัวได้มากแค่ไหน โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการประสานกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจสภาพแนวปะการังใน ๘ พื้นที่ นอกเขตความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาแล้วกว่า ๑ เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จและได้ผลสำรวจที่สมบูรณ์ประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เสนอไปยังกรมอุทยานฯ เพื่อให้กำหนดมาตรการด้านการใช้ประโยชน์จากแนวปะการังโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว พร้อมกับแจ้งให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งประชาสัมพันธ์รณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนระมัดระวังในเรื่องการท่องเที่ยวหรือการดำน้ำที่ไม่ไปรบกวนหรือสร้างความเสียหายให้กับแนวปะการังที่ยังรอดอยู่ และเพื่อให้แนวปะการังได้มีโอกาสฟื้นตัวตามธรรมชาติ ซึ่งการฟื้นตัวของปะการังจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณและความรุนแรงของการฟอกขาว ความหลากหลายของปะการังที่เหลืออยู่ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม (ที่มา : พิมพ์ไทย)
